NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 134

ตอนที่ 134

บทที่134 โหจื่อเปิดปากครั้งใหญ่

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ไม่เพียงแค่ความผิดหวังเท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยความหนาวเหน็บเข้ากระดูก หลี่ฝางถึงกับตัวสั่นขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ปืนสีดำขลับกำลังเล็งไปที่หัวของหลี่ฝาง จนทำเอาเขากลัวแทบสมองฝ่อ

“ลงมาจากรถ!” ชายสวมหน้ากากเอ่ยปากอีกครั้ง

หลี่ฝางค่อยๆ เปิดประตูรถและลงมาอย่างระมัดระวัง

ชายสวมหน้ากากกระชากกุญแจออกมา จากนั้นจึงชี้ไปที่รถตู้ “ขึ้นไป!”

“ยังมีเธอ!” ชายสวมหน้ากากเล็งปืนไปที่เซี่ยลู่ เซี่ยลู่ตกใจจนแทบสิ้นสติต่างจากหลี่ฝางไปไกล ตอนนี้แม้กระทั่งแรงเดินเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ

หลังจากที่หลี่ฝางและเซี่ยลู่เข้าไปในรถ ทั้งสองก็ถูกคนมัดเอาไว้

เห็นชัดว่านี่ถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว

หลังจากรถเคลื่อนตัว หลี่ฝางก็ยิ่งคิด อีกฝ่ายทำไมถึงได้จับตัวเขามา? หรือเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว?

เป็นไปไม่ได้ ตัวตนของเขา นอกจากถังหยู่ซวนแล้ว ก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้

“พวกนายจับพวกเรามาทำไม?” หลี่ฝางรวบรวมความกล้าและเอ่ยถามออกไป

“แน่นอนว่าเพื่อเรียกค่าไถ่” ชายสวมหน้ากากแค่นเสียงหัวเราะ “เด็กหนุ่มขับรถเบนซ์G-Classอย่างนาย แน่นอนว่าต้องมีเงินแน่”

เมื่อได้ยินคำว่าเรียกค่าไถ่ หลี่ฝางก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา

เรียกค่าไถ่โดยทั่วไปแล้ว ไม่ถึงกับต้องเอาชีวิต

เมื่อครู่หลี่ฝางยังคิดอยู่ในใจ ว่าเป็นคนของไอ้บัดซบตู้เฟยนั่นรึเปล่า?

ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่น่าจะใช่

เมื่อรถตู้ขับมาถึงที่รกร้างว่างเปล่า รถก็หยุดลง

“ลงรถ!”

เซี่ยลู่และหลี่ฝางถูกผลักออกจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าป่าไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเห็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ปรากฏขึ้น

หลี่ฝางเห็นแล้วก็รู้สึกว่านี่ดูเหมือนเป็นการลักพาตัวที่ถูกเตรียมการมาไว้ล่วงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ พวกเขารู้ได้ยังไงว่าตนเองมีเงิน?

เป็นเพราะ เบนซ์G-Classคันนั้น?

ไม่น่าจะใช่ รถหรูแบบนี้มีคนขับตั้งมากมาย ทำไมถึงได้มาจับจ้องที่ตัวเขา

หลังจากเข้าไปในกระท่อม ชายท่าทางกักขฬะคนหนึ่งมองไปที่เซี่ยลู่ แววตากรุ้มกริ่ม “พี่ใหญ่ นังคนนี้ไม่เลวเลย ยังไงนี่ก็ยังเช้าอยู่ ถอดเสื้อผ้าของนังหญิงนี่ แล้วให้พวกพี่ได้เสพสุขสักหน่อยดีไหม?”

พี่ใหญ่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ชายกักขฬะนั่นก็เข้ามา

“อย่า…..อย่า….อย่าเข้ามา” เซี่ยลู่กระเถิบถอยหลังไป จนกระทั่งชนขอบกำแพง

ยิ่งเซี่ยลู่มีท่าทีหวาดกลัวมากเท่าไหร่ คนกักขฬะก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น

มือของชายกักขฬะถูกันไปมา จากนั้นจึงเดินไม่กี่ก้าวไปหยุดตรงหน้าเซี่ยลู่

“อายุเท่าไหร่แล้ว น้องสาว?” ชายกักขฬะถามด้วยสีหน้าลามก

ตอนนี้เซี่ยลู่กลัวจนแทบจะเป็นบื้อไปแล้ว ไหนเลยจะมาตอบคำถามเขา

“อายุยี่สิบแล้วหรือยัง?” ชายกักขฬะเดาเอาเอง

ชายกักขฬะพูดไป ก็วางมือลงบนคอของเซี่ยลู่ “ผิวเรียบเนียนจริงๆ ทั้งลื่นทั้งนุ่ม ดีมาก”

“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!” ชายกักขฬะเอ่ยด้วยสีหน้าทนไม่ไหว

เมื่อเซี่ยลู่เดินไปก็คิดจะถอดเสื้อผ้าเธอออกทันที

ไม่รู้เหมือนกันว่าเซี่ยลู่รวบรวมความกล้ามาจากไหน เธอกำหมัดแน่น จากนั้นจึงฟาดไปที่จมูกของชายกักขฬะเข้าอย่างสุดแรง

เลือดกำเดาไหลลงมาจากจมูกของชายกักขฬะอย่างไม่หยุด

“แม่งเอ้ย ไอ้ตัวแสบ อยากตายหรือไง!” เลือดไหลลงมาที่ริมฝีปากของชายกักขฬะ มันเลียริมฝีปากขึ้น

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น เป็นชายกักขฬะที่ตบเข้าที่ใบหน้าของเซี่ยลู่!

แค่ฝ่ามือเดียวของชายกักขฬะก็ทำให้เซี่ยลู่ถึงกับล้มลงกับพื้น บังเอิญกับที่มุมห้องมีเตียงอยู่เตียงหนึ่งพอดี บนนั้นสกปรกอย่างยิ่ง มีเพียงผ้าห่มผ้าฝ้ายที่ขาดอยู่ผืนหนึ่งวางอยู่

ชายกักขฬะจับผมของเซี่ยลู่แล้วลากตรงไปที่เตียง

“แม่งเอ้ย กูจะจัดการมึงให้ตายไปเลย!” มันพูดใส่เซี่ยลู่ด้วยท่าทางโหดเหี้ยม

พูดไป ชายกักขฬะก็กำลังจะเริ่มลงมือทันที

“เดี๋ยวก่อน!”

ในเวลานี้ หลี่ฝางทนมองไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เซี่ยลู่ก็ถือว่าเล่นกับตัวเองมาตั้งแต่เด็ก การต้องมาเห็นเธอถูกข่มขืนแบบนี้ หลี่ฝางทนมองไม่ได้อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ลักพามาเห็นชัดว่ามีจุดประสงค์อยู่ที่ตัวเขา

พูดไปแล้ว เซี่ยลู่เองก็ถือว่าต้องมาพลอยซวยไปเพราะตน!

ชายกักขฬะหันหน้ามา และมองไปที่หลี่ฝางอย่างเย็นชา “ถ้าแกไม่อยากดู ก็ไสหัวออกไปซะ”

เซี่ยลู่ร้องไห้ไปพร้อมกับขอความช่วยเหลือจากหลี่ฝาง “หลี่ฝาง ช่วยฉันด้วย!”

จะเห็นได้ว่า เซี่ยลู่รู้สึกกลัวจริงๆ ทั้งร่างของเธอกำลังสั่นสะท้าน

หลี่ฝางเอ่ย “พวกนายลักพาตัวพวกเรา ก็เพราะต้องการเรียกค่าไถ่”

“ถ้าพวกแกต้องการเงิน ฉันให้เงินกับพวกแกก็จบแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างแน่วแน่ “แต่ฉันมีเงื่อนไขคืออย่าทำร้ายพวกเรา”

“ทำร้าย? พ่อหนุ่มน้อย นายใช้คำนี้ไม่ค่อยจะถูก นี่ถือเป็นการทำร้ายได้ยังไง?”

“นี่สมควรจะเรียกว่าการเอาเอาใจต่างหาก เข้าใจไหม? น้องชาย!” ชายกักขฬะเอ่ยเยาะเย้ย

หลังจากชายกักขฬะพูดจบ มันก็เริ่มถอดกางเกงออก

“ถ้าพวกแกกล้าทำร้ายเธอ ฉันจะไม่ให้เงินพวกนาย” หลี่ฝางเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา

ในเวลานั้นเอง ชายสวมหน้ากากก็หยิบปืนออกมาชี้ไปที่หลี่ฝางอีกครั้งและพูดขึ้น “แกพูดอีกครั้ง?”

หลี่ฝางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และพูด “ฉันบอกว่า ถ้าพวกแกกล้าทำร้ายผู้หญิงคนนี้ ฉันจะไม่ให้เงินพวกแกเลย”

หลี่ฝางสรุปแล้วว่าชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่กล้ายิงแน่ ในเมื่อท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายจงใจลักพาตัวเขามา ยังไม่ทันได้เงิน จะมาฆ่าเขาไปก่อนได้ยังไง

“ที่นี่คือถิ่นทุรกันดาร ปกติไม่มีใครหน้าไหนมา แกไม่ให้เงินฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมดหรือไง?” ชายสวมหน้ากากถาม

“กลัว แต่ฉันแน่ใจว่าแกจะไม่ทำอย่างนั้น พวกแกลักพาตัวพวกเรามาก็เพื่อเงิน ถ้าแกต้องการเงิน ฉันให้เงินพวกแกก็จบแล้ว ฆ่าพวกเรา ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกแกนี่ แกบอกว่าฉันดูเหมือนลูกคนมีเงิน ถ้าแกฆ่าฉัน แกคิดว่าตำรวจจะปล่อยแกไปหรือไง?”

“คนมีเงินอย่างพวกเรา ให้ความสำคัญกับประนีประนอมการสร้างรายได้ ในเมื่อถูกพวกแกมัดเอาไว้แล้ว พวกเราก็ได้แต่ยอมรับ พวกเราให้เงิน พวกแกปล่อยคน ถือซะว่าใช้เงินหลีกเลี่ยงหายนะ พวกเราไม่เรียกตำรวจ พวกแกก็ไม่ถูกตามล่า แต่ถ้าฆ่าคนไปแล้ว ผลที่ได้ย่อมต่างกันแล้ว”

“ตอนนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาไปขนาดนี้ ภาพถ่ายของพวกแกคงถูกอัปโหลดไปบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าพวกแกจะหลบหนีไปที่ไหน ก็ล้วนอาจถูกจับกุมได้อยู่ดี”

“นั่นคือเหตุผลที่พวกเราสวมหน้ากาก”

“สวมหน้ากากมีประโยชน์อะไรกัน ก็เหมือนพี่ชายคนนี้ ถ้าเขาคิดจะข่มขืนเพื่อนของฉันจริง อย่างนั้นบนตัวของเพื่อนฉันจะต้องมีทิ้งรอยนิ้วมือ ดีเอ็นเอ หลักฐานพวกนี้ไว้ที่เพื่อนฉัน”

“ดังนั้น ฉันขอแนะนำนายพี่ชายทั้งหลาย อดทนสักหน่อย ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว? ต้องเร่งรีบขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“พอพวกแกได้รับเงินไปแล้ว อยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็มีทั้งนั้น อีกทั้งยังไม่ต้องมานั่งระแวง เพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น”

หลี่ฝางเอ่ยกับชายสวมหน้ากาก “ฉันพูดถูกรึเปล่า พี่ใหญ่?”

“นายพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง” ชายสวมหน้ากากหยิบปืนกลับมา ในที่สุดหลี่ฝางก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา

ความรู้สึกของการถูกจ่อด้วยปืนนั้น ออกจะน่ากลัวอย่างยิ่ง

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็หมอบลงกับพื้น เขารู้สึกร่างกายอ่อนปวกเปียก ดูท่าเขาคงตกใจจนขวัญหนีแล้วจริงๆ

“ลูกพี่ กางเกงผมก็ถอดออกไปแล้ว” ชายกักขฬะไม่ยอมอยู่บ้าง

“อย่างนั้นก็ใส่เข้าไปใหม่” ชายสวมหน้ากากกล่าวอย่างเย็นชา

ชายกักขฬะพูดด้วยความโมโห “พี่ใหญ่ นี่เป็นนักเรียนเลยนะ ฉันทั้งชีวิตยังไม่เคยได้ชิมน้องนักเรียนเลย”

“แกคิดจะฆ่าพวกเราหรือไง ถ้าเกิดมีหลักฐานอะไรทิ้งไว้ แล้วถูกตำรวจพบเข้า จะทำยังไง?” ชายสวมหน้ากากก้าวเข้าไปหาชายกักขฬะ

เสียงดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามือของชายสวมหน้ากากที่ตบลงบนใบหน้าของชายกักขฬะ

“บอกฉันหน่อยสิ ว่าเมื่อไหร่แกจะได้เรื่องบ้าง!”

“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว พอมีเงินแล้ว พวกเรายังจะขาดผู้หญิงอีกหรือไง? พอเงินมาถึง ฉันจะหาผู้หญิงสิบคนให้นาย!” ชายสวมหน้ากากกล่าว “รับประกันว่าแต่ละคนล้วนเป็นนักเรียนหญิง แค่นี้ก็ได้แล้วหรือยัง”

“ลูกพี่ พี่พูดแล้วนะ!”

ชายกักขฬะสวมกางเกงขึ้นทันทีและพูดด้วยสีหน้ายินดี “งั้นผมจะปล่อยยัยนี่ไป”

หลี่ฝางรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงของชายสวมหน้ากากอยู่บ้าง แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินเสียงนั้นจากที่ไหน

“ใช่ เด็กน้อย นายให้พวกเราได้เท่าไหร่?” ชายกักขฬะเดินเข้ามาหาหลี่ฝาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์

คำพูดเพียงไม่กี่คำเมื่อกี้ของหลี่ฝางทำเรื่องดีๆ ของเขาพังหมด ในใจของชายกักขฬะจึงเต็มไปด้วยความแค้นกับหลี่ฝาง

ไม่งั้น ตอนนี้เขาคงมีความสุขไปแล้ว

“หนึ่งล้าน?” หลี่ฝางเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการมากแค่ไหน เขายื่นนิ้วออกมาและถามอย่างไม่แน่ใจ

“ให้ตายเถอะ คิดว่าพวกเรามาขอข้าวกินหรือไง รถของนายก็ราคามากกว่าสองล้านหยวนแล้ว ให้พวกเราแค่ล้านเดียว?” ชายกักขฬะจับผมของหลี่ฝางและกดเขาลงกับพื้น

“พวกนายอยากได้เท่าไหร่?” หลี่ฝางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายกักขฬะอย่างเย็นชา

“ห้าล้าน ห้ามน้อยไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท