NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 106

ตอนที่ 106

บทที่106 ตู้เฟยงงเป็นไก่ตาแตก

“ฉันตาพร่ามัวหรือเปล่า ตงไห่ถึงได้มีปอร์เช่918ด้วย?”

ตู้เฟยสงสัยว่าตัวเองตาพร่ามัวแล้ว หลังจากมองอยู่หลายรอบ เขาก็มั่นใจได้ ว่านี่คือปอร์เช่918 หนึ่งในรถสามเทพในตำนาน

“ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องไปสืบสักหน่อย ว่าใครซื้อรถคันนี้มา”

ตู้เฟยตกใจเป็นอย่างมาก ใครมีเงินเยอะขนาดนั้น แถมกล้าซื้อรถหรูหราคาดว่ายี่สิบล้านด้วย?

เมื่อออกมาจากร้าน4S ตู้เฟยก็โทรหาโจวเจ๋ ถึงอย่างไรเรื่องของพวกคนรวยแบบนี้ แค่ถามก็รู้แล้ว ไม่มีความลับอะไรต่อกันอยู่แล้ว

หลังจากที่โทรไป ตู้เฟยก็ถามขึ้น: “พี่เจ๋ คุณได้ซื้อปอร์เช่หรือเปล่า?”

โจวเจ๋ฝั่งนั้นยิ้มเบาๆ : “ตู้เฟย ข่าวจากลูกน้องคุณนี่ไวเหลือเกิน รถของฉันเพิ่งจะถึง คุณก็รู้แล้วเหรอ?”

“ฮ่าๆ พี่เจ๋ คุณเป็นคนซื้อจริงๆ ด้วย!”

ตู้เฟยหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะพูดว่า: “ฉันคิดอยู่พักหนึ่ง รถที่เท่และน่าเหลียวมองขนาดนี้ มีแค่พี่เจ๋เท่านั้นแหละที่ซื้อได้!”

“ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ พี่เจ๋ ตอนนี้มีคนจนสองคนกำลังขับรถคุณเล่นอยู่ คุณรีบมาดูเถอะ” ตู้เฟยพูดขึ้น

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” โจวเจ๋เลิกคิ้วขึ้น

“จริง จริงแท้แน่นอน” ตู้เฟยยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์: “อีกอย่าง ไอคนจนสองคนนั้นคุณเองก็รู้จัก ก็คือหลี่ฝางกับถังหยู่ซวน!”

“พวกเขาเหรอ?ฉันกำลังจะไปหาพวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขากลับจะมาหาเองถึงที่” โจวเจ๋ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว หลังจากที่จางกงหมิงหนีไป หลินชิงชิงหายไป เขาเองก็อยากหาทางสั่งสอนหลี่ฝาง

นี่ โอกาสมันมาถึงแล้วไม่ใช่เหรอ?

“คุณจะไปไหนล่ะ” จางเชี่ยนนอนอยู่ข้างเตียง อาบแดดอย่างสบายอารมณ์

“ลุกขึ้นเถอะ ตะวันส่องตูดแล้ว” โจวเจ๋ใส่เสื้อผ้า พลางพูดขึ้น

“ฉันลุกไม่ขึ้นแล้ว ดูสิว่าเมื่อวานคุณทำอะไรกับฉัน ตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย” จางเชี่ยนพูดขึ้นด้วยความอิดออดเล็กน้อย

“งั้นคุณนอนต่อไปก่อน รถของฉันมาถึงแล้ว จะไปเอารถ” โจวเจ๋พูดขึ้นนิ่งๆ

“ถึงแล้วเหรอ?”

จางเชี่ยนตาเป็นประกาย จนไม่ได้สนใจความเจ็บปวดตรงนั้น ก่อนจะรีบลุกจากเตียง

“ปอร์เช่คันนั้นเหรอ?” จางเชี่ยนถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

โจวเจ๋พยักหน้า พลางคิดด้วยความประหลาดใจ ว่าเมื่อครู่ตู้เฟยเป็นอะไร ตัวเองไม่ได้พูดถึงปอร์เช่911เหรอ?ถึงแม้ว่ารถคันนี้จะทันสมัยน่ามองเป็นอย่างมาก แต่ในฐานะลูกหลานเศรษฐี ก็ยังมีคนที่ซื้อไม่ได้อยู่ดี?

แล้วที่บอกว่ามีแค่พี่เจ๋ที่ซื้อได้ มันหมายความว่าอย่างไร?

พูดจาถากถางฉันงั้นเหรอ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โจวเจ๋ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดด้วยความโกรธ: “ไม่ใช่เศรษฐีลึกลับหรอกเหรอ?มันมีอะไรน่าตื่นเต้นนักเหรอ”

“เศรษฐีลึกลับอะไรกัน พี่เจ๋”

“เถ้าแก่ของRecalling the pastไง ได้ยินว่าเขามาลงทุนในตงไห่กว่าหมื่นล้าน เงินลงทุนนี้ ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของตระกูลตู้แล้ว” โจวเจ๋พูดขึ้นด้วยความอิจฉา

“ครอบครัวของตู้เฟยงั้นเหรอ?” จางเชี่ยนพูดด้วยความตกใจ: “งั้นตู้เฟยก็จะรวยแล้วล่ะสิ?”

“นั่นสิ เกรงว่าค่าตัวเขาจะพุ่งเป็นสิบกว่าเท่า” โจวเจ๋พูดงึมงำขึ้น

จางเชี่ยนคิด ว่าตัวเองเคยมีสัมพันธ์กับตู้เฟยอยู่เลย

เมื่อออกมาจากห้องรับรอง โจวเจ๋ก็ขับไปที่ร้าน4S จางเชี่ยนนั่งข้างคนขับ ก่อนจะเอนตัวมา

“ทำไมต้องเอนก้นนั่งแบบนั้นด้วย?” โจวเจ๋เมื่อเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มร้ายๆ ออกมา: “ยังเจ็บอยู่เหรอ?”

“ใช่สิ เจ็บจะตายอยู่แล้ว” จางเชี่ยนมองบนใส่โจวเจ๋: “เมื่อคืนคุณแย่จริงๆ เลย ของคุณใหญ่ขนาดนั้น จู่ๆ ก็เข้ามา จะทำอะไรไม่บอกกันก่อนเลย”

“นี่มันครั้งแรกของฉันนะ ทำจนฉันเจ็บจนอยากจะร้องไห้เลย” จางเชี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ โจวเจ๋โรคจิตจริงๆ ไม่เหมือนตู้เฟย

ทั้งสองคนไปถึงร้าน4Sอย่างรวดเร็ว

ตู้เฟยรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นจางเชี่ยน ตู้เฟยก็ยิ้มให้: “จางเชี่ยน ก้นคุณเป็นอะไรเหรอ ทำไมเดินบิดแบบนั้น เป็นริดสีดวงเหรอ?”

“บ้าเหรอ ริดสีดวงของคุณน่ะสิ” จางเชี่ยนมองบนใส่ตู้เฟยด้วยความโกรธ

“นี่กำลังด่าใครเนี่น” ตู้เฟยโกรธขึ้นมา ก่อนจะเข้ามาพลางชี้ไปที่จางเชี่ยน: “นางแพศยา อยากโดนตบเหรอไง!”

จางเชี่ยนมองโจวเจ๋ เธอคิดว่าโจวเจ๋จะช่วยเธอ คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวเจ๋เองก็ด่าเธอ: “คุณไม่ได้แปรงฟันเหรอ ถึงได้พูดจาเหมือนมีหมาอยู่ในปากแบบนี้ ทำไมพูดกับคุณชายตู้แบบนั้นล่ะ?”

“ยังไม่รีบขอโทษอีก?” โจวเจ๋พูดขึ้นเสียง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตู้เฟยคงไม่มีทางกล้ามาทำให้จางเชี่ยนลำบากใจต่อหน้าโจวเจ๋แน่ เพราะจะทำร้ายใครก็ต้องดูเจ้าของด้วย

แต่มาวันนี้ ตระกูลตู้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว ค่าตัวของเขากำลังจะแพงกว่าโจวเจ๋แล้ว แล้วจะต้องกลัวอะไรอีก?

“พี่เจ๋……” จางเชี่ยนมองโจวเจ๋ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“อย่ามาเล่นแง่กับฉันให้มากนะ คุณชายตู้เป็นคนที่คุณจะด่าอะไรก็ได้งั้นเหรอ?รีบขอโทษเร็ว” โจวเจ๋พูดเสียงเย็นชาอีกรอบ

“ขอโทษ คุณชายตู้” จางเชี่ยนกัดฟัน พลางพูดกับตู้เฟยด้วยความไม่พอใจ

“นังแพศยา ทีหลังระวังคำพูดหน่อย” ตู้เฟยชี้ไปที่จมูกของจางเชี่ยนก่อนจะด่าออกไป

หลังจากด่าเสร็จ ตู้เฟยก็โอบไหล่ของโจวเจ๋: “พี่เจ๋ ผู้หญิงแบบนี้ คุณยังจะเอาเธอมาทำอะไร?ไม่มีอะไรที่ดูดีเลย เอาออกไปให้อายคนอื่นเปล่าๆ”

“น้องเฟยพูดถูก ฉันอยากจะทิ้งเธอไปตั้งนานแล้ว” โจวเจ๋พยักหน้าพลางตอบ

โจวเจ๋รู้ว่าตู้เฟยกำลังจะร่ำรวยมีอำนาจขึ้นมาแล้ว เลยไม่กล้าพูดจาขัดอะไรมาก

“น้องเฟย เมื่อครู่คุณบิดว่าพวกหลี่ฝางเอารถของฉันไปขับเล่น จริงเหรอ?” โจวเจ๋พูดด้วยความสงสัย

“ไม่หรอก ฉันเห็นกับตาเลยนะ”

“พี่เจ๋ คุณรวยเกินไปแล้วนะ ซื้อรถดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” ตู้เฟยถามขึ้นด้วยความสงสัย: “คุณไม่ได้จะซื้อรถให้พวกศิลปินในบริษัทมาถ่ายไวรอลวิดีโอเรื่องตลกใช่ไหม?”

“อะไรกัน ฉันซื้อมาขับเอง” โจวเจ๋ขมวดคิ้ว: “จะว่าไป รถหรูอะไรกัน”

“ใช้มาไม่นาน พ่อคุณก็ต้องซื้อคันใหม่ที่ดีกว่าอยู่แล้ว” โจวเจ๋พูดขึ้น

ตู้เฟยคิด มันยังจะมีรถอะไรที่ดีกว่าปอร์เช่918อีกเหรอ?

เกรงว่าจะต้องซื้อเครื่องบินแล้วล่ะ!

“พี่เจ๋ พรุ่งนี้เอารถมาให้ฉันยืมหน่อยได้ไหม ให้ฉันเอาไปอวดหน่อย” ตู้เฟยมองโจวเจ๋พลางถามขึ้น

“มันจะไปมีปัญหาอะไรกัน เดี๋ยวคุณขับไปเลยก็ได้ อยากจะขับนานแค่ไหนก็ได้” โจวเจ๋พูดขึ้นด้วยท่าทีใจดีสปอร์ต

“จริงเหรอ?”

“ฉันเคยโกหกคุณเหรอ?” โจวเจ๋เลิกคิ้วขึ้น: “แต่ว่าถ้าคุณรวยแล้ว อย่าลืมพี่ชายคนนี้นะ มีธุรกิจอะไรดีๆ ก็ดูแลฉันหน่อย

“ไม่มีปัญหา”

ทั้งสองคนคุยกันไป ก็เดินเข้าไปในร้านปอร์เช่ ส่วนจางเชี่ยนก็เดินตามต้อยๆ เข้าไป

“ประธานโจว คุณมาแล้วเหรอ” ผู้หญิงมัดผมหางม้าคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย

โจวเจ๋พยักหน้า: “รถของฉันมาถึงแล้วใช่ไหม?”

“ถึงแล้ว คุณจ่ายเงินที่เหลือให้ครบ ก็ขับไปได้เลย” ผู้หญิงมัดผมหางม้าพูดขึ้นพลางยิ้ม

โจวเจ๋มีสีหน้าหนักใจ: “เดี๋ยวนะ ทำไมฉันถึงได้ยินว่ามีคนเอารถของฉันไปขับเล่นล่ะ?”

“ประธานโจว คุณอย่ามาล้อเล่นเลย รถเพิ่งถึงเมื่อเช้านี้เอง ยังไม่มีใครไปแตะเลย” หญิงสาวผมหางม้ายังคงยิ้มอยู่

โจวเจ๋หันกลับมามองตู้เฟย: “น้องเฟย คุณดูผิดหรือเปล่า?”

“ไม่มีทาง!” ตู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะชี้ไปที่ผู้หญิงมัดผมหางม้า พลางถามขึ้น: “แล้วผู้ชายสองคนที่เข้ามาเมื่อสักครู่ล่ะ!”

“คุณหมายถึงหนุ่มหล่อที่เข้ามาใช่ไหม?” ผู้หญิงมัดผมหางม้ายิ้มให้ตู้เฟย ก่อนจะตอบว่า: “เขาทั้งสองคนกำลังทำเรื่องจัดการไปตามระเบียบอยู่”

“ทำเรื่องอยู่งั้นเหรอ?ทำไมต้องทำเรื่อง?” ตู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปม

“ทำเรื่องอะไรได้อีกล่ะ พวกเขามาเอารถไป ก็ต้องทำเรื่องอยู่แล้วไงล่ะ” ผู้หญิงมัดผมหางม้าพูดขึ้น

“คันที่ทั้งสองคนเพิ่งลองขับรถเล่นเมื่อสักครู่อะนะ?” ตู้เฟยถามขึ้น

“ใช่สิ” ผู้หญิงมัดผมหางม้าพยักหน้า

“ให้ตายเถอะ โม้แล้ว นั่นมันปอร์เช่918นะ ราคาตั้งยี่สิบล้านกว่า พวกกระจอกนั้น จะไปมีปัญญาซื้อรถในตำนานราคายี่สิบล้านกว่าได้อย่างไร?” ตู้เฟยเบิกตาโตพลางมองผู้หญิงมัดผมหางม้า แล้วถามขึ้น

“พวกเขา……จะเป็นพวกกระจอกได้อย่างไร” ผู้หญิงมัดผมหางม้ายิ้มเพราะทำตัวไม่ถูก

“น้องเฟย เมื่อครู่คุณพูดอะไรน่ะ ปอร์เช่918เหรอ?” โจวเจ๋เองก็อึ้งไปตรงนั้นเลย

“พี่เจ๋ รถปอร์เช่918คันนั้น ไม่ใช่คันที่คุณมารับเหรอ?” ตู้เฟยมองโจวเจ๋พลางถามขึ้น

“ฉันซื้อ911 ไม่ใช่918 ฉันจะไปมีปัญญาซื้อ918ได้อย่างไรกัน?” โจวเจ๋ส่ายหัว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มพลางถากถางตัวเอง

“อะไรนะ?จะเป็นไปได้อย่างไร?” ตู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะมองไปรอบๆ ก็หารถ918คันนั้นเจอ

ตู้เฟยเดินไปที่ข้างหน้าของปอร์เช่918 ก่อนจะชี้ไปที่รถ พลางถามขึ้น: “พี่เจ๋ นี่ไม่ใช่รถของคุณหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่” โจวเจ๋ส่ายหัว พลางมองปอร์เช่918 ด้วยความตกใจอึ้งไป

ในตอนนั้นเอง ถังหยู่ซวนกับหลี่ฝางก็จัดการทำตามระเบียบเสร็จ จากนั้นจึงเดินออกมาจากโถงรับรอง

“ให้ตายเถอะ เอามือออกนะ!”

ถังหยู่ซวนเดินไป ก่อนจะจ้องตู้เฟยด้วยแววตาน่าเกรงขาม: “นี่มันรถของฉัน มาชี้อะไรกัน!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน