NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 60

ตอนที่ 60

บทที่ 60 เซี่ยลู่ไปขอความช่วยเหลือจากหลินชิงชิง

“ไปกับพวกเราเถอะ” คนของหลี่หลงพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้ว รู้สึกลังเลหน่อย หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องการตายของลูกพี่หลี่?

หลี่ฝางคิดอยู่ในใจ ในเมื่อการตายของลูกพี่หลี่ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเอง ไปก็ไป

เดินออกจากประตูโรงเรียน หลี่ฝางถูกกดคอและคุมตัวขึ้นรถตู้คันหนึ่ง

จากนั้น มีคนเอาถุงดำคลุมหัวของหลี่ฝางไว้

“ออกรถ!”

รถเริ่มวิ่งออกไป หลี่ฝางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

หลี่ฝางถาม: “ลูกพี่ทั้งหลาย พวกพี่จะพาผมไปไหน? ”

“อย่าถามมาก ไปแล้วจะรู้เอง” อีกฝ่ายพูด

หลี่ฝางคิดอยากจะส่งข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือ ปรากฏว่าถูกเค้าแย่งมือถือไป

“ผมไม่ใช่คนที่ฆ่าลูกพี่หลี่สักหน่อย ทำไมต้องจับตัวผม? ” หลี่ฝางถามด้วยความร้อนใจ

คนบนรถหัวเราะฮาฮาดังๆ

“ไอ้หนุ่มน้อย ถึงแกบอกว่าแกเป็นคนฆ่าลูกพี่ใหญ่เรา พวกเราก็ไม่เชื่อหรอก”

……

เซี่ยลู่กับหลิวเฉียวเฉียวเห็นหลี่ฝางโดนจับตัวขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตา ทั้งสองคนร้อนใจมาก

“ทำยังไงดี พวกเราแจ้งตำรวจดีไหม” หลิวเฉียวเฉียวกำมือไว้แน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ

“ห้ามแจ้งตำรวจเด็ดขาด ถ้าแจ้งตำรวจ หลี่ฝางต้องมีอันตรายแน่ๆ ” เซี่ยลู่ขมวดคิ้ว

เธอคิดอยู่ตั้งนานแล้วพูดว่า: “พวกเราไปหาหลินชิงชิงได้นี่นา เธอเป็นพี่สาวบุญธรรมของหลี่ฝางไม่ใช่เหรอ? ถ้าเธอรู้ว่าหลี่ฝางมีอันตราย ต้องไปช่วยเค้าแน่นอน”

“แต่เราไม่มีเบอร์ติดต่อของหลินชิงชิงนี่ จะหาเธอเจอได้ไงล่ะ? ” หลิวเฉียวเฉียวสีหน้าร้อนใจมาก

เซี่ยลู่หัวเราะเหอะๆ และบอกว่า: “หลินชิงชิงเป็นลูกสาวของลูกพี่หลิน อยากจะหาเธอจะไม่ง่ายเหรอ? ไปที่เขตเมืองตะวันตก แค่ถามคนทั่วไปก็ได้แล้ว”

เซี่ยลู่โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จากนั้นไปที่เขตเมืองตะวันตก

ทั้งสองคนไปถึงพื้นที่วุ่นวายที่สุดของเมืองตะวันตก ถนนคนเดินร้านอินเทอร์เน็ต

มีคนผิวปากให้เธอทั้งสองตลอดเวลา เซี่ยลู่เชิดใส่คนพวกนี้: “ที่นี่ทำไมมีแต่พวกนักเลงเยอะขนาดนี้”

เพิ่งพูดจบ ก็มีคนคนหนึ่งที่ผมเหลืองเข้ามาขวางทางของเซี่ยลู่ไว้

“คนสวย ขอเบอร์โทรหน่อยสิ” ไอ้ผมเหลืองมองเซี่ยลู่ด้วยสายตาที่เสน่ห์หา

“หลีกไป” เซี่ยลู่สองมือกอดอก พูดอย่างเย็นชา

“โอ้ นิสัยเด่นพิเศษจริงๆ ” ไอ้ผมเหลืองยื่นออกมาจับที่ใต้คางของเซี่ยลู่

“จะไปไหนก็ไป” เซี่ยลู่ปัดมือของไอ้ผมเหลืองออก

“เห้ย กล้าตีกูเหรอนี่” สีหน้าของไอ้ผมเหลืองดุร้ายขึ้นมาทันที เขายื่นมือไปจับผมของเซี่ยลู่ แล้วลากตัวเขาไปในซอยหนึ่งของถนนคนเดินนี้

“อีเลวเอ้ย มึงรู้รึเปล่าว่ากูคือใคร? ” ไอ้ผมเหลืองจ้องหน้าเซี่ยลู่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น: “กูจะบอกมึงให้ กูเป็นพี่รองของที่นี่เว้ย”

“ถึงแม้นายจะเป็นพี่รอง ก็ไม่ควรจะมาลวนลามฉันในเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้นี่นา” เซี่ยลู่เหลือบตามองไอ้ผมเหลือง

“อีกอย่าง นายกูมั่วเก่งนะ ฉันไปตีไหนเมื่อไหร่? ” เซี่ยลู่แค่ปัดมือของไอ้ผมเหลืองออกเท่านั้น แบบนี้จะเป็นการตีได้ไง

“กูไม่สน ตอนนี้แขนของกูกระดูกหักแล้ว” ไอ้ผมเหลืองพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา: “เธอว่าควรจะทำยังไงดี? ”

“แก แกมันมั่วนิ่มนิ มือของแกยังดีๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ? ” เซี่ยลู่รู้สึกพูดอะไรไม่ออก

เมื่อกี้ไอ้ผมเหลืองยังเอามือดึงผมเธอเหมือนกัน บอกว่าตนเองกระดูกหัก นี่มันลืมตาพูดมั่วไปเรื่อยนิ?

“โอ้ย โอ้ย” ไอ้ผมเหลืองเอามือกุมแขนตัวเองไว้ แกล้งทำท่าทำทางว่าเจ็บมาก

“เห็นรึยัง กระดูกหักแล้ว” ไอ้ผมเหลืองเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มอย่างหน้าตาที่เจ้าเล่ห์

“แก……แกคิดจะต้มตุ๋นกันชัดๆ เมื่อกี้ฉันก็แค่ผลักแขนเบาๆ เอง ไม่ได้ใช้แรงเลยแม้แต่นิดเดียว” เซี่ยลู่ขมวดคิ้วพูด

“กูไม่สนว่าเธอจะใช้หรือไม่ใช้แรง สรุปคือแขนของกูหัก เธอว่าควรทำยังไง” ไอ้ผมเหลืองทำหน้าตาดุและพูดอีกว่า: “ไม่ก็เอาเงินมา ไม่ก็เอาตัวมาแลก”

“แกต้องการเงินเท่าไหร่? ” เซี่ยลู่กัดฟันแน่นๆ เธอรีบร้อนใจจะช่วยหลี่ฝาง ไม่อยากจะวุ่นวายกับไอ้ผมเหลืองอีก

อย่างมากก็จ่ายเงินไปก่อน เดี๋ยวค่อยขอคืนกับหลี่ฝางก็ได้

ไอ้ผมเหลืองยืนนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว

“หนึ่งพัน? ” เซี่ยลู่ขมวดคิ้ว เริ่มเอากระเป๋าตังค์ออกมาค้น

“หนึ่งพันที่ไหน หนึ่งหมื่น!” ไอ้ผมเหลืองพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “เธอทำให้แขนของกูหัก จะชดใช้แค่หนึ่งพัน เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหม? ”

เซี่ยลู่มีถึงหมื่นที่ไหนล่ะ ในกระเป๋าตังค์ของเธอมีแค่หนึ่งพัน

เธอยื่นหนึ่งพันหยวนไปให้ไอ้ผมเหลือง: “มีแค่หนึ่งพัน แกจะเอาก็เอาไป ถ้าไม่เอาฉันจะโทรแจ้งตำรวจตอนนี้”

“เอาสิ เธอแจ้งตำรวจไปเลย รอให้ตำรวจมา กูก็จะตีให้แขนของตนเองหัก แจ้งข้อหาเธอตั้งใจทำร้ายร่างกาย คนที่อยู่แถวนี้เป็นคนของกูทั้งหมด พวกเค้าสามารถเป็นพยานให้กูได้ อีกอย่างตำรวจในพื้นที่นี้ สนิทกับกูหมด สาวน้อย เธอแน่ใจว่าจะแจ้งตำรวจเหรอ? ” ไอ้ผมเหลืองหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“แก ตกลงแกจะเอายังไงล่ะ? ” เซี่ยลู่กัดฟันแน่นๆ โมโหและกระทืบขา

“เหอะๆ ฉันมองดูหุ่นของเธอก็ไม่เลวนะ หรือว่าไปโรงแรมกับฉัน เล่นสักพัก? ” ไอ้ผมเหลืองยักคิ้ว ใช้สายตาที่เจ้าเล่ห์มองเธอ

ในเวลานั้น หลิวเฉียวเฉียวที่ปกติเป็นคนขี้ขลาดก็พูดขึ้นมากะทันหัน: “พวกเรามาหาพี่ชิงชิง”

“หลินชิงชิง รู้จักไหม? ” หลิวเฉียวเฉียวกลืนน้ำลาย แกล้งทำเป็นกล้าๆ และถาม

“เหอะ ขู่ใครหา เอาพี่ชิงชิงมาขู่กูเหรอ คิดว่ากูเป็นเด็กอายุสามขวบเหรอ” ไอ้ผมเหลืองถามอย่างไม่สนใจ: “กูไม่เชื่อหรอกว่าพวกเธอจะรู้จักพี่ชิงชิง”

“พวกเธออยากจะหาพี่ชิงชิง ง่ายจะตาย นี่ไม่ใช่สมัยโบราณนะ ตอนนี้เทคโนโลยีทันสมัยขนาดนี้ แค่โทรศัพท์หาเธอก็ได้แล้ว? ” ไอ้ผมเหลืองพูดแล้วทำเสียงฮึ่มใส่

“พวกเราไม่มีเบอร์โทรของพี่ชิงชิง ที่จริงแล้ว คือน้องบุญธรรมของพี่ชิงชิงมีอันตราย พวกเรามาแจ้งข่าวเฉยๆ ” หลิวเฉียวเฉียวพูดต่อไปอีกว่า: “พี่ ถ้าพี่รู้จักพี่ชิงชิง ช่วยพวกเราบอกเค้าหน่อยได้ไหม”

ไอ้ผมเหลืองขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลเล็กน้อย

เขาเห็นเซี่ยลู่ ถูกเขาข่มขู่จนกลัวอย่างชัดเจน แค่ขู่บังคับอีกหน่อย ผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะต้องยอมตนแน่ๆ

แต่เขาก็กลัวๆ หน่อย ถ้าเซี่ยลู่มาหาพี่ชิงชิงจริงๆ ตนทำอะไรไม่ดีกับคนของพี่ชิงชิงล่ะก็ พี่ชิงชิงต้องตัดน้องชายของเขาทิ้งแน่ๆ?

“น้องชายเธอชื่ออะไรนะ กูโทรหาพี่ชิงชิงดูซิ” ไอ้ผมเหลืองคิดไปคิดมา ตัดสินใจโทรถามหลินชิงชิงดูก่อน

“กูบอกเอาไว้ก่อนนะ สาวน้อย เดี๋ยวถ้าพี่ชิงชิงบอกว่าไม่มีน้องชายคนนี้ล่ะก็ กูจะเอามึงเธอไปนอนพร้อมกันเลย รู้รึเปล่า? ” ไอ้ผมเหลืองชี้หลิวเฉียวเฉียวและพูดอย่างเยือกเย็น

หลิวเฉียวเฉียวตกใจกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว ไอ้ผมเหลืองรีบพูดขึ้นมาว่า: “จับตัวเธอไว้ อย่าให้เธอหนีไปได้”

“อีเวร ก็ว่าแล้ว พวกเธอต้องไม่รู้จักพี่ชิงชิง” ไอ้ผมเหลืองหัวเราะ

หนีหมายความว่าอะไร หมายถึงในใจกลัว หมายความว่าพูดโกหกนะสิ

ในเวลานั้น สายของหลินชิงชิงโทรติดแล้ว ไอ้ผมเหลืองเปลี่ยนสีหน้าใหม่ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “พี่ชิงชิงครับ มีสาวน้อยสองคนมาหาพี่ที่เมืองแห่งราตรี บอกว่าน้องชายของพี่เกิดเรื่องแล้ว……”

ไอ้ผมเหลืองอุบลำโพงโทรศัพท์ไว้ สีหน้าเปลี่ยนกลับมาดุเหมือนเดิมและจ้องมองหน้าหลิวเฉียวเฉียวอย่างเยือกเย็น: “รีบบอกชื่อมา”

“เขาชื่อหลี่ฝาง เรียนอยู่ที่มัธยมตงไห่” หลิวเฉียวเฉียวตอบในขณะที่ยังกระวนกระวายใจอยู่

“พี่ชิงชิงครับ พวกเธอบอกว่าชื่อหลี่ฝาง พี่รู้จักไหม? ” ไอ้ผมเหลืองพูดกับหลินชิงชิงในโทรศัพท์และยิ้มไปด้วย

“ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เสียงดังปี๊ด หลินชิงชิงวางสายลง รีบเรียกเสี่ยวโจวไปด้วย ขับรถLand Roverมาถึงเมืองแห่งราตรีนี้

“ทำไมเป็นเธอสองคน? ” หลินชิงชิงมองดูเซี่ยลู่และหลิวเฉียวเฉียวและขมวดคิ้วด้วย

หลินชิงชิงรู้ ว่าผู้หญิงสองคนนี้คบกับตู้เฟยมาตลอด ไม่ใช่พวกเดียวกับหลี่ฝาง

“พี่ชิงชิง เมื่อกี้นี้หลี่ฝางถูกคนของพวกหลี่หลงจับตัวไปแล้ว พี่รีบไปช่วยเขาเถอะ” หลิวเฉียวเฉียววิ่งเข้ามาใกล้ๆ รีบบอกกับหลินชิงชิงอย่างรีบร้อนใจ

“หลี่หลง? หลี่หลงจับน้องชายฉันทำไม ตอนนี้เขากำลังโต้ตอบกับพี่ชายฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมีเวลามาหาเรื่องน้องชายฉันได้” หลินชิงชิงขมวดคิ้ว

“เธอสองคนหลอกฉันหรือเปล่า”

“พี่ชิงชิง เราสองคนจะกล้าหลอกพี่ได้ยังไง” เซี่ยลู่อ้าปากพูด

“ก็ใช่” หลินชิงชิงพยักหน้าและพูดต่อ: “แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าหลี่ฝางถูกพวกเขาจับตัวไปที่ไหน? ”

หลิวเฉียวเฉียวและเซี่ยลู่ส่ายหัวพร้อมกัน แต่ในเวลานี้ เสี่ยวโจวก็พูดขึ้นมาว่า: “ผมน่าจะพอเดาออก”

“ดี งั้นพวกเราไปตอนนี้เลย”

หลินชิงชิงพยักหน้า ขึ้นรถLand Rover ไม่รอให้หลินชิงชิงเชิญชวน เซี่ยลู่ก็ดึงแขนของหลิวเฉียวเฉียวขึ้นรถไปด้วย

บนรถ เซี่ยลู่เหลือบไปมองหน้าไอ้ผมเหลือง ไอ้ผมเหลืองยังตกใจจนขนลุกซู่

“พี่ชิงชิง โทรหาจางกงหมิงสิครับ” เสี่ยวโจวบอก: “ตอนนี้เขตเมืองภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ของเขาแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท