NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 124

ตอนที่ 124

บทที่124 หลี่ต๋าคางที่ต่ำช้า

พ่อเฉินเสี้ยวถือโทรศัพท์หลี่ฝางพูด: “ผมคือคนที่จะชกใส่หน้าคุณเอง!”

“ข้างโรงพยาบาลนี้มีลานบาส พวกเราไปเจอกันที่ลานบาสละกัน” พ่อของเฉินเสี้ยวพูดจบ ก็ข่มขู่: “ถ้าคุณไม่มา ผมเอาลูกคุณตายแน่”

พูดจบ พ่อของเฉินเสี้ยวก็วางสาย

“ไป ไปสนามกีฬาด้านหลัง!”

พ่อของเฉินเสี้ยวจับคอเสื้อหลี่ฝาง เหมือนนกอินทรีกำลังคาบลูกไก่ จับขึ้นมากลางอากาศ

หลี่ฝางถูกคอเสื้อดันขึ้นไปจนหายใจไม่ออก พูดไปว่า: “คุณปล่อยผมลงได้ไหม ผมไปเองได้!”

“ผมรู้ว่าคุณไปได้ แต่ผมกลัวคุณหนี” พ่อของเฉินเสี้ยวพูดเสียงฮึดฮัดใส่

หลี่ฝางหมดคำพูด ตัวเองจะหนีไปไหน?

ตลอดทางไม่ว่าหลี่ฝางพูดอะไร พ่อของเฉินเสี้ยวก็ไม่ยอมปล่อยหลี่ฝาง

เซี่ยลู่กับหลิวเฉียวเฉียวตามมาติดๆ ส่วนเฉินเสี้ยวคิดอยู่บนเตียง ก็กระโดดลงเตียง

เฉินเสี้ยวคิดในใจ ฉากเด็ดๆ แบบนี้ตัวเองจะพลาดได้ไง?

เฉินเสี้ยวมั่นใจพ่อตัวเองสุดๆ ตอนนั้นพ่อของตัวเองเอาชนะนักเลงที่พกมีดมาสามคนด้วยมือเองคนเดียว หลังจากเรื่องนั้น พ่อของเฉินเสี้ยวกับหม่าเทียนก็กลายเป็นเพื่อนที่ดี

ตอนนั้นหม่าเทียนยังไม่ใช่ตำแหน่งปัจจุบัน จากที่หม่าเทียนค่อยๆ ก้าวหน้าทีละขั้น ธุรกิจของพ่อเฉินเสี้ยวก็เริ่มดีขึ้น แน่นอนว่า หม่าเทียนเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญนั้น

ครั้งนี้พ่อของเฉินเสี้ยวรับความเป็นความตายของหลี่ต๋าคางไว้ในมือได้ ก็เป็นการชักใยของหม่าเทียนด้วย

อารมณ์ของเฉินเสี้ยว ก็อยู่ที่พ่อของหลี่ฝาง เอาชนะพ่อตัวเองได้ไหม?

เฉินเสี้ยวกระโดดลงเตียงตามไป เขาอยากไปดูว่าพ่อตัวเองจะบ้าระห่ำใส่พ่อหลี่ฝางอย่างไร

พอพ่อของเฉินเสี้ยวพาหลี่ฝางไปที่สนามกีฬา และในเวลานี้ หลี่ต๋าคางก็ไม่อยู่

“พ่อคุณล่ะ?เขาคงไม่ใช่ว่าตกใจจนไม่มาเลยนะ” พ่อของเฉินเสี้ยวจ้องหลี่ฝาง ถามอย่างเยือกเย็น

“รีบโทรหาพ่อคุณสิ!” พ่อของเฉินเสี้ยวพูด

“งั้นคุณก็เอาโทรศัพท์มาคืนผมสิ” หลี่ฝางกลอกตาใส่พ่อเฉินเสี้ยว พูด

พ่อของเฉินเสี้ยวจึงคิดขึ้นได้ โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเอง

“ก็แค่โทรศัพท์เก่าๆ พังๆ ไหมล่ะ” พอหยิบออกมา พ่อของเฉินเสี้ยวก็ขมวดคิ้ว

“ไอ้หนู บ้านคุณก็รวยมากนี่ ถึงได้ใช้ไอโฟนxsได้” พ่อของเฉินเสี้ยวพูด

“เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลี่ฝางพูดอย่างเซ็งๆ

“ลูกหมาอย่างคุณ พูดอะไรเกรงใจผมหน่อย” สีหน้าพ่อของเฉินเสี้ยวเย็นชาลง: “ระวังผมจะทำปากคุณเป็นแผล”

หลี่ฝางแย่งโทรศัพท์ตัวเองมา โทรหาพ่อตัวเอง

“พ่อ พ่ออยู่ไหน?” ใบหน้าหลี่ฝางถามอย่างร้อนใจ: “ทำไมยังไม่ถึงอีก!”

“จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว” หลี่ต๋าคางพูดจบก็วางสาย

หลี่ต๋าคางหลงทาง สอบถามแป๊บหนึ่ง ก็เลยหาลานบาสนี้เจอ

เห็นหลี่ต๋าคางมาคนเดียว ใบหน้าหลี่ฝางก็ซีดขาว

พ่อของเฉินเสี้ยวยิ้มอย่างเหยียดหยาม: “เขาพ่อคุณเหรอ ตัวเล็กๆ แบบนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ผมชัดๆ”

หลี่ต๋าคางก็ไม่ดูอ่อนแอปวกเปียก แค่เทียบกับพ่อของเฉินเสี้ยว ก็จะเตี้ยและตัวเล็กกว่าเล็กน้อย

“พอเหอะน่า โม้ให้มันน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวดูว่าผมพ่อจะสั่งสอนคุณอย่างไร” ถึงในใจหลี่ฝางจะไม่มีความมั่นใจเลย แต่ปากกลับพูดไม่ยอมใคร

“เดี๋ยวคุณก็รู้ว่าผมโม้หรือเปล่า” พ่อเฉินเสี้ยวพูดด้วยความมั่นใจสุดๆ

หลี่ต๋าคางมาตรงหน้าลูกชายตัวเอง พูดขำๆ : “หัวลูกเป็นอะไรไป พันอย่างกับมัมมี่”

“ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ถูกคนอื่นเอาขวดเหล้าทุบใส่”

หลี่ฝางพูดจบ ก็กลัวหลี่ต๋าคางเป็นห่วง พูดเสริมไป: “ที่จริงก็ไม่มีอะไร ก็แค่รอยแตกเล็กๆ แต่หมอที่พันแผลให้ผมกลับพันเป็นสิบชั้น”

“คุณไม่เป็นไร แต่ลูกชายผมเป็น” พ่อของเฉินเสี้ยวทำเสียงไม่พอใจ พูด: “ลูกชายผมถูกคุณเอาขวดเหล้าทุบใส่จนสมองกระทบกระเทือน!”

หลี่ต๋าคางพูด: “เด็กๆ ตีกันเหรอ ไม่หนักหนาอะไรหรอก แบบนี้ไหมล่ะ พวกเรามาสันติกันเถอะจะได้มีลาภ ค่ารักษาของลูกชายคุณเท่าไหร่ พวกเราออกให้เอง โอเคไหม?”

“นอกจากค่ารักษาแล้ว แล้วก็จะจ่ายค่าปลอบขวัญให้ด้วย ค่าฟื้นบำรุงตัว” หลี่ต๋าคางกลับเกรงใจ

พ่อของเฉินเสี้ยวคิดว่าหลี่ต๋าคางขี้ขลาด พูดอย่างรังเกียจ: “แม่งเอ๊ย คุณคิดว่าผมไม่มีเงินรักษาขนาดนั้นเหรอ?”

“ผมบอกคุณนะ ผมไม่ได้ขาดเงิน ผมแค่อยากจัดการคุณสองพ่อลูก จัดการเสร็จ ผมจะจ่ายค่ารักษาให้พวกคุณ ค่าปลอบขวัญ……”

“อีกอย่าง ค่ารักษาของลูกชายผม ผมจ่ายเอง” พ่อของเฉินเสี้ยวพูดอย่างเย่อหยิ่ง.

หลี่ต๋าคางฟังจบก็เข้าใจ ชายหนุ่มคนนี้แค่อยากระบายใส่ลูกชายตัวเอง

ดูเหมือนไม่ลงมือจะไม่ได้แล้ว

หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง พูด: “พอแล้ว ลูกชาย ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลูกแล้ว พาเพื่อนลูกไปเที่ยวเถอะ”

“พ่อ พ่อจัดการเองได้?” หลี่ฝางมองพ่อตัวเองอย่างสงสัย อยากอยู่ช่วยหลี่ต๋าคาง

“พ่อคือพ่อลูก จะทำไม่ได้ด้วยเหรอไง?!” หลี่ต๋าคางมองลูกชายตัวเองอย่างโมโห: “ทำไม แม้แต่พ่อคุณ คุณยังไม่เชื่อ?”

หลี่ฝางมองพ่อเฉินเสี้ยวแวบหนึ่งอีกครั้ง ส่ายหน้า: “พ่อดูตัวเขาสิ ความสูงเกือบจะเท่ากับเหยาหมิงแล้ว”

“ถ้าตีกันดูที่ขนาดตัว เสือก็คงไม่กลายเป็นราชาป่า” หลี่ต๋าคางยิ้มอย่างเหยียดหยาม

“พอแล้ว ลูกรีบไปเถอะ” หลี่ต๋าคางไม่อยากเปิดเผยฝีมือตัวเองต่อหน้าลูกชายตัวเอง

หลี่ฝางกำลังไป พ่อของเฉินเสี้ยวกลับรั้งเขาไว้: “คุณไปไม่ได้ ผมบอกแล้ว รอพ่อคุณมา ผมจะจัดการคุณกับพ่อด้วยกัน!”

จากนั้น พ่อของเฉินเสี้ยวก็หันไปมองหลี่ต๋าคาง พูดในลำคอ: “ทำไม กลัวขายหน้าต่อลูกชายคุณเหรอ?”

“ผมบอกคุณให้นะ คุณสองคนใครก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น” พ่อของเฉินเสี้ยวพูดอย่างเยือกเย็น

“พอ่ ผมไม่ไปดีไหม พวกเราจัดการเขาร่วมกัน” หลี่ฝางมองพ่อเฉินเสี้ยว ใบหน้ามีความโมโห

หลี่ฝางคิดในใจ ยังไงก็ถือว่าตัวเองมีกำลังสู้รบครึ่งหนึ่งน่า?

อย่างน้อยเฉินเสี้ยว ตู้เฟยคนอายุเท่ากันแบบนี้ ตัวเองก็สู้ได้อย่างง่ายดาย

“ลูกดูข้างๆ เถอะ” หลี่ต๋าคางพูดอย่างทำอะไรไม่ได้

“พ่อคนเดียวก็ได้” หลี่ต๋าคางมองพ่อเฉินเสี้ยว สายตาซับซ้อนเล็กน้อย

ใบหน้าพ่อเฉินเสี้ยวเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขามองหลี่ต๋าคาง พูด: “งั้นผมนับสามสองหนึ่ง พวกเราก็เริ่มเลย”

พ่อเฉินเสี้ยวเพิ่งพูดจบ หลี่ต๋าคางก็เตะเข้ามา แล้วขานี้ ก็เตะไปที่เป้ากางเกงของพ่อเฉินเสี้ยว

“ห่า!”

เฉินเสี้ยวนั่งตัวยองลงไปทันที ใบหน้ามีเหงื่อเย็นๆ ไหล

“แม่งเอ๊ย ผมยังไม่นับสามสองหนึ่งเลย!” พ่อของเฉินเสี้ยวยื่นมือไป ชี้นิ้วด่าหลี่ต๋าคาง

“พวกเราไม่ใช่คู่ประลองฝีมือกันสักหน่อย จะนับสามสองหนึ่งอะไรกันล่ะ!” หลี่ต๋าคางพูดอย่างหมดคำพูด: “พวกเราตีกันที่ถนน ตีที่ถนนไม่มีกฎอะไรทั้งนั้น คุณบอกคุณเป็นคนใหญ่โต ทำไมซื่อได้ขนาดนั้น?”

เวลานี้เฉินเสี้ยววิ่งเข้ามา เขาประคองพ่อตัวเองขึ้นมา: “พ่อ ไม่เป็นไรนะ”

“ผมไม่เป็นไร” ถึงแม้พ่อเฉินเสี้ยวจะยืนขึ้น แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“คุณคนนี้ ต่ำช้าจริงๆ เลย” พ่อของเฉินเสี้ยวมองหลี่ต๋าคางอย่างน่ากลัว พูดด้วยความโกรธ: “แอบโจมตีผม!”

“ต่ำช้าไม่ต่ำช้าอะไรล่ะ พวกเราไม่ได้บอกว่าแอบโจมตีไม่ได้นี่!” หลี่ต๋าคางขำอย่างไร้ยางอาย

หลี่ฝางคิดถึงคำที่พ่อตัวเองเคยพูด ปฏิบัติต่อศัตรูตัวเอง ยิ่งต่ำช้าก็ยิ่งดี

“โอเค ดูได้เลยว่าผมจะจัดการคุณอย่างไร” พ่อของเฉินเสี้ยวเจ็บจนสูดหายใจลึกๆ นานกว่าจะดีขึ้นมา

พ่อของเฉินเสี้ยวเหยียดร่างกายออก ขยับกล้ามเนื้อและกระดูก เขามองหลี่ต๋าคางแล้วพูด: “เมื่อกี๊มือคุณก็ไวดีนี่”

“พอได้น่า” หลี่ต๋าคางพูดเรียบๆ : “ตอนนี้เริ่มหรือยัง?”

หลี่ต๋าคางพูดจบ พ่อเฉินเสี้ยวก็ยกหมัดขึ้น เล็งไปที่หัวของหลี่ต๋าคาง หมัดก็ปล่อยออกไป

หลี่ต๋าคางเอาหัวเอนไปเบาๆ หลบออก

ตอนนั้นพ่อของเฉินเสี้ยวตะลึงไป ตัวเองฝึกต่อยเสาไม้ทุกวัน ความเร็วที่ตัวเองปล่อยหมัดไป คนธรรมดาหลบไม่ทันแน่

มากไปกว่านั้น ทั้งสองยังใกล้กันมากขนาดนั้น

“นักศิลปะการต่อสู้เหรอ”

พ่อของเฉินเสี้ยวมีสีหน้าเคร่งขรึม: “ดี แบบนี้สิถึงสนุก เมื่อกี๊ผมยังกังวล ถ้าฝ่ามือทำคุณล้ม คงจะน่าเบื่อมาก!”

“เสี่ยวฝาง ลูกไปข้างๆ สิ” หลี่ต๋าคางผลักหลี่ฝาง ดันเขาออก

เฉินเสี้ยวก็ถอยหลังไปข้างๆ พ่อของเฉินเสี้ยวกับหลี่ต๋าคางยืนประชันหน้ากัน เหมือนกับจะสู้รบกันขั้นเด็ดขาด

“ผมมาแล้ว!” พ่อของเฉินเสี้ยวกำหมัดแน่น ปล่อยหมัดมา ความเร็วยังเร็วว่าเมื่อครู่เยอะมาก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท