NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 122

ตอนที่ 122

บทที่122 เขาคือน้องชายของจางกงหมิง

ลู่หลุ่ยอธิบายอย่างอดทน: “ความหมายของฉันคือ ถ้าคุณทำสมองเขามีปัญหา ไม่ใช่ว่าต้องรับผิดชอบเหรอ?”

“นั่นมันสมองเลยนะ ง่ายมากที่จะทำให้คนตายได้” ลู่หลุ่ยพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว

“งั้นผมล่ะ เขาทำสมองผมมีปัญหาบ้างจะทำไง?” หลี่ฝางถามด้วยความโกรธ: “เราสองคนดีต่อกันหรือว่าคุณสองคนดีต่อกันเหรอ ทำไมคุณไม่ไปว่าเขาล่ะ”

“เพราะว่าเราสองคนนั้นดีต่อกัน ฉันถึงมาว่าคุณไง ต่อไปทำอะไรอย่าใจร้อนขนาดนั้นได้ไหม ถ้าเกิดปัญหาถึงชีวิต หรือทุบใส่จนเขาเอ๋อไปเลย คุณรวยแค่ไหน ก็ต้องเข้าคุก” ลู่หลุ่ยพูด

“งั้นเขาล่ะ เขาทำผมจะว่าไง?” สีหน้าหลี่ฝางไม่พอใจอย่างมาก

“ถ้าเขาทำคุณแย่ ก็ต้องทำตามกฎหมายเช่นกัน” ลู่หลุ่ยถอนหายใจ มองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง คุณใจร้อนไปแล้ว แบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคุณจะแพ้ภัยตัวเอง”

“แต่ผมทนเขาไม่ได้ตลอดหรอก?” หลี่ฝางก็เริ่มหมดคำพูด

“ทนแล้วยังไง คุณไม่เคยได้ยินว่าความอดทนมีค่าเหรอ?” ลู่หลุ่ยพูด

“ยังไงผมก็ทนไม่ไหว คนอื่นทำผม ผมก็ทำกลับ” หลี่ฝางพูดจบอย่างเซ็งๆ แล้วเดินออกไป

เวลานี้ หลี่ฝางเห็นเฉินเสี้ยวฟื้นแล้ว

“ไอ้โง่นั่นฟื้นแล้ว คุณก็ไปสั่งสอนเขาซะ” ชี้ไปที่เฉินเสี้ยว หลี่ฝางพูดกับลู่หลุ่ย

ตอนนั้นลู่หลุ่ยโกรธสุดๆ พูดไปตรงๆ : “ไม่สนพวกคุณแล้ว ฉันไปละ!”

ลู่หลุ่ยรีบเดินออกจากโรงพยาบาล ตอนไปก็ยังโกรธสุดๆ

“หลี่ฝาง ลู่หลุ่ยเป็นอะไรไป ทำไมฉันเห็นเธอเหมือนจะร้องไห้” เวลานี้หลี่เสี่ยวเสี่ยววิ่งจากหน้าประตูเข้ามาถาม

“ลู่หลุ่ยร้องไห้?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว เสียใจหน่อยๆ

“เหมือนจะใช่นะ ฉันก็ไม่เห็นชัด” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูด

“งั้นทำไมคุณไม่ตามเธอไป ถามว่าเธอเป็นอะไร?” หลี่ฝางมองหลี่เสี่ยวเสี่ยวด้วยความโกรธ

“เธอออกไปก็นั่งแท็กซี่เลย ฉันตามเธอไปไม่ทัน” หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองหลี่ฝางอย่างสับสน: “คุณว่าเธอเหรอ?”

ในใจหลี่ฝางก็อัดอั้น เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ผิดนี่ เรื่องอะไรลู่หลุ่ยต้องว่าตัวเองด้วย?

หลี่ฝางเอาเรื่องเมื่อกี๊เล่าให้หลี่เสี่ยวเสี่ยวฟัง ให้เธอตัดสิน

หลี่เสี่ยวเสี่ยวฟังจบ: “ยังไงถ้าเป็นฉัน ฉันคิดว่าคุณทำถูก ไอ้โง่นั่นขี้โม้!”

“แต่คำพูดของลู่หลุ่ย ก็เพื่อคุณ” หยุดไป หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็พูดเสริม

หลี่ฝางก็เข้าใจความคิดของลู่หลุ่ย ก็แค่ เมื่อกี๊เธอกำลังโกรธ ที่ได้ยินคำพูดพวกนั้น

อีกอย่างเรื่องก็เกิดแล้ว พูดไปมีประโยชน์อะไร?

“ไม่งั้นคุณก็ขอโทษเธอสิ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูด

“ผมไม่ผิดนี่ ทำไมต้องขอโทษเธอล่ะ” หลี่ฝางส่ายหน้า พูดอย่างหมดคำพูด

“ฉันถามคุณนะ คุณชอบลู่หลุ่ยใช่ไหม” หลี่เสี่ยวเสี่ยวถาม

หลี่ฝางมองหลี่เสี่ยวเสี่ยวแวบหนึ่ง พยักหน้า

“ที่จริงฉันกับถังหยู่ซวนมองออกนานแล้ว ในเมื่อคุณชอบลู่หลุ่ย งั้นก็บอกรักสิ ฉันเชื่อว่า แค่คุณสารภาพรัก ลู่หลุ่ยไม่ปฏิเสธแน่” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูด

หลี่ฝางก็รู้ว่าตัวเองสารภาพรักไป มีเปอร์เซ็นต์สูง

“รอก่อนดีกว่า ผมรู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” หลี่ฝางส่ายหน้า

“รอ?รอถึงเมื่อไหร่ล่ะ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว: “คุณเป็นผู้ชาย คงไม่ใช่ว่าไม่มีความกล้านี้หรอกนะ?”

“ความกล้าผมมี แต่ผมกังวล ผมรู้สึกได้ว่าลู่หลุ่ยรู้สึกดีกับผม แต่ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกดีนี้มาจากเธอชอบผม หรือซาบซึ้งใจ” หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง

“คุณสนใจตรงนี้ทำไมกัน แค่เธอตอบรับก็พอแล้วไหม” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างไม่สนใจ

“คุณไม่เข้าใจ สองอย่างนี้ต่างกันมาก”

หลี่ฝางเพิ่งพูดจบ หลิวเฉียวเฉียวกับเซี่ยลู่ก็วิ่งเข้ามา สีหน้าเธอทั้งสองตื่นตระหนก

“หลี่ฝาง คุณรีบหนีไปซะ พี่ชายของไอ้ผมหยิกนั่นพาคนมาแล้ว” หลิวเฉียวเฉียวพูดกับหลี่ฝาง

“พามากี่คน?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

“สี่ห้าคนมั้ง โรงพยาบาลนี้ไม่ใช่ว่ามีประตูหลังเหรอ?พวกเรารีบหนีจากตรงนั้นเถอะ” หลิวเฉียวเฉียวพูดอย่างหวาดกลัว

หลี่ฝางลังเลสักพัก พยักหน้าพูด: “โอเค”

หลี่ฝางอยากโทรหาพี่หมาจื่อ แต่คิดๆ ดูแล้ว ตัวเองเพิ่งทำให้พี่หมาจื่อถูกแทง บาดแผลนี้น่าจะยังไม่หายดี จะมีหน้าไปรบกวนอีกได้ไง

“ไป พวกเราไปRecalling the past” หลี่ฝางพูดจบก็ก้าวออกไป

“ผับ?” หลิวเฉียวเฉียวถามอย่างสงสัย: “เราจะไปผับทำไม”

“ไปเรียกคนที่ผับ!” หลี่ฝางหลุดปากพูด พูดจบก็ตระหนักได้ว่าพูดผิดไป

หลิวเฉียวเฉียวกับเซี่ยลู่มองตากัน มองหลี่ฝางด้วยใบหน้าตะลึง: “หลี่ฝาง ไปเรียกคนที่นั่น?”

“ไม่ต้องถามแล้ว พวกเรารีบหนีเถอะ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูด

เวลานี้ เฉินโหย่วก็พากลุ่มคนเสี่ยวซานจื่อเข้าไปโรงพยาบาล

เฉินเสี้ยวลงมาจากเตียง พูดกับเฉินโหย่ว: “พี่ พี่รีบตามไป พวกเขาหนีไปประตูหลังแล้ว!”

“แม่งเอ๊ย อยากหนีเหรอ?” เฉินโหย่วด่าไป พากลุ่มคนพวกเสี่ยวซานจื่อตามไป

หลี่ฝางออกไปจากโรงพยาบาล รีบโบกแท็กซี่ แล้วเข้าไป

“รีบขึ้นมา!” หลี่ฝางเปิดประตูรถ พูดกับหลี่เสี่ยวเสี่ยวและคนอื่นๆ

หลี่เสี่ยวเสี่ยวสวมรองเท้าพละ วิ่งไวมาก

แต่เซี่ยลู่น่าเวทนามาก เซี่ยลู่เพิ่งซื้อรองเท้าส้นสูงมาคู่หนึ่ง แล้วไม่ค่อยใส่กับเท้าได้ เพราะว่าวิ่งเร็วไป ไม่ทันระวังจึงล้มลง

พอเซี่ยลู่ยืนขึ้นมา เฉินโหย่วก็พาคนตามมาแล้ว

เฉินโหย่วจับผมเซี่ยลู่ คว้าเธอไว้: “แม่งเอ๊ย คิดจะหนี?”

“ไอ้หนู กลับมาเดี๋ยวนี้!” เฉินโหย่วเอาเซี่ยลู่มาขู่หลี่ฝาง

หลี่ฝางนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ เดิมทีไม่อยากสนใจเซี่ยลู่ แต่หันไปมอง นั่นไม่ใช่เสี่ยวซานจื่อเหรอ?

คนรู้จักนี่!

หลี่ฝางคิด ตัดสินใจลงจากรถ

หลี่เสี่ยวเสี่ยวดึงหลี่ฝางไว้: “หลี่ฝาง เราไปกันเถอะ จะสนเธอทำไม!”

หลี่ฝางพูดอย่างไม่แคร์: “ไม่เป็นไร คนกลุ่มนั้นคุณไม่รู้สึกคุ้นเหรอ?”

หลี่ฝางหัวเราะ ออกมาจากแท็กซี่

หลี่ฝางเดินเข้ามาทางเฉินโหย่ว เฉินโหย่วดันเซี่ยลู่ออก ทำเธอล้มที่พื้น

“น้องชาย จะวิ่งไปไหน?เมื่อกี๊ที่KTV ไม่ใชว่าเจ๋งมากเหรอ?” เฉินโหย่วพูดเสียงเย็นชา: “ทำไม ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว?”

เฉินโหย่วยกเท้าขึ้น เตะไปที่หลี่ฝาง

หลี่ฝางป้องกันไว้นานแล้ว คว้าขาเฉินโหย่วไว้ แล้วดึงกลับ

เฉินโหย่วกระโดดออกไปด้วยขาข้างเดียว ถูกหลี่ฝางลากไปข้างถนน

“ห่าเอ๊ย รีบปล่อยผม!” เฉินโหย่วด่าออกไป

“ชนให้ตายเลยไอ้หมานี่!” หลี่ฝางสะบัดมือ เอาเฉินโหย่วทิ้งที่ข้างถนน

ที่จริงรถทางนี้เยอะมาก ถ้าหลี่ฝางไปข้างหน้าอีก ก็จะเอาเฉินโหย่วทิ้งกลางถนน แบบนั้น จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก

หลี่ฝางไม่กล้า ถ้าเฉินโหย่วถูกชนจนตาย ตัวเองไม่กลายเป็นฆ่าโดยเจตนาเหรอ?

นั่นมันความผิดใหญ่โตมาก

เฉินโหย่วก็ตกใจ นั่งลงทันที

เขาทักทายพี่ซาน ชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วพูด: “พี่ซาน นี่คือเด็กคนนั้นที่ก่อเรื่องในที่ของผม พี่จัดการแทนผมด้วย ต่อไปผมจะจ่ายค่าคุ้มครองรายเดือนให้!”

เสี่ยวซานจื่อจุดบุหรี่ให้ตัวเอง เขามองหลี่ฝางแวบหนึ่ง มองเฉินโหย่วอีกครั้ง

“ขอโทษนะ เฉินโหย่ว เรื่องนี้ผมช่วยคุณไม่ได้ คุณไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ” เสี่ยวซานจื่อส่ายหน้า หมุนตัวออกไป

เฉินโหย่ววิ่งเข้ามา ตามเสี่ยวซานจื่อไป

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่ซาน แม้แต่เด็กเปรตนั่นก็สู้ไม่ได้?” เฉินโหย่วมองเสี่ยวซานจื่ออย่างสงสัย

“คุณรู้ไหมเด็กคนนั้นเป็นใครมาจากไหน?” เสี่ยวซานจื่อหัวเราะ ถามติดตลก

“เป็นใครมาจากไหน?” เฉินโหย่วถามต่อ

“เขาคือน้องชายพี่หมาจื่อ” เสี่ยวซานจื่อพ่นควันออกมา พูด: “ถึงพี่หมาจื่อเป็นนักเลงของเขตเมืองตะวันตก แต่ผมไม่อยากผิดใจกับเขา”

ไม่ใช่เสี่ยวซานจื่อไม่อยากผิดใจ แต่นิดเดียวก็ผิดใจไม่ได้

“พี่หมาจื่อ?คุณหมายถึงพี่หมาจื่อลูกน้องลูกพี่หลิน?” สีหน้าของเฉินโหย่วซีดขาว

“เหลวไหล นอกจากเขา แล้วจะมีใครอีก?” เสี่ยวซานจื่อตบไหล่เฉินโหย่ว พูด: “เห็นแก่ที่พวกเราสองคนรู้จักกันมานาน บอกคุณให้เรื่องหนึ่งนะ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา”

“เมื่อกี๊ผมถามมา เหมือนว่าเขาจะสนิทกับจางกงหมิงมาก” เสี่ยวซานจื่อพูด

คำนี้พูดออกไป สีหน้าของเฉินโหย่วก็หมดหวัง

จางกงหมิงคือใคร?นั่นเป็นถึงลูกพี่ใหญ่แห่งเขตเมืองตะวันออก!

ก่อนหน้านี้จางกงหมิงพาคนไปฆ่าต้าเฉียงกับหลี่หลง เรื่องนี้แพร่ออกไป อำนาจชื่อเสียงของจางกงหมิงก็นำลูกพี่หลิน กลายเป็นคนโหดอันดับหนึ่งในตงไห่

“ถ้าวันหนึ่งจางกงหมิงกลับมา คุณก็ระวังตัวหน่อย” เสี่ยวซานจื่อพูดจบ ก็ออกไปเลย

เฉินโหย่วตะลึงอยู่ตรงนั้น เขาพึมพำในปากพูด: “สกินเฮด แม่งเอ๊ย กล้าเล่นกับผมเหรอ!”

ถ้าสกินเฮดพูดความจริง เฉินโหย่วจะต้องไม่ยุ่งกับเรื่องของน้องชายตัวเองแล้ว

เวลานี้ สายของลุงสองก็โทรเข้ามา

“เสี่ยวโหย่ว ผมถึงแล้ว คุณอยู่ไหน?” พ่อของเฉินเสี้ยวโทรไป ก็เข้าไปในโรงพยาบาลประชาชนอันดับหนึ่งไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท