NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 148

ตอนที่ 148

บทที่ 148 ทวงความยุติธรรมให้หลี่ฝาง

สายตาที่ลุงเฉียนมองบอดี้การ์ด ช่างน่ากลัวมาก

บอดี้การ์ดถูกสายตาของลุงเฉียนทำให้กลัว เขารีบปล่อยมือออกจากคอของหลี่ฝาง วางหมัดลง

ในสายตาของบอดี้การ์ด ลุงเฉียนเป็นคนใจดีมากมาโดยตลอด เขาไม่เคยแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดแบบนี้

แต่วันนี้ทำไมเป็นแบบนี้?

ก็เพราะเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนจนนอกคอกคนหนึ่งเหรอ?

ลุงเฉียนที่สุขุมหนักแน่น ทำไมจึงร้อนรนขนาดนี้

บอดี้การ์ดมองแจกันลายครามที่แตกอยู่บนพื้น รีบร้อนพูดขึ้นมา: “ลุงเฉียน แจกันลายครามนี้ไม่ใช่ผมทำแตกครับ”

“เขาครับ เขาเป็นคนโยนครับ”

บอดี้การ์ดชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “ลุงเฉียน หากลุงไม่เชื่อ พวกคุณชายหยูเป็นพยานให้ผมได้นะครับ”

เวลานี้พวกหยูเถิงไม่มีใครพูดเลย

ลูกมหาเศรษฐีอย่างหยูเถิง ความสามารถของเขา อาจจะเป็นการสังเกตสีหน้าคน

คนโง่ยังสามารถดูออก ลุงเฉียนไม่ได้มองไปที่พื้นเลย สายตาของเขา ห่วงใยหลี่ฝางตลอดเวลา

ลุงเฉียนไม่ได้สนใจแจกันลายคราม สิ่งที่เขาสนใจคือหลี่ฝาง

“เสี่ยวฝาง นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ลุงเฉียนมองหลี่ฝาง ถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าว: “ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี” ลุงเฉียนจึงได้โล่งอก

หากหลี่ฝางเป็นอะไรขึ้นมา ความรับผิดชอบของตัวเองต้องมากเป็นเท่าตัว

จากนั้น สีหน้าลุงเฉียนก็เปลี่ยนทันที หันหน้ามองไปที่บอดี้การ์ด

แม่ว่าลุงเฉียนดูแล้วจะเป็นคนมีอายุแล้ว แต่จู่ๆ ที่เขาโกรธ ร่างกายก็ได้แผ่รังสีความโหดร้ายออกมา

เสียงดังเพี้ย

ลุงเฉียนได้ใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าของบอดี้การ์ด แล้วสั่งสอนด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ: “ไอ้สารเลว แกอยากตายใช่มั้ย?”

“ลุงเฉียน แจกันลายครามพวกนี้ไม่ใช่ฝีมือของผมจริงๆ เจ้าหนุ่มคนนี้มันอาละวาด แล้วเป็นคนโยน” บอดี้การ์ดพูดอย่างน้อยใจ

ถึงตอนนี้แล้วเขายังคิดว่า ที่ลุงเฉียนตบเขา เพราะเรื่องแจกันลายคราม

“นายรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร?” ลุงเฉียนชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วถาม

บอดี้การ์ดเพิ่งจะเข้าใจ แล้วรีบถาม: “ลุงเฉียน เขาคือ?”

หลี่ฝางสะดุ้ง นึกว่าลุงเฉียนจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเขาเสียแล้ว

ปรากฏลุงเฉียนบอกว่า: “เขาคือเพื่อนของนายน้อยของพวกเรา!”

“แกมันไอ้สารเลว กินดีหมีดีเสือเข้าไปหรือไง ถึงกล้าไล่เพื่อนของนายน้อย?” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา

“นายน้อย?”

“หรือว่าจะเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่?”

“คิดไม่ถึงเลย เจ้าหนุ่มที่สารรูปดูไม่ได้คนนี้ กลับมีหัวนอนปลายเท้า”

หลายคนแอบตกใจ ภาวนาอยู่เงียบๆ ในใจ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ล่วงเกินหลี่ฝาง ไม่อย่างนั้น ก็เท่ากับว่าได้ล่วงเกินคนชายตัวจริงไปด้วย

“เสี่ยวฝาง นายบอกลุงมาสิ ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง?” ลุงเฉียนกล่าว

หลี่ฝางได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ให้ลุงเฉียนฟังโดยละเอียด

หลังจากที่ลุงเฉียนฟังจบ ก็ถีบบอดี้การ์ดล้มลงบนพื้นโดยตรง: “ฉันจ้างแกมาปกป้องดูแลคน ไม่ได้ให้แกมาทำร้ายคน”

“ในเมื่อนายรู้สึกว่าตัวเองเก่งขนาดนั้น มา มาสู้กับฉัน!”

ลุงเฉียนพูดอย่างเสียงดัง การถีบของเขา ทำให้บอดี้การ์ดกระเด็นไปไกลหลายเมตร

พวกหยูเถิง ล้วนตกใจกันหมด

ตาแก่คนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ!

บอดี้การ์ดตกใจมาก รีบกล่าวขึ้น: “ลุงเฉียน ผมผิดไปแล้ว”

เล่นตลกอะไรกัน ตอนที่คัดเลือกบอดี้การ์ดนั้น เขาได้เคยปะทะฝีมือกับลุงเฉียนมาแล้ว

คุณสมบัติของบอดี้การ์ดที่ได้อยู่ต่อ ต้องสามารถต่อสู้กับลุงเฉียนเกินสิบกระบวนท่า ตอนนั้นทหารที่ปลดประจำการมาสมัครตั้งหลายร้อยคน แต่คนที่ผ่านกันคัดเลือกมีเพียงยี่สิบคน

คนที่ถูกเลือกมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์

บอดี้การ์ดรู้สึกว่า ถือว่าลุงเฉียนยังออมมือให้แล้ว ยังไม่ได้ลงมือจริงๆ

หากลงมือจริงๆ อย่าว่าแต่สิบกระบวนท่าเลย ตัวเองนั้นคงไม่สามารถสู้กับลุงเฉียนเกินสิบวินาที

แบบนี้ถึงจะเป็นยอดฝีมือจริงๆ

“ใครอนุญาตให้บอดี้การ์ดทำร้ายคน?” ใบหน้าของลุงเฉียนดุร้ายมา ถามไปหนึ่งประโยค

สีหน้าของตู้เฟยกับหยูเถิง เปลี่ยนไปจนดูไม่ได้เลย

หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ มองไปที่ตู้เฟยกับหยูเถิง: “ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับเหรอ? แบบนี้คือเตรียมตัวจะเป็นเต่าหัวหดแล้วใช่มั้ย?”

หยูเถิงลังเลไปสักพัก จากนั้นก็ก้าวออกมา เขาคิดในใจ ถึงอย่างไรด้านหลังของตัวเองก็เป็นตระกูลหยูทั้งตระกูล

รีสอร์ตแห่งนี้คงไม่เพราะคนนอกคนหนึ่ง แล้วจะมาทำให้ตระกูลหยูทั้งตระกูลต้องลำบาก

หยูเถิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดกับลุงเฉียน: “ลุงเฉียน ผมเอง”

“ลุงเฉียน ลุงน่าจะจำผมได้ใช่มั้ย? ผมคือหยูเถิง คนของตระกูลหยู ชุดฟร์อมที่รีสอร์ตสั่งทำเป็นหมื่นชุดนั้น ตระกูลหยูเป็นผู้ผลิตเอง” หยูเถิงเริ่มพูดอย่างสนิทสนม

ลุงเฉียนมองสำรวจหยูเถิง แล้วพยักหน้า: “ลุงจำนายได้”

“ความจำลุงเฉียนดีมากเลย” หยูเถิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ: “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ คนหนุ่มที่ชื่อหลี่ฝางคนนี้ ไม่มีการ์ดเชิญ ดังนั้นผมสงสัยว่าเขาจะแอบเข้ามา ก็เลยให้บอดี้การ์ดไล่เขาออกไป”

“ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมีท่าทางที่แข็งกร้าวมาก ไม่ยอมออกไป ดังนั้นผมจึงให้บอดี้การ์ดลงมือ”

“แอบเข้ามา?” คิ้วของลุงเฉียนขมวดเข้าหากัน: “หยูเถิง นายกำลังสงสัยความสามารถของบอดี้การ์ดในรีสอร์ตของเราเหรอ?”

“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“แล้วนายหมายความว่ายังไง? สีหน้าของลุงเฉียนเย็นชา ยังมีอีก ต่อให้มีคนแอบเข้ามา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย นายคือใคร ถึงกล้าสั่งบอดี้การ์ดของรีสอร์ต ยังให้บอดี้การ์ดทำร้ายคนอีกด้วย!”

“เจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้แซ่หลี่ ไม่ใช่แซ่หยู!” ลุงเฉียนจ้องมองหยูเถิงอย่างเยือกเย็น

ร่างกายของหยูเถิงแข็งทื่อทันที เขานึกว่าเพียงเพราะตัวเองเป็นคนตระกูลหยูในเมืองเอก ลุงเฉียนคนนี้ก็จะไว้หน้าเขาบ้าง คงไม่ทำให้เขาลำบากใจมาก

แต่ใครจะไปรู้ ลุงเฉียนกลับสั่งสอนเข้าอย่างไม่ไว้หน้าเลย

“ในเมื่อนายเป็นคนสั่งให้บอดี้การ์ดทำร้ายคน สิ่งที่เกิดความเสียหายจากการที่บอดี้การ์ดทำร้ายคน” นายต้องเป็นคนรับผิดชอบ ลุงเฉียนกล่าวด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว

“แจกันลายครามแตกไปทั้งหมดหกอัน อันละสองล้านหยวน ทั้งหมดก็เป็นสิบสองล้านหยวน”

“พรุ่งนี้ตอนเช้า ลุงจะให้คนส่งบิลไปเก็บที่บ้านนาย”

“แน่นอน ถ้าบ้านนายปฏิเสธที่จะชดใช้ ก็ไปต่อสู้กันในชั้นศาล” ลุงเฉียนกล่าวอย่างไร้ความปรานี

เพียงคำพูดเดียวของลุงเฉียน สีหน้าของหยูเถิงก็ซีดไปทันที

อะไรนะ?

สิบสองล้าน?

ไม่ให้ก็เจอกันในศาล?

หยูเถิงรู้สึกมึนมาก ใครจะกล้าฟ้องร้องกับรีสอร์ตแห่งนี้ ฟ้องร้องกับรีสอร์ต ไม่เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับคุณท่านหลี่หรอกเหรอ?

หลี่เจียเฉินเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของดูไบ มีทรัพย์สินหลายแสนล้าน!

เป็นศัตรูกับมหาเศรษฐีแสนล้าน ไม่เท่ากับหาที่ตายเหรอ?

ดังนั้นบัญชีก้อนนี้ ไม่ว่ายังไงตระกูลหยูก็ต้องรับ

“แน่นอน ก่อนที่จะชดใช้ นายสามารถหักเงินค่าชุดเอาไว้ ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา: “ตระกูลหลี่ ก็ไม่ติดหนี้บุญคุณตระกูลหยูแม้แต่นิดเดียว”

คำพูดของลุงเฉียนประโยคนี้ กำลังได้บอกกับทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย รีสอร์ตกับตระกูลหยูนั้นไม่เกี่ยวข้องกันอีก

เดิมที ตระกลูหยูอาศัยโอกาสนี้มอบชุดพนักงาน เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีเล็กน้อย แต่เป็นเพราะหยูเถิง ไมตรีน้อยนิดนี้ก็ไม่มีแล้ว

ทำให้ตระกูลหยูเสียเงินสิบสองล้านยังไม่พอ แถมทำเสียสัมพันธไมตรีกันอีกด้วย

เวลานี้ หยูเถิงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นไร้เรี่ยวแรงไปหมด ตัวเองกลับถึงบ้าน จะโดนตีจนตายหรือเปล่า!

ตู้เฟยนั้นยิ่งแล้วใหญ่กลัวจนหดหัวอยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว

“ใช่แล้ว ผมก็ประกาศหน่อย ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ต หรือสวนสนุกที่เรายังไม่เปิดเป็นทางการ ห้ามคนของตระกูลหยูเข้ามาเด็ดขาด”

ลุงเฉียนกล่าวอย่างเรียบเฉย

เมื่อคำพูดนี้ประกาศออกมา หยูเถิงถึงกับทรุดลงกับพื้น

ลุงเฉียนตั้งใจบอกให้ทุกคนได้ทราบ รีสอร์ตกับตระกูลหยู เป็นตายก็ไม่เกี่ยวข้องกัน แบ่งแยกความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแล้ว

เป็นศัตรูกันแล้วเหรอ!

“ดังนั้น หยูเถิง ขอให้นายออกไปจากรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย”

ลุงเฉียนหัวเราะอย่างเย็นเฉียบแล้วกล่าว: “หากนายไม่ยอมออกไป ฉันจะให้บอดี้การ์ด โยนนายออกไป”

ตู้เฟยพยุงหยูเถิงขึ้นมา: “พี่ครับ เราไปกันเถอะ”

หยูเถิงเหลือบมองหลี่ฝาง เขาไม่เข้าใจ หลี่ฝางเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง ทำไมถึงทำให้ลุงเฉียนถึงโมโหขนาดนี้?

ขณะที่หยูเถิงกับตู้เฟยจะจากไปนั้น หลี่ฝางก็ได้ตะโกนขึ้น: “รอก่อน!”

ตู้เฟยหันหน้ากลับไป มองไปที่หลี่ฝาง: “นายจะทำอะไรอีก?”

“ฉันจะหาเพื่อนให้พวกนาย”

หลี่ฝางยิ้มๆ ยื่นมือชี้ไปที่จ้าวเสี่ยวตาว: “นายก็ออกไปจากรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย”

นายชื่ออะไร? ลุงเฉียนถามจ้าวเสี่ยวตาว

“ผมชื่อจ้าวเสี่ยวตาว ปู่ผมชื่อจ้าวเจิ้งเฟิง” จ้าวเสี่ยวตาวรีบยกปู่ของตัวเองออกมาอ้าง

ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย จดไว้หน่อย นอกจากตระกูลหยูแล้ว ตระกูลของจ้าวเจิ้งเฟิง ก็เป็นบัญชีดำของรีสอร์ตแห่งนี้

“อะไรนะ!” จ้าวเสี่ยวตาวเอ๋อไปทันที

“ตอนนี้ เชิญนายออกไปจากที่นี่ รีสอร์ตของเรา ไม่ต้อนรับคนตระกูลจ้าว” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท