NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 112

ตอนที่ 112

บทที่ 112 ฉันไม่ให้เกียรตินายได้ แต่นายต้องให้เกียรติฉัน

จางปิงปิงคิดไม่ถึงเลย ถังหยู่ซวนจะเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีผู้ลึกลับ หากรู้ตั้งแต่ต้น ตอนนั้นเธอก็คงไม่เลิกกับเขาหรอก!

เวลานี้จางปิงปิงเสียดายมาก เธอมองโจวเจ๋ กระซิบถาม: “ประธานโจว คุณว่าเราสองคนมีโอกาสคืนดีกันมั้ย?”

“มีโอกาสอยู่แล้ว ฉันเดาว่าเจ้าถังหยู่ซวนแปดสิบแปดเซ็นคงยังไม่ลืมเธอแน่เลย เมื่อกี้ตอนที่เขามองเธอ สายตานั้นค้างไปเลย นั่นหมายความว่าในใจเขายังมีเธออยู่” โจวเจ๋พูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ

“ยังมีอีกนะ หากไม่ใช่เพราะเธอเขาทำไมถึงต้องเล่นงานจ้าวเหลย เธอว่าใช่มั้ย?” โจวเจ๋กล่าว

จางปิงปิงคิดไปคิดมา ก็เป็นเหตุผลนี้เหมือนกัน แต่เธอมีความกังวลเล็กน้อย: “แล้วจ้าวเหลยจะทำยังไง?”

“ปิงปิง เธอมันโง่เหลือเปล่า หากพูดถึงฐานะ ถังหยู่ซวนคนนี้ตัวเขามีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน มูลค่าของจ้าวเหลยมากสุดก็แค่หลับสิบล้าน ทั้งสองคนต่างกันพันเท่า หากพูดถึงหน้าตา ถังหยู่ซวนคนนี้ก็หล่อเท่กว่า แต่จ้าวเหลยละ พุงก็ใหญ่ ยังไม่ถึงสามสิบเลย หัวก็เริ่มจะล้านแล้ว เธอสองคนเดินอยู่ด้วยกัน คนอื่นต้องนึกว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าเงิน ที่ถูกเลี้ยงไว้ หากต่อไปเธอกลายเป็นบุคคลสาธารณะ มันก็มีผลต่อภาพลักษณ์ของเธอเป็นอย่างมาก” โจวเจ๋กล่าว

“ดังนั้น ฉันของเตือนเธอเลย ทิ้งจ้าวเหลยซะ แล้วไปให้ท่าถังหยู่ซวน ขอเพียงเธอสามารถทำให้เขาเป็นของเธอ ถึงเวลาเธอก็จะรวยแล้วนะ” โจวเจ๋ยิ้มให้กับจางปิงปิง

จางปิงปิงขมวดคิ้วเข้าหากัน ก็ยังคงมีความลังเลอยู่บ้าง เพราะเธอไม่แน่ใจว่าถังหยู่ซวนจะกลับมาคบกับเธออีกหรือเปล่า

“หากไม่สามารถให้ท่าสำเร็จจะทำยังไงละ?” จางปิงปิงพูดสิ่งที่ตัวเองกังวลออกมา

“ปิงปิง ในโลกนี้ไม่มีแมวที่ไม่กินปลาหรอกนะ ผู้ชายคนไหนไม่เจ้าชู้บ้าง รูปร่างหน้าตาเธอออกจะเซ็กซี่ หากเป็นผู้ชายไม่มีใครปฏิเสธเธออย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นแฟนเก่าเธออีก?” โจวเจ๋พูดโน้มน้าว

“ใช่แล้ว คุณเป็นรักแรกของเขาใช่มั้ย?” โจวเจ๋ถามไปหนึ่งประโยค

จางปิงปิงพยักหน้า

“งั้นยิ่งมีโอกาสมาก ผู้ชายนะ ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงแฟนคนแรกที่เขารัก ถึงแม้จะแต่งงาน ผู้ชายทุกคนก็จะเหลือที่ในใจสำหรับแฟนคนแรกไว้” โจวเจ๋หัวเราะ ยิ่งมีความมั่นใจขึ้น

โจวเจ๋คิดในใจ หากถังหยู่ซวนคบกับดาราที่อยู่ในสังกัดของตัวเขาเอง เงินลงทุนกว่าหมื่นล้านก้อนนั้น โอกาสที่จะมาลงในบริษัทของตัวเองนั้นมีมากขึ้น

จางปิงปิงรวบรวมความกล้า กำลังจะเดินไปทางถังหยู่ซวนนั้น จ้าวเหลยก็กลับมาพอดี

ท่าทางของจ้าวเหลยนั้นดูแล้วน่ากลัว เดินไปถึงหน้าของถังหยู่ซวนอย่างรวดเร็ว ตอนแรกโจวเจ๋นึกว่าจ้าวเหลยจะกลับมาทำร้ายถังหยู่ซวนสักอีก ทำให้เขาตกใจมาก

โจวเจ๋ตะโกนอย่างเสียงดัง: “จ้าวเหลย นายจะทำอะไร? หากนายกล้าทำร้ายพี่ถัง ฉันจะไม่มีทางปล่อยนายไปแน่!”

จ้าวเหลยมาถึงตรงหน้าของถังหยู่ซวน หยุดฝีเท้าลง เขาหายใจลึกๆ ไปหลายที แล้วกล่าว: “พี่เจ๋ พี่เข้าใจผมแล้ว ผมจะทำร้ายพี่ถังได้ยังไง? ผมกลับมาเพื่อจะมาดื่มเหล้าที่เหลืออีกแปดแก้วให้หมด”

“พี่ถัง ขอเพียงพี่สามารถอภัยให้น้องคนนี้ เหล้านี้ ผมจะดื่ม!” จ้าวเหลยได้ตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้ต้องดื่มจนเสียสุขภาพ ต้องเข้าโรงพยาบาล เขาก็จะดื่ม

เพราะหากจ้าวเหลยไม่ดื่ม เขาก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย

จ้าวเหลยเป็นลูกคนรวยที่ไม่เอาไหน เพียงแค่ไปจากจ้าวโหย่วฉาย เขาเพียงแค่มีชีวิตอยู่ต่อยังลำบากเลย!

จ้าวเหลยยกแก้วเหล้าขึ้น ดื่มแก้วละหนึ่งอึก แก้วละหนึ่งอึก ดื่มติดต่อกันไปสามแก้ว เขาก็ไม่ไหวแล้ว รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อไปอาเจียนออก

ถังหยู่ซวนมองแล้วก็หัวเราะเห่อๆ : “ไอ้เหี้ยนี้มันไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอ?”

หลี่ฝางพูดอย่างไม่แยแส: “ช่างมัน มันจะดื่ม ก็ให้มันดื่มเลย”

“เมื่อกี้โจวเจ๋กับจางปิงปิงกระซิบคุยกันไปตั้งเยอะ ฉันเดา โจวเจ๋เขาคิดอยากใช้แผนสาวงามเพื่อใช้จางปิงปิงมาล่อนาย” หลี่ฝางหัวเราะ กดไปที่หัวไหล่ของถังหยู่ซวนแล้วถาม จะต้านทานไหวมั้ยเนี่ย?

ถังหยู่ซวนยิ้มได้ซับซ้อนมาก: “พูดตามตรง ฉันหมดใจกับเธอแล้ว เพราะตอนที่เลิกกัน เธอทำให้ฉันเจ็บปวดมาก”

“เพียงแต่หากเธอจะมาใช้แผนสาวงามกับฉันจริงๆ ฉันก็กลัวว่าจะต้านทานไม่อยู่เหมือนกัน ไม่ว่ายังไงหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นจินตนาการของฉันมาโดยตลอด” ถังหยู่ซวนกล่าว

หลี่ฝางพยักหน้า: “งั้นเมื่อเธอมาแล้วก็อย่าปฏิเสธ”

“ในเมื่อเธอใส่พานมาถวายด้วยตัวเอง แล้วทำไมพวกเราต้องปฏิเสธ?” หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก: “ที่Recalling the pastชั้นบนมีห้องวีไอพีที่มีเตียง หากเธอรุกมากเกินไป นายก็พาเธอขึ้นไปชั้นบนเลย”

ถังหยู่ซวนกลืนน้ำลายไปสองสามที ตื่นเต้นไม่น้อย: “ไม่ปิดบังนาย หลี่ฝาง จริงๆ แล้วฉันยังบริสุทธิ์อยู่”

“แม่งเอ๊ย ไม่ใช่มั้ง?” หลี่ฝางสะดุ้งตกใจ: “วันๆ นายก็อยู่แต่ในแหล่งสถานบันเทิงไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างนายอยู่ในสังคมมาก็หลายปีแล้ว ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงเลยเหรอ?”

“ไม่เคย” ถังหยู่ซวนส่ายหัว แล้วกล่าว: “ไม่เคยจริงๆ”

“ฉันติดตามต้าเฉียง เงินเดือนเดือนหนึ่งยังไม่ถึงสองพันหยวนเลย เงินแค่นี้ ลำพังจะเลี้ยงตัวเองให้รอดยังไม่พอเลย ปกติยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทางบ้านด้วยเลย จะมีเงินที่ไหนไปเที่ยวสาวอีก?”

ถังหยู่ซวนมุ่ยปากแล้วกล่าว: “อีกอย่างก็คือฉันใจเสาะ กลัวติดโรค ไม่กล้าไปเที่ยวผู้หญิง เมื่อปีที่แล้วเพื่อนร่วมงานฉันคนหนึ่งไปเที่ยวผู้หญิง ก็ติดโรคเลย ร่างกายเต็มไปด้วยตุ่ม น่าขยะแขยงมาก ทำให้ฉันกลัวมากเลย”

“จากนั้นเป็นต้นมา ในใจฉันก็กลัวมาตลอด ไม่กล้าไปเที่ยวผู้หญิง และก็ไม่กล้าไปมีอะไรกับผู้หญิงที่มั่วเซ็กส์ จนมาถึงวันนี้ ฉันยังเป็นผู้ชายที่บริสุทธิ์อยู่เลย”

“งั้นก็ยิ่งดีเลยไม่ใช่เหรอ? พอดีผู้ชายบริสุทธิ์อย่างนาย ให้แฟนเก่านายเป็นคนจัดการนายเลย นายคงไม่รังเกียจเธอหรอกมั้ง?” หลี่ฝางถามไปหนึ่งประโยค

ไม่รังเกียจหรอก ถังหยู่ซวนส่ายหัว

เวลานี้ จ้าวเหลยก็กลับมาแล้ว เขาก็พยายามฝืนดื่มไปอีกสามแก้ว จนไม่ไหวแล้วจริงๆ แม้แต่ยืนก็ยังยืนไม่ไหวเลย

“พี่ถัง จ้าวเหลยเมาจนไม่ไหวแล้ว ผมว่าส่งเขาไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” โจวเจ๋เดินเข้ามาพูด: “ไม่อยากนั้นหากเกิดเรื่องมันก็ไม่ดีกับใครเลย”

ถังหยู่ซวนพยักหน้า แล้วพูด: “ได้ เอาตัวเขาไปเลย เห็นเขาแล้วก็รำคาญ”

ถังหยู่ซวนกวักมือเรียกโหจื่อ ให้เขามาแบกจ้าวเหลยไปที่ห้องพัก ก่อนที่โหจื่อจะแบกจ้าวเหลยไปนั้น ยังได้พูดกับถังหยู่ซวนไปประโยคหนึ่ง: “ได้ครับ ผู้จัดการ”

ผู้จัดการ? ประโยคนี้ถูกโจวเจ๋ได้ยินเข้า ยิ่งทำให้ตัวเองมั่นใจในฐานะของถังหยู่ซวนเข้าไปอีก

“ปิงปิง ยังไม่รีบมาดื่มให้กับพี่ถังอีก?” หลังจากที่จ้าวเหลยถูกแบกไปแล้ว โจวเจ๋ก็เรียกปิงปิงมา ให้เธอนั่งตรงหน้าของถังหยู่ซวน

“พี่ซวน มา เราสองคนมาดื่มด้วยกันหนึ่งแก้ว” จางปิงปิงมาแล้ว ก็เป็นคนริเริ่มยกแก้วแล้วกล่าว

“พี่ซวน? ถังหยู่ซวนได้ยินแล้วก็หัวเราะเจื่อนๆ : “ไม่มีคนเรียกเขาแบบนี้มาหลายปีแล้ว”

“พี่ซวน เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปเอ่ยถึงมันอีกเลย เรามาทำความรู้จักกันใหม่ ดีมั้ย?” จางปิงปิงริเริ่มพูดก่อน เธอไม่อยากที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ถึงอย่างไร เธอนั้นเป็นคนที่ทิ้งถังหยู่ซวนอย่างโหดร้าย

“ได้” ถังหยู่ซวนพยักหน้า ก็ดื่มกับจางปิงปิงไปหนึ่งแก้ว

และโจวเจ๋ก็ไม่ได้ทำตัวให้ว่าง เขาหันหน้ามองไปทางหลี่ฝาง พูดอย่างสุภาพ: “หลี่ฝาง เราก็มาดื่มกันหนึ่งแก้ว”

โจวเจ๋ไม่ใช่คนโง่ ความสัมพันธ์ของหลี่ฝางกับถังหยู่ซวนนั้นแนบแน่นมาก ดังนั้น เมื่ออยากจะเอาใจถังหยู่ซวน ก็ต้องห้ามล่วงเกินหลี่ฝาง

ท่าทีที่โจวเจ๋ปฏิบัติต่อหลี่ฝางก็ดีขึ้นมาทันที

“ได้สิ เพียงแต่แก้วเดียวมันจะน้อยไปมั้ย?” หลี่ฝางเลิกคิ้ว แล้วกล่าว

“งั้นนายจะดื่มกี่แก้วละ?” โจวเจ๋ตอบด้วยความอิ่มเอมใจ

“เป็นครั้งแรกที่เราสองคนดื่มกันในฐานะเพื่อน ดื่มน้อยไปมันก็ไม่ดีมั้ง ไม่งั้น เราก็ดื่มหนึ่งปีละกัน?” หลี่ฝางหัวเราะกล่าว ดื่มหนึ่งปีก็หมายถึงต้องดื่มสิบสองแก้ว

“ฉันเพิ่งจะดื่มไปสิบสองแก้ว ก็จะต้องดื่มอีกสิบสองแก้ว………” โจวเจ๋ขมวดคิ้ว รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“ดื่มไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่ม” หลี่ฝางเพิ่งจะยกแก้วเหล้าขึ้น ก็ได้วางลงไป

“ได้ ฟังนายละกัน ดื่มสิบสองแก้ว” เพื่อที่จะทำดีกับหลี่ฝาง โจวเจ๋ตัดสินใจสู้แล้ว

“เพื่อนเราดื่มให้นายก่อน!” พูดจบ โจวเจ๋ก็ยกแก้วเหล้าขึ้น ดื่มหมดไปทีเดียว

เหล้าหนึ่งแก้วดื่มจนหมดจด โจวเจ๋มองไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “ถึงนายแล้ว”

หลี่ฝางเพียงแค่ยกขึ้นมาจิบๆ ก็วางแก้วเหล้าลงแล้วกล่าว: “ถึงนายอีกแล้ว”

“แบบนายก็นับหนึ่งแก้วเหรอ?” โจวเจ๋ขมวดคิ้ว มีความโกรธเล็กน้อย

“คอฉันไม่ค่อยแข็ง หากไม่เชื่อ นายถามถังหยู่ซวนดูสิ” หลี่ฝางตบที่บ่าของถังหยู่ซวนเบาๆ จากนั้นก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้กับเขา

“โจวเจ๋ น้องชายฉันคอไม่แข็ง ตอนนี้นายสองคนดื่มกัน นายดื่มเยอะหน่อย ให้เขาดื่มเป็นพิธีก็พอ” ถังหยู่ซวนพูดกับโจวเจ๋

“ก็……….ได้” โจวเจ๋พยักหน้ารับ

“โจวเจ๋ ถึงนายอีกแล้ว แก้วที่สอง” หลี่ฝางยิ้มอย่างชั่วร้าย

โจวเจ๋ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปครึ่งหนึ่งก็วางลง

หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว มองโจวเจ๋อย่างเย็นชา: “นายไม่ให้เกียรติฉัน?”

“โจวเจ๋ นายหมายความว่าไงเนี่ย มีที่ไหนดื่มเหล้าดื่มแค่ครึ่งแก้ว ทำไม ดูถูกน้องชายฉันใช่มั้ย?” ถังหยู่ซวนหันหน้ามา มองโจวเจ๋อย่างโกรธเคือง

“หากนายเป็นแบบนี้ พวกเราก็จะไปแล้วนะ!” ถังหยู่ซวนกับหลี่ฝางลุกขึ้นพร้อมกัน ทำท่าเหมือนจะไป

โจวเจ๋ลนลานทันที รีบห้ามไว้: “ฉันดื่ม ฉันดื่มให้หมดเลย!”

ขณะที่พูด โจวเจ๋ก็ยกแก้วดื่มหมดไปในทีเดียว หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ จึงได้นั่งลงไปใหม่

หลี่ฝางคิดในใจ ฉันไม่ให้เกียรตินายได้ แต่นายต้องให้เกียรติฉัน!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท