NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 101

ตอนที่ 101

บทที่101 มือสังหารที่อยู่เบื้องหลัง

ถ้าเกิดเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ เกรงว่าจะจะเอาแต่ถือปืนอย่างเกรงกลัวสั่นไปทั้งตัว แต่ยิงจื่อไม่เป็นแบบนั้น เพราะว่าเธอเป็นภรรยาของจางกงหมิง เธอเคยเห็นเลือดสาดกระเซ็น และเคยเห็นการฆ่าแกงเป็นปกติ

“พี่ คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”

ไอ้หน้าหนวดเบิกตาโผลง ก่อนจะมองโหจื่อ: “เงินก็ให้ไปแล้ว คุณยังไม่รีบไปจัดการให้สิ้นซากอีกเหรอ?”

“เพราะว่าเอาเงินมาให้ฉัน ดังนั้นพวกคุณเลยไม่สามารถนิ่งเฉยได้ พวกคุณเป็นพวกใช้วิธีสกปรกเพื่อได้สิ่งที่ต้องการมางั้นเหรอ ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยเลย ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้น หลังจากนี้ คงจะต้องมีเรื่องให้วุ่นวายอีกมากอย่างแน่นอน” โหจื่อพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ

“คุณจะฆ่า พวกเราจริงๆ เหรอ?” ไอ้หน้าหนวดเลิกคิ้วขึ้น

“ไม่หรอก ใครบอกว่าฉันจะฆ่าพวกคุณเหรอ ฉันเป็นประชาชนที่เคารพกฎหมาย จะไปฆ่าคนได้อย่างไร” โหจื่อส่ายหัว

“สาวสวย คุณเกลียดพวกเขาไหม?” โหจื่อมองยิงจื่อ ก่อนจะจับมือของเธอ

“เกลียด” ยิงจื่อพยักหน้า

“เกลียดแค่ไหน?” โหจื่อถามขึ้น

“มากจนอดไม่ได้ที่จะต้องฆ่าพวกเขา” ยิงจื่อมีสีหน้าที่น่าเกรงกลัว

“งั้นคุณยังจะรออะไรอยู่อีกเล่า?” โหจื่อยิ้มขึ้น ก่อนจะพูดว่า: “ยิงเลยสิ”

“แต่ฉันไม่สามารถ……”

“ฉันบอกแล้ว ว่าถ้าเกิดคุณยิงปืนไม่เป็น ฉันสอนให้คุณได้” โหจื่อพูดด้วยรอยยิ้ม

ไอ้หน้าหนวดพูดขึ้นด้วยความเย็นชา: “ทุกคนรุมเลย!”

ทุกคนยกมีดและดาบขึ้นมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาโหจื่อ

“ลั่นไก!” โหจื่อพูดด้วยความเย็นชา

“คุณแค่รับผิดชอบการลั่นไก ฉันจะรับผิดชอบว่าจะยิงไปที่ใคร” โหจื่อพูดขึ้นข้างหูยิงจื่อ

“เร็ว!”

ตอนที่ยิงจื่อลั่นไกปืน โหจื่อก็เปลี่ยนทิศ

มีเสียงปังดังขึ้น

สมองก็กระจายออก

คนกลุ่มนั้นไม่ได้ตกอกตกใจเลย แต่กลับรีบวิ่งเข้ามา

โหจื่อจับมือของยิงจื่อ กลางยืนอยู่ด้านหลังเธอ โหจื่อบอกให้ยิงปืน ยิงจื่อก็ลั่นไกปืน ทุกๆ ครั้งที่ลั่นไกปืน ก็จะมีภาพสมองกระจายตามมาติดๆ

สุดท้าย ปืนก็เหลือกระสุนอยู่แค่นัดเดียว

อีกฝั่ง เหลือเพียงไอ้หน้าหนวดยืนอยู่คนเดียว

ไหล่ทั้งสองข้างของไอ้หน้าหนวดได้รับบาดเจ็บ จนไม่มีทางแม้แต่จะยกมีดขึ้น และก็ไม่มีทางต่อสู้ได้อีกแล้ว

เมื่อเห็นพี่น้องของตัวเองต้องตายอย่างอนาถ หน้าของไอ้หน้าหนวดเต็มไปด้วยความน่ากลัวและความสิ้นหวัง

“สุดท้าย คุณมาทำเองเถอะ” โหจื่อปล่อยมือของยิงจื่อ

แขนทั้งสองข้างของไอ้หน้าหนวดนั้นใช้การไม่ได้แล้ว ในตอนนั้นเอง เขาไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลย

ยิงจื่อมองศพที่เกลื่อนเต็มพื้น ก็ตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย

เพียงไม่นาน ยิงจื่อก็หลุดออกจากความตกใจนั้น

ยิงจื่อเดินไปหาไอ้หน้าหนวด: “สมควรตาย!”

มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงจื่อยิงไปที่หัวของไอ้หน้าหนวด

ในปืนไม่มีกระสุน ยิงจื่อเลยโยนปืนลงพื้น

โหจื่อหยิบโทรศัพท์ของไอ้หน้าหนวดออกมา ก่อนจะส่งให้ยิงจื่อ: “รีบโทรหาสามีของคุณเถอะ ดูสิว่าคุณฆ่าไปกี่คนแล้ว”

“เห้อ ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ” โหจื่อส่ายหัว ก่อนจะพูดพลางถอนหายใจ

ยิงจื่อพูดไม่ออกเล็กน้อย คนพวกนี้ไม่ใช่คนที่คุณฆ่าหรอกเหรอ?

“จริงสิ เมื่อสามีของคุณมาแล้ว คุณอย่าได้พูดถึงฉันเลยนะ ถ้าเกิดว่าเขาถาม คุณก็บอกไปว่าคนพวกนี้ฆ่าแกงกันจนตายไปเอง เพราะต้องการจะแก่งแย่งผลประโยชน์กัน”

“ฉันไม่ค่อยเก่งเรื่องการแต่งเรื่องหรอก คุณแต่งขึ้นมาเองเถอะ โดยรวมแล้ว อย่าได้พูดถึงฉัน บอกแค่ฉันพาพวกคุณมาที่นี่ แล้วก็ไปแล้ว ส่วนเรื่องเงิน ฉันก็ไม่ใช่คนเอาไป” โหจื่อมองยิงจื่อพลางถามขึ้น: “คุณเข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อใช่ไหม?”

ยิงจื่อพยักหน้า: “เข้าใจ”

“อือ งั้นก็ดี ไปละนะ” โหจื่อเปิดปาก ก่อนจะมองยิงจื่อ: “มือของพวกผู้หญิงนี่ดูแลรักษากันอย่างไรนะ ทำไมถึงได้เนียนนุ่มขนาดนี้!”

สีหน้าของยิงจื่อเปลี่ยนไปทันใด เหมือนจะโกรธขึ้นมานิดหน่อย

โหจื่อขึ้นรถ ก่อนจะจากไป

เมื่อกลับไปถึงบาร์ ลุงเฉียนมองเงินถุงแล้วถุงเล่า ก็รีบถามขึ้น: “โหจื่อ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย บอกให้คุณไปส่งเงิน ทำไมคุณถึงได้เอาเงินกลับมาล่ะ?”

“แถมยังดูเยอะขึ้นด้วย?” ลุงเฉียนถามด้วยความสงสัย

“ลุงเฉียน ฉันขโมยมา” โหจื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้ลุงเฉียนฟัง

“เห้อ ผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่ทำให้คุณความแตกนะ?” ลุงเฉียนพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย: “ถ้าเกิดว่าความของคุณแตกเอา งั้น พวกเราคงต้องความแตกไปด้วย……”

“วางใจเถอะ ลุงเฉียน ผู้หญิงคนนั้นไม่กล้าหรอก” โหจื่อพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ: “จะให้พูดอีกอย่าง ก็คือฉันช่วยเธอเอาไว้”

……

หลังจากที่โหจื่อไปแล้ว ยิงจื่อก็โทรหาจางกงหมิง

คนที่รับสายคือลูกพี่หลิน

“ยิงจื่อ คุณอยู่ที่ไหน?” ลูกพี่หลินรีบถามขึ้น

“ฉันอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งของถนนชิงหลง พวกคุณรีบมารับฉันเถอะ จริงสิ ลุง ฉันฆ่าคนแล้ว” ยิงจื่อพูดขึ้น

“คุณฆ่าคนงั้นเหรอ?ยิงจื่อ คุณฆ่าใครไป”

“ฉัน……ฉันฆ่าทุกคนไปหมดแล้ว” ยิงจื่ออึกอักก่อนจะพูดขึ้น

อย่าว่าแต่ลูกพี่หลินที่ไม่เชื่อเลย ขนาดยิงจื่อเลยยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนพวกนี้จะมาตายเพราะปากกระบอกปืนของตัวเอง

“เห้อ คุณคงตกใจมากใช่ไหม” ลูกพี่หลินถอนหายใจ หลังจากวางสายไป ก็พาคนไปในซอยที่ยิงจื่อบอก

ตอนที่หายิงจื่อเจอ จางกงหมิงก็รีบวิ่งเข้าไป ก่อนจะกอดยิงจื่อ พลางโอบเธอเอาไว้แนบกาย

ลูกพี่หลินมองศพที่อยู่เต็มไปหมด ก็เข้าสู่สภาวะแห่งความเกรงกลัว

ลูกพี่หลินเป็นคนที่ผ่านโลกมามาก เขาใช้ชีวิตสมบุกสมบันมาทั้งชีวิต พูดได้เลยว่าผ่านมาทุกเหตุการณ์แล้ว แต่เมื่อเห็นฉากแบบนี้ สมองของเขากลับชาขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อมองรูกระสุนที่อยู่บนศพทุกศพ ลูกพี่หลินก็มองยิงจื่อก่อนจะถามขึ้น: “ยิงจื่อ นี่คุณเป็นคนฆ่าหมดเลยเหรอ?”

“ใช่……ใช่แล้ว” ยิงจื่อพยักหน้า

“ยิงจื่อ คุณบอกว่าทั้งหมดนี้คุณเป็นคนฆ่าเหรอ?” ลูกพี่หลินถามขึ้น: “ทุกๆ รูกระสุนนั้นยิงโดนหัวหมดเลย”

“คุณเป็นนักแม่นปืนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ลูกพี่หลินพูดขึ้นด้วยความไม่เชื่อ

ยิงจื่อพูดด้วยความโง่เง่าว่า: “ตอนนั้นฉันตกใจมาก แย่งปืนของพวกเขามา เลยยิงมั่วๆ ไป แต่ก็โดนทุกนัดเลย”

“บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ลูกพี่หลินไม่ใช่เด็กสามขวบ มันจะไปมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร

เปอร์เซ็นต์ขนาดนี้มันเหมือนกับถูกลอตเตอร์รี่เลยล่ะ

“ยิงจื่อ อย่าโกหกลุง” ลูกพี่หลินพูดขึ้น

จางกงหมิงลากยิงจื่อ ก่อนจะเข้าไปในรถ และพิมพ์หาลูกพี่หลิน: “ยิงจื่อปลอดภัยก็ดีแล้ว”

จางกงหมิงจะสื่อว่า ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่า เขาก็ไม่อยากเค้นถามแล้ว

ในสายตาของจางกงหมิง ขอเพียงแค่ยิงจื่อยังมีชีวิตอยู่ เรื่องอื่นมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

“คนพวกนั้นตายแล้ว แล้วเงินล่ะ?” ลูกพี่หลินเบิกตาโตพลางมองไปรอบๆ

เขากวาดสายตามอง แต่ไม่เห็นเงินแม้แต่แดงเดียว

เมื่อเทียบกับคนที่ฆ่าคนของพวกไอ้หน้าหนวด ลูกพี่หลินสนใจเงินกว่าสิบห้าล้านนั้นมากกว่า!

ทำไมเงินพวกนั้นมันอันตรธานหายไปแบบนั้นล่ะ

ลูกพี่หลินวิ่งไปถามยิงจื่อ ยิงจื่อกลับลอกว่า เมื่อครู่เธอฆ่าคนไปแล้ว เลยตกใจมาก ตอนนั้นมีขอทานเข้ามาพอดี ก่อนจะหอบเงินไปหมดเลย

ลูกพี่หลินไม่ได้เชื่อคำที่ยิงจื่อพูดเลย แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อไป

เขารู้ ว่ายิงจื่อคงจะไม่พูดความจริงแล้ว

“รีบไปหาคนมาเก็บกวาด ศพเยอะขนาดนี้ ถ้าเกิดมีคนเห็นเข้า คงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” ลูกพี่หลินพูดขึ้นด้วยความปวดหัว

ต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมง ตรอกนี้ถึงได้สะอาดขึ้นมา

แต่ว่ารอบๆ นี้ยังคงมีกลิ่นเลือดคละคลุ้งอยู่มาก

“คนพวกนี้เตรียมการไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน”

เมื่อมองมอเตอร์ไซค์พวกนี้ ลูกพี่หลินก็ขมวดคิ้วเป็นปม จู่ๆ เขานึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา

“หรือว่าจะเป็นพวกเขา?”

ลูกพี่หลินไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ตลอดเวลาหลายสิบปี นี้ตงไห่เคยมีแก๊งหนึ่งอยู่ ก็คือกลุ่มเด็กแว้น

แต่กลุ่มเด็กแว้นพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาลักเล็กขโมยน้อย สุดท้ายมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากขโมยร้านทอง ธนาคาร ต่อมาถูกดำเนินคดี แล้วก็มีกำลังถดถอยลง จากนั้นก็แยกออกจากตงไห่ไป

“ไม่น่าล่ะ ท่าทีของพวกเขาถึงได้คุ้นขนาดนั้น” ลูกพี่หลินเข้าไปดูศพ ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา: “ที่แท้คนพวกนี้ก็ไปศัลยกรรมมานี่เอง”

“แต่ว่าทำไมพวกเขาถึงกล้ากลับมาตงไห่……แถมยังตั้งใจมาทำร้ายหลานของฉันอีกนะ?ฉันไม่ได้มีเรื่องกับพวกเขานะ” ในตอนนั้นเอง ลูกพี่หลินครุ่นคิดด้วยความสงสัย

จางกงหมิงพายิงจื่อกลับบ้าน ยิงจื่อพูดด้วยความสงสารว่า: “คอของคุณ……”

“ฉัน……ฉัน……ไม่เป็นไร” จางกงหมิงพูดตะกุกตะกัก เพราะคอยังไม่หายดี

ยิงจื่ออยากจะพาจางกงหมิงไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่จางกงหมิงกลับส่ายหัว เพื่อจะบอกว่าไม่ไป

เมื่ออยู่บนเตียง ตอนที่จะนอนลง จู่ๆ ยิงจื่อก็หยิบโทรศัพท์ของไอ้หน้าหนวดออกมา ก่อนจะส่งให้จางกงหมิง

“หมิงหมิง ฉันให้คุณดูของแบบนี้ แต่คุณต้องสัญญากับฉันนะ ว่าอย่าไปแก้แค้นน่ะ” ยิงจื่อพูดขึ้น

จางกงหมิงมองข้อความที่ส่งมาบนจอโทรศัพท์ ก็รู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตัว: “นี่……พวกเขางั้นเหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน