NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 110

ตอนที่ 110

บทที่110 เห็นพวกเขาเป็นไอ้กระจอก

อารมณ์ของถังหยู่ซวนนั้นนิ่งเฉยมาก เขาเอากุญแจของปอร์เช่มาเล่น: “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“ให้ตายเถอะ เป็นคนขับรถให้คนอื่นหรือเปล่า?แล้วเอารถของเถ้าแก่มาอวดสินะ?” เจ้าอ้วนพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา

โจวเจ๋ปรายตามองเจ้าอ้วน: “จ้าวเหลย คุณเคยเห็นคนขับรถสปอร์ตต้องใช้คนขับรถไหม?”

เจ้าอ้วนยิ้มเบาๆ ด้วยความประหม่า: “ฉันไม่เคยเห็น”

ปกติโรลส์รอยส ไมบัค……รถชั้นธุรกิจราคาแพงขนาดนั้น เจ้าของรถถึงจะหาคนขับรถมา

แต่รถสปอร์ตไม่มีทาง

เจ้าอ้วนมองถังหยู่ซวนด้วยความสงสัย พลางคิด:หรือว่าปอร์เช่ข้างนอกนั่นจะเป็นของไอคนนี้จริงๆ ?

“พี่ถัง แนะนำสักหน่อย คนนี้คือจ้าวเหลย เป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทพวกเรา ในขณะเดียวกันพ่อเขาก็เป็นประธานกรรมบริษัทของพวกเรา” โจวเจ๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะแนะนำ

เมื่อพูดจบ โจวเจ๋ก็ส่งสายตาให้จ้าวเหลย

จ้าวเหลยเองก็ไม่ได้โง่ เขาเองก็มองท่าทีที่โจวเจ๋ทำกับถังหยู่ซวน

จ้าวเหลยยื่นมือออกมา เพื่อจะจับมือกับถังหยู่ซวน

แต่ว่า มันเป็นไปได้เหรอ?

ถังหยู่ซวนมีใบหน้าเย็นชา เขาไม่ได้ยื่นมือออกไป

“พี่ถัง ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้คุณสองคนทำอะไรผิดไป ไว้หน้าให้ฉันหน่อยได้ไหม ดื่มเหล้าสักแก้วหนึ่งก็พอเหรอ?” โจวเจ๋หัวเราะ ก่อนจะมองถังหยู่ซวน

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางมองโจวเจ๋ พลางยิ้มแล้วพูด: “จะปล่อยวางได้อย่างไร คุณโจวเจ๋มีภาพลักษณ์ขนาดไหนเหรอ?”

“คุณือว่าเป็นใคร วันนี้ฉันเชิญพี่ถังมาดื่มเหล้าคนเดียว ไม่ได้เชิญคุณ” โจวเจ๋มองหลี่ฝางด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

“งั้นคุณกำลังจะไล่ฉันใช่ไหม?”

หลี่ฝางหัวเราะคิกคัก: “งั้นฉันไปก็ได้”

หลี่ฝางเดินไป ถังหยู่ซวนก็ยืนขึ้นตามมา

“พี่ถัง ฉันไม่ได้บอกให้คุณไป” พอถังหยู่ซวนลุกขึ้น โจวเจ๋ร้อนใจ

“พวกพ้องฉันถูกคุณไล่ไป แล้วฉันจะอยู่ต่อทำไมล่ะ” ถังหยู่ซวนกลอกตาใส่โจวเจ๋ ก่อนจะหันตัวออกไป โดยไม่มีท่าทีจะอยู่ต่อเลย

โจวเจ๋รีบตามหลี่ฝางกับถังหยู่ซวนไป

“หลี่ฝาง เมื่อครู่ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษนะ” โจวเจ๋กัดฟัน ก่อนจะก้มหัวให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางยิ้มเบาๆ : “คุณผิดอะไร?”

“ฉัน……” โจวเจ๋อึ้งไป จริงสิ ตัวเองผิดอะไรนะ?

หลี่ฝางด่าเขาออกไป เขาเลยไล่หลี่ฝางออกไป ไม่ได้ผิดหนิ

“ดูคุณไม่ค่อยแน่ใจนะ ตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองผิดตรงไหม นี่มันสำนึกผิดอย่างไรกันแน่เนี่ย?” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม

“หลี่ฝาง เมื่อครู่ผิดไปแล้วจริงๆ ฉันไม่ควรไล่คุณออกไป” โจวเจ๋พยายามฝืนพูดขึ้น

“พี่น้องเหรอ?พวกเราสองคนเป็นพี่น้องกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“คุณเป็นพี่น้องพ้องพวกของพี่ถัง เป็นพวกพ้องของโจวเจ๋เอง” โจวเจ๋เอามือจับไหล่ของหลี่ฝาง แต่กลับถูกหลี่ฝางตีมือออก

“ไป เรากลับไปดื่มกันเถอะ” โจวเจ๋พูดขึ้น

“คุณบอกให้ฉันไปก็ไป ให้ฉันกลับไปก็กลับไป ฉันจะยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม?” หลี่ฝางพูดขึ้นพลางยิ้มเยือกเย็น

โจวเจ๋ขมวดคิ้ว ด้วยความที่รับไม่ค่อยได้ เขามองหลี่ฝาง ในใจก็คิดว่า คุณจะแน่สักแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถังหยู่ซวน คงจะเตะจนปลิวไปแล้วแหละ

“เดี๋ยวฉันดื่มเป็นการลงโทษตัวเองสักสามแก้วก็พอแล้วใช่ไหม?” โจวเจ๋พูดขึ้นอย่างไร้ทางเลือก

“สามแก้วมันน้อยไป” หลี่ฝางหัวเราะ พลางพูดว่า: “สิบสองแก้วคงพอได้อยู่เลย”

“สิบสองแก้วเหรอ?หลี่ฝาง คุณอยากจะให้ฉันตายเหรอ!” โจวเจ๋กัดฟัน

“ไม่ดื่มก็ช่างมันเถอะ” หลี่ฝางพูดจบ ก็หันตัวเดินไป

โจวเจ๋จับมือของหลี่ฝางเอาไว้ ก่อนจะพูดว่า: “ฉันอื่มๆ แค่สิบสองแก้วเองไม่ใช่เหรอ ฉันดื่มก็ได้”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะตอบตกลงกลับไป

ถังหยู่ซวนเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ก่อนจะจับแขนของหลี่ฝางพลางถามขึ้นเบาๆ : “หลี่ฝาง ทำไมโจวเจ๋ถึงกลัวคุณแบบนั้น?”

“เขาไม่ได้กลัวฉัน แต่กลัวคุณ” หลี่ฝางพูด

“เห็นหรือยัง?อย่าเห็นว่าก่อนหน้านี้โจวเจ๋เก่งแค่ไหน ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าพวกเรา เขาเป็นแค่ไอ้กระจอกเท่านั้นเอง!” หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างไม่มีความเมตตา

หลี่ฝางตบไหล่ของถังหยู่ซวน ก่อนจะพูดว่า: “เดี๋ยวคุณลองปลดปล่อยนะ อยากทำอะไรก็ทำ”

ถังหยู่ซวนพยักหน้า ก่อนจะกลับไปที่โต๊ะเพื่อดื่มกับหลี่ฝางต่อ

“พี่เจ๋ พวกเขาอยากไปก็ให้ไปสิ จะให้พวกเราอยู่ต่อทำไม” จ้าวเหลยพูดขึ้น

“คุณจะไปเข้าใจอะไร ฉันจะบอกให้นะ ถังหยู่ซวนเป็นลูกของเศรษฐีลึกลับ ถ้ามีเรื่องกับเขา หลังจากนี้คุณคงไม่มีที่ให้ยืนในตงไห่ออีกแล้ว”

หลี่ฝางกลับไป ก็ได้ยินคำที่พวกเขาคุยกันพอดี

จ้าวเหลยมองถังหยู่ซวนเหมือนไม่เชื่อ ว่าเขาคือลูกชายของเศรษฐีลึกลับจริงๆ เหรอ?

งั้นตัวเองก็แย่แล้วสิ?

ถังหยู่ซวนเพิ่งจะนั่งลง จ้าวเหลยก็ยิ้มพลางพูดว่า: “พี่ถัง ก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

“พนักงาน เอาเหล้ามา”

เพียงไม่นาน เหล้าก็วางอยู่เต็มโต๊ะ

“โจวเจ๋ คุณไม่ได้จะลงโทษตัวเองโดยการดื่มสิบสองแก้วเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะ พลางพูดว่า: “คุณเริ่มทำการแสดงได้เลย”

โจวเจ๋สีหน้าเปลี่ยนไป ในใจ ถ้าจะให้ดื่มสิบสองแก้ว ตัวเองคงจะมึนตายเลยไม่ใช่หรือไง?

ถ้าเกิดว่าดื่มจนเมา แล้วจะไปคุยเรื่องการร่วมงานกับถังหยู่ซวนอย่างไรล่ะ?

“หลี่ฝาง เมื่อครู่ฉันล้อคุณเล่น คุณจะไปจริงจังทำไมกัน” โจวเจ๋พูดขึ้น

“ล้อเล่นเหรอ?งั้นก็หมายความว่า เมื่อครู่คุณล้อเล่นกับ พวกเราน่ะสิ?” หลี่ฝางลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดว่า: “ถังหยู่ซวน พวกเราไปกันเถอะ!”

สีหน้าของโจวเจ๋ซีดเผือด ในใจก็อยากจะฆ่าหลี่ฝางให้ตาย คุณจะไปก็ไปสิ จะลากถังหยู่ซวนไปด้วยทำไมกัน?

“โอเค ฉันดื่มเอง!”

โจวเจ๋ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ก่อนจะดื่มจนหมด

“นี่ถึงจะถูกสิ ผู้ชายพูดแล้วต้องเป็นคำพูดสิ โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจ” หลี่ฝางหัวเราะ พลางมองถังหยู่ซวนแล้วถาม: “คุณว่าถูกไหม?ถังหยู่ซวน”

“จริงด้วย” ถังหยู่ซวนพยักหน้า: “สิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการธุรกิจก็คือการรักษาคำพูด”

ทั้งสองคนทั้งร้องทั้งดื่ม โจวเจ๋เลยทำได้แค่พยายามฝืนดื่มต่อ

หลังจากดื่มไปหกแก้ว โจวเจ๋ดื่มไม่ไหวแล้ว: “หลี่ฝาง อีกสักพักค่อยดื่มได้ไหม?”

“ไม่ได้” หลี่ฝางส่ายหัว โดยที่ไม่ไว้หน้าโจวเจ๋เลย

โจวเจ๋กัดฟันกรอก เขาดื่มมาตั้งนาน เพิ่งจะเคยมาเจอคนแบบหลี่ฝาง มันเป็นเพียงก้อนหินในส้วม ทั้งเหม็นทั้งแข็ง

แม่งเอ้ย!

โจวเจ๋ด่าออกไปเบาๆ ก่อนจะดื่มต่ออีกสามแก้ว

ถึงแม้ว่าโจวเจ๋จะคอแข็งมาก แต่ดื่มติดๆ ไปเก้าแก้วก็แทบจะไม่ไหวเหมือนกัน เขานั่งขึ้นมาก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ

เขาวิ่งไปห้องน้ำ เอามือปิดไปพลางจะอ้วกไปด้วย

นักแสดงหญิงทุกคนต่างตกใจกันหมด พวกเธอเพิ่งเคยเห็นโจวเจ๋เอาใจคนอื่นขนาดนี้ จนตัวเองนั้นดื่มจนแทบอ้วก

“พี่ถัง พวกเราดื่มกันเถอะ”

จ้าวเหลยยกแก้วขึ้นมาในตอนนั้นเอง ก่อนจะพูดกับถังหยู่ซวนว่า: “เรื่องก่อนหน้านี้ เป็นเพราะน้องผิดเอง หวังว่าพี่ถังไม่ถือโทษโกรธกัน อย่าถือฉันเลย”

ถังหยู่ซวนยิ้มด้วยความเย็นชา พลางมองจ้าวเหลย: “คุณอยากจะให้ฉันยกโทษให้คุณ?”

“ให้ฉันยกโทษให้คุณก็ได้ คุณเองก็เหมือนโจวเจ๋ ต้องกินเป็นการลงโทษสิบสองแก้ว” ถังหยู่ซวนพูดขึ้นเบาๆ

สีหน้าของจ้าวเหลยจ๋อยลงสุดๆ

จ้าวเหลยดื่มเหล้าไม่เก่ง เทียบกับโจวเจ๋ได้เพียงครึ่งเดียว ถ้าจะให้เขากินสิบสองแก้ว มันเท่ากับตายชัดๆ

เขาทำไม่ได้

เพียงไม่นาน โจวเจ๋ก็อ้วกเสร็จแล้วออกมาจากห้องน้ำ

“ยังเหลืออีกสามแก้วใช่ไหม?” เมื่อโจวเจ๋พูดจบ ก็ดื่มสามแก้วที่เหลือจนหมด

หลี่ฝางพูดด้วยความเคารพนิดหน่อยว่า: “คอแข็งนี่”

โจวเจ๋ไม่ได้สนใจหลี่ฝาง แต่เทให้ตัวเองเต็มแก้ว ก่อนจะยกแก้วให้ถังหยู่ซวน: “พี่ถัง มา เรามาดื่มกันสักแก้วหนึ่งเถอะ”

“ช่างมันเถอะ วันหน้าก็แล้วกัน” ถังหยู่ซวนยืนขึ้น เพื่อจะออกไป

ตอนนั้นโจวเจ๋พูดอะไรไม่ออก: “ทำไมล่ะ พี่ถัง ฉันทำอะไรผิดกับคุณหรือเปล่า?”

“คุณไม่มี แต่เขามี”

ถังหยู่ซวนชี้ไปที่จ้าวเหลย: “คุณเองก็เห็น ว่าพอเขาเข้ามาก็จิกกัดฉันเลย มันทำให้ฉันไม่พอใจเป็นอย่างมาก”

“พี่ถัง ให้เขาขอโทษคุณ”

โจวเจ๋หัวเราะ ก่อนจะหันมามองจ้าวเหลย: “ยังไม่รีบไปขอโทษพี่ถังอีก”

“พี่เจ๋ ฉันไปขอโทษแล้ว” จ้าวเหลยขมวดคิ้วพลางพูดขึ้น

“งั้นพี่ถังยกโทษให้คุณแล้วเหรอ?” โจวเจ๋ถามขึ้น

“ไม่” จ้าวเหลยส่ายหัว

“งั้นก็ขอโทษต่อไป” โจวเจ๋ขึ้นเสียง

“ห๊ะ?งั้นทำไมเขายังไม่ยกโทษให้ฉันล่ะ?” จ้าวเหลยไม่รู้จะพูดอะไรออกไป

“ถ้าเขาไม่ยกโทษให้คุณ ตำแหน่งกรรมการของคุณ ก็ไม่ต้องทำแล้วล่ะ” โจวเจ๋พูดด้วยความเย็นชา

จ้าวเหลยมองโจวเจ๋ ก่อนจะพูดด้วยความตกใจ: “พี่เจ๋ คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับฉันหรือเปล่า?คุณจะไล่ฉันออกเหรอ?พ่อฉันเป็นประธานกรรมบริษัท”

“ประธานกรรมบริษัทแล้วยังไงล่ะ?คุณไม่ได้น่าเคารพขนาดนั้น งั้นให้พ่อคุณมาหาฉันสิ” โจวเจ๋พูดเสียงเย็นชา

จ้าวเหลยกัดฟันกรอด พลางหันไปมองถังหยู่ซวน

“พี่ถัง คุณบอกมาเถอะ ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะยกโทษให้ฉัน?” จ้าวเหลยฝืนถามขึ้นอย่างดื้อดึง

“เหมือนกับโจวเจ๋ ทำโทษตัวเองสิบสองแก้วก่อนค่อยคุยกัน” ถังหยู่ซวนพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท