NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 111

ตอนที่ 111

บทที่ 111 ตัวเขามีมูลค่าหลายหมื่นล้าน

“พี่ถัง จ้าวเหลยดื่มไม่เก่ง ผมกลัวว่า…………”

เวลานี้ โจวเจ๋ช่วยจ้าวเหลยทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น แต่ว่าเขายังพูดไม่ทันจบ ถังหยู่ซวนก็ทำหน้าเข้มขรึม: “งั้นพี่ไปก่อนนะ”

แค่ถังหยู่ซวนลุกขึ้นมา โจวเจ๋ก็ลนลาน เขาหันหน้ากลับไป มองไปที่จ้าวเหลย: “ดื่มซะ!”

สีหน้าจ้าวเหลยเปลี่ยนไปทันที แล้วกล่าวขึ้น: “พี่เจ๋ ผมดื่มไม่ไหวแล้ว”

“ดื่มไม่ไหวก็ต้องดื่ม นอกเสียจากว่านายไม่อย่าทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารนี้แล้ว!” โจวเจ๋กล่าวด้วยสีหน้าที่หนักใจ

จ้าวเหลยหายใจเข้าลึกๆ ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารนี้ พ่อเขาต้องเสียเงินไปก้อนใหญ่เพื่อที่จะเอาตำแหน่งนี้มาให้เขา หากต้องเสียมันไปแบบนี้ กลับบ้านไม่ถูกตีจนตายเหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น การที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารนี้ ก็เท่ากับมีสิทธิ์ในการจัดสรรทรัพยากรของบริษัท

นางแบบ ดารา ในบริษัท เพื่อต้องการทรัพยากรที่มากหน่อย มีใครบ้างที่ไม่ต้องให้สินน้ำใจกับจ้าวเหลยบ้าง?

หากไม่มีตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สวัสดิการเหล่านี้ ก็จะพลอยหายไปด้วยนะ

“ผมดื่ม!” จ้าวเหลยกัดฟัน ยกแก้วเหล้าขึ้นมา

“อย่าทำหกละ เหล้านี้แพงมากเลย” ถังหยู่ซวนพูดอย่างเรียบเฉย

ตามมาด้วย จ้าวเหลยก็ได้ยกแก้วที่สองขึ้นมา ดื่มอย่างพะอืดพะอมไปหลายอึก เหลือเหล้าไว้นิดหน่อย

“เหล้าที่เหลือไว้ในแก้ว จะเอาไปเลี้ยงปลาเหรอ?” ถังหยู่ซวนพูดอย่างเยาะเย้ย

“อย่าให้มันเหลือ” โจวเจ๋รีบต่อว่าทันที

สีหน้าของจ้าวเหลยขมขื่นมาก ขณะที่ดื่มแก้วที่สามลงไปนั้นเขาก็ไม่ไหวแล้ว ผิวหนังแดงไปทั้งตัว เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว

“ดื่มไม่ได้อีกแล้ว ดื่มต่อไปผมต้องตายแน่เลย” ขณะที่ดื่มแก้วที่สี่ลงไป ในที่สุดจ้าวเหลยก็ส่ายหัว ยอมแพ้แล้ว

“ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารไม่เอาแล้วเหรอ?” โจวเจ๋ขมวดคิ้วขึ้น มองด้วยสีหน้ารังเกียจ

“พี่เจ๋ อย่าบังคับผมอีกเลย ผมดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ” จ้าวเหลยพูดอย่างขอร้อง

“ใครใช้ให้นายหัวเราะเยาะพี่ถัง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายทำตัวเอง รู้หรือเปล่า?” โจวเจ๋ส่งสัญญาณให้จ้าวเหลย: “รีบขอโทษพี่ถังเดี๋ยวนี้เลย”

จ้าวเหลยที่สีหน้าแดงก่ำ มองไปที่ถังหยู่ซวนแล้วกล่าว: พี่ถัง ผมผิดไปแล้ว พี่เป็นผู้ใหญ่มีจิตใจเมตตา อภัยให้ผมสักครั้งเถอะ ได้มั้ย?”

ถังหยู่ซวนกำลังจะอ้าปาก หลี่ฝางที่มองไปทางเขากลับส่ายหัวขึ้น ความหมายก็คือไม่ได้

ห้ามสงสารศัตรู เพราะศัตรูก็จะไม่เห็นใจคุณเมื่อคุณอยู่ในเวลาที่เสียเปรียบ นี่เป็นคำพูดที่หลี่ฝางเคยได้ยินหลี่ต๋าคางพูดตอนเด็ก

ถังหยู่ซวนกล่าวอย่างเย็นชา: “หากว่าฉันแย่งแฟนนาย แล้วยังดูถูกนายอีก นายจะให้อภัยฉันมั้ย?”

ขณะที่พูด ถังหยู่ซวนยังได้เหลือบมองไปที่จางปิงปิงอีกด้วย ขณะนั้นจางปิงปิงก็มองเขาพอดี สี่ตาประสานกัน จางปิงปิงรีบก้มหน้าลงทันที

หลังจากที่จ้าวเหลยสังเกตเห็นแววตาของถังหยู่ซวนแล้ว ก็โกรธขึ้นมาทันที: “หลายปีมานี้ คิดไม่ถึงว่าพี่ยังไม่ตัดใจ”

“อย่างมากผมไม่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารนี้ก็ได้!” จ้าวเหลยวางกระแทกแก้วอย่างแรง กล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา

“ปิงปิง พวกเราไปกันเถอะ”

จ้าวเหลยไปดึงมือของปิงปิงขึ้นมา แล้วกล่าว

และในเวลานี้ โจวเจ๋ก็ลุกตามขึ้นมา: “หยุดก่อน!”

“พี่เจ๋ ผมรู้ว่าพี่จะพูดอะไร เห่อๆ ไม่ต้องให้พี่ไล่ผมออกหรอก ผมลาออกเอง ก็แค่ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเองไม่ใช่เหรอ? ต่อให้ผมไม่เป็นผู้อำนวยการ ผมก็ยังคงเป็นลูกคนรวยที่มีกินมีใช้โดยไม่ได้เดือดร้อน” จ้าวเหลยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

ถังหยู่ซวนเวลานี้ก็ได้ถามขึ้น: “โจวเจ๋ นายสามารถไล่เขาออก แล้วสามารถไล่พ่อเขาออกด้วยได้มั้ย?”

“พ่อเขาเป็นกรรมการในบริษัท ผมไม่มีอำนาจนี้” โจวเจ๋กล่าว

“เจ้าโง่ ได้ยินแล้วใช่มั้ย?” จ้าวเหลยหัวเราะอย่างเยือกเย็น มองไปที่ถังหยู่ซวน: “พ่อผมเป็นถึงคณะกรรมการ”

“นายไม่มีอำนาจอันนี้ แล้วพ่อนายล่ะ?” ถังหยู่ซวนได้ถามไปอีกหนึ่งประโยค

“ใช่………พ่อผม ผมสามารถโทรหาพ่อผมได้” โจวเจ๋ล้วงโทรศัพท์ออกมา เพื่อโทรหาพ่อของตัวเอง

จ้าวเหลยหัวเราะ ดูกวนตีนเล็กน้อย: “ผมไม่เชื่อหรอกว่าคณะกรรมการของบริษัทจะไล่พ่อผมออก พ่อผมนั้นเป็นเหมือนแม่ทัพใหญ่ในบริษัท บริษัทสามารถก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ พ่อของฉันเป็นผู้มีส่วนช่วยอย่างมาก……..”

จ้าวเหลยเพิ่งจะพูดจบ โจวเจ๋ก็วางโทรศัพท์ไปแล้ว มองไปที่จ้าวเหลยแล้วกล่าว: “พ่อฉันตกลงแล้ว พรุ่งนี้จะเรียกคณะกรรมการมาประชุม แล้วก็ถีบนายกับพ่อไปออกไปจากบริษัทพร้อมกัน!”

“อะไรนะ?”

“มันจะเป็นไปได้ไง? พ่อผมติดตามท่านประธานมาสิบกว่าปี ท่านทั้งสองก็เป็นเพื่อนรักกัน คณะกรรมการจะกล้าได้ยังไง?” สีหน้าของจ้าวเหลยซีดไปทันที

“หากไม่เชื่อ นายสามารถโทรหาพ่อฉันได้เลย นายน่าจะมีเบอร์ของเขามั้ง?” โจวเจ๋หัวเราะ แล้วกล่าว: “หากนายไม่มี ฉันสามารถให้นายได้”

“ผมจะโทรตอนนี้เลย!” จ้าวเหลยไม่กล้าที่จะเชื่อ ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า มิตรภาพจะแค่ไหนกันเชียว?

จ้าวเหลยเดินไปที่ข้างห้องน้ำ กดเบอร์โทรหาท่านประธาน

เมื่อโทรติด ประธานโจวก็ถามอย่างสงสัย: “เสี่ยวเหลย อาได้ยินมาว่านายล่วงเกินถังหยู่ซวนเหรอ? ใช่เรื่องจริงมั้ย”

“ท่านประธาน เป็นเพราะเขาจงใจหาเรื่องผม ท่านก็รู้ว่า ผมคอไม่แข็ง แต่เขากลับจะให้ผมดื่มต่อเนื่องสิบสองแก้ว…….” จ้าวเหลยพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ

ประธานโจวก็กล่าวขึ้น: “เอาล่ะ อย่ามาพูดพร่ำกับอาอยู่เลย นายสามารถโทรหาอาได้ ก็หมายความว่านายยังไม่เมา รีบไปเอาใจถังหยู่ซวน……..ไม่ว่าถังหยู่ซวนจะพูดอะไรก็แล้วแต่ นายต้องทำตาม”

ประธานโจวก็วางสายทันที แล้วก็โทรไปหาพ่อของจ้าวเหลยจ้าวโหย่วฉาย

ในสาย ประธานโจวพูดกับจ้าวโหย่วฉายเพียงไม่กี่ประโยค จ้าวโหย่วฉายก็ได้กล่าวขึ้น: “ท่านประธาน วางใจเถอะครับ ผมจะโทรไปสั่งสอนเหลยเหลยตอนนี้เลยครับ”

เวลานี้ จ้าวเหลยโมโหมาก

“เย็ดแม่ ให้กูก้มหัวให้กับถังหยู่ซวน คิดยังไม่ต้องคิดเลย!” จ้าวเหลยสบถคำหยาบ เตรียมตัวที่จะพาจางปิงปิงจากไป

แต่ระหว่างทาง เขาก็ได้รับสายของจ้าวโหย่วฉาย

“ไอ้ลูกทรพี แกก่อเรื่องที่ข้างนอกอีกแล้วใช่มั้ย? เมื่อกี้ท่านประธานโทรศัพท์มาหาพ่อแล้ว จะไล่เราสองพ่อลูกออกจากบริษัท ฉันจะบอกแกนะ แกรีบไปขอโทษคนอื่นเพื่อชดเชยความผิดแกเสีย หากแกทำให้ฉันต้องถูกบริษัทไล่ออกละก็ ฉันจะตัดแกออกจากการเป็นลูกของฉัน”

จ้าวโหย่วฉายลงดาบสังหารโดยตรง: “นอกจากนี้แล้ว ฉันก็จะระงับบัตรเครดิตแก เอารถของแก บ้านของแก คืนมาทั้งหมด!”

“พ่อ พ่อ……..” จ้าวเหลยยังไม่ทันได้พูด จ้าวโหย่วฉายก็ได้วางสายไปเลย

“อยากจะบ้าตายเสียจริงๆ” เวลานี้จ้าวโหย่วฉายที่กำลังทานข้าว โมโหจนโยนตะเกียบลงไปในพื้น

“มันเรื่องอะไรกัน? แม้แต่ข้าวก็ไม่กินแล้ว?” คุณแม่ของจ้าวเหลยสะดุ้งตกใจ รีบถามขึ้น

“ยังจะกินลงอีกเหรอ อีกไม่นานเราก็จะไม่มีข้าวกินแล้ว ลูกชายคุณไปล่วงเกินผู้มีบารมีเข้าแล้ว ท่านประธานกำลังจะไล่ผมออก เฮ้ย ต้องโทษที่ผมตามใจลูกชายเรามากเกินไป!” จ้าวโหย่วฉายพูดอย่างโมโห

จ้าวเหลยที่อยู่ในบาร์ ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม

ตัดความสัมพันธ์พ่อลูก?

ยึดรถ ยึดบ้าน?

แม้กระทั่งระงับบัตรเครดิต?

แบบนี้แล้ว ก็เท่ากับตัวเองก็ไม่เหลืออะไรเลยละสิ?

ในห้องวีไอพี จางปิงปิงเตรียมตัวจะไปดูจ้าวเหลย โจวเจ๋ขยับร่างกายของเขาเข้าไปใกล้ แล้วเล่าขึ้น: “ปิงปิง ต่อให้จ้าวเหลยไป เธอก็ห้ามไปกับเขา เข้าใจมั้ย?”

“เพราะอะไรคะ? ประธานโจว จ้าวเหลยเป็นแฟนของฉันนะคะ หากเขาไปแล้ว ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อทำไม?” จางปิงปิงขมวดคิ้วถาม

“เธออย่าลืมนะ นอกจากเธอจะเป็นแฟนของจ้าวเหลยแล้ว ยังเป็นดาราของบริษัทด้วย เธอก็รู้ บริษัทเตรียมจะดันดาราหลายคน เดิมทีเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น หากวันนี้เธอไปแล้ว ชื่อของเธอก็จะถูกยกเลิกไง!” โจวเจ๋กล่าวข่มขู่เธอโดยตรง

“แต่ว่าจ้าวเหลยไปแล้ว หากฉันไม่ไป จ้าวเหลยก็จะโกรธได้นะ?” สีหน้าจางปิงปิงเต็มไปด้วยความสับสน

“เธอจะไปสนใจว่าเขาจะโกรธหรือไม่โกรธทำไมกัน ผมถามคุณหน่อย ถังหยู่ซวนเป็นแฟนเก่าของคุณหรือเปล่า?” โจวเจ๋ถาม

จางปิงปิงพยักหน้า

“แล้วเธอรู้หรือว่าเปล่าแฟนเก่าเธอตอนนี้มูลค่าตัวเขาเท่าไหร่?” โจวเจ๋ถามต่อเนื่อง

จางปิงปิงส่ายหัว

“งั้นฉันจะบอกกับเธอเอง ตอนนี้มูลค่าของถังหยู่ซวน ประเมินต่ำๆ ก็หลายหมื่นล้านแล้ว เห็นบาร์เหล้านี้หรือเปล่า ลงทุนต่ำๆ ก็สองพันกว่าล้านแล้ว ก็คือพ่อของถังหยู่ซวนเป็นคนเปิด โจวเจ๋หัวเราะกล่าว: “หากเธอสามารถกลับไปคบกับถังหยู่ซวนอีกละก็ เธอรวยแน่”

“แต่ว่าพ่อของถังหยู่ซวนเป็นคนขับรถส่งของไม่ใช่เหรอ? ไปเอาเงินที่ไหนมาเปิดบาร์เหล้าละ?” จางปิงปิงพูดอย่างสงสัย

“คนขับรถส่งของคนนั้นไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของถังหยู่ซวน พ่อที่แท้จริงของเขาเป็นมหาเศรษฐีลึกลับท่านหนึ่ง ครั้งนี้กลับมาที่ตงไห่นอกจากตามหาลูกที่แท้จริงอย่างถังหยู่ซวนแล้ว ยังได้มาลงทุนที่ตงไห่เป็นเงินหลายหมื่นล้านหยวน”

โจวเจ๋พูดจบ จางปิงปิงสั่นสะท้านไปทั่วร่าง: “หลายหมื่นล้าน โอ้สวรรค์!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน