บทที่ 149 คนที่สำคัญกว่ามู่เสี่ยวไป๋
เมื่อกี้ที่หลี่ฝางชี้ไปทางจ้าวเสี่ยวตาว เพื่อให้เขาออกไปจากรีสอร์ตนั้น จ้าวเสี่ยวตาวเกือบจะด่าหลี่ฝางแล้ว เขาคิดในใจ นายบอกให้ฉันออกไปฉันก็ออกไป นายเป็นใครกัน?
แต่ใครจะไปรู้ เมื่อหลี่ฝางพูดจบ คนที่ดูแลรีสอร์ตอย่างลุงเฉียน ก็ดึงจ้าวเสี่ยวตาวและคนทั้งตระกูล เป็นบัญชีดำของรีสอร์ตแห่งนี้
วันนี้ หลี่ต๋าคางไม่ได้ออกหน้า รีสอร์ต ร้านRecalling the past สวนสนุก ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลุงเฉียน
หากพูดตามหลักการแล้ว ลุงเฉียนก็เป็นตัวแทนของหลี่ต๋าคาง
ตามด้วย หลี่ฝางก็ได้ชี้ไปอีกหลายคน แล้วกล่าว: “พวกนายก็ออกไปด้วย”
พวกเราผิดอะไรเหรอ? คุณชายคนรู้สึกเหมือนถูกใส่ร้าย รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าสองสามก้าว
“ปากของพวกนายกินขี้เข้าไปแล้ว รีบกลับบ้านไปแปรงฟันเถอะ” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบเฉย
คนเหล่านี้ต่างเป็นคนที่พูดจากเยาะเย้ยลู่หลุ่ย และตอนนั้น หลี่ฝางก็ได้จำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้หมดแล้ว
“นายทำไมพูดแบบนี้ นายแหละที่กินขี้เข้าไป” มีคุณชายคนหนึ่งเดินเข้ามาสองสามก้าว ชี้หน้าด่าหลี่ฝาง
เสียงเพี้ยได้ดังขึ้น ลุงเฉียนได้ตบหน้าของคุณชายคนนี้ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา: “ไสหัวออกไป!”
“รีสอร์ตเป็นสถานที่ที่ให้นายมาวางก้ามเหรอ นายชื่ออะไร?”
เมื่อลุงเฉียนลงมือ คุณชายคนนี้อึ้งไปทันที
ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่? เป็นเพื่อนของคุณชายใหญ่จริงๆ เหรอ?
ทำไมถึงรู้สึกว่าหลี่ฝางถึงจะเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ละ!
“ถามนายอยู่นะ นายเป็นใบ้เหรอ?” ลุงเฉียนย้ำถามอีกครั้ง
“ผมชื่อซูนจู้น……….”
“นายและตระกูลซูน ก็เป็นบัญชีดำสำหรับรีสอร์ตแห่งนี้” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา
คนที่เหลือ เมื่อเห็นจุดจบของซูนจู้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาอีกเลย
รีบไปกันเถอะ หากถูกถามชื่อละก็ จะส่งผลกระทบต่อทั้งครอบครัว
เหล่าคุณชายที่ถูกหลี่ฝางชี้หน้า รีบวิ่งหนีออกไปทันที
ผู้คนที่มองดูอยู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ โชคดีที่ตัวเองไม่ปากมาก ไม่อย่างนั้น ก็คงจะถูกไล่ออกไปเหมือนกัน
พวกคุณชายคุณหนูทั้งหลายกลับเข้าไปในวิลล่า แล้วกระซิบวิเคราะห์กันขึ้นมา
“พวกแกว่าคนที่ชื่อหลี่ฝาง เขาเป็นใครกันแน่? ที่รีสอร์ตแห่งนี้เหมือนจะทำตามทุกอย่างที่เขาพูดเลย”
“พวกแกว่ามั้ย? เมื่อกี้ตระกูลที่ล่วงเกินเขา ถือว่าซวยมากเลย”
“เธอบอกว่าเขาแซ่หลี่ เขาจะใช่หลานชายของหลี่เจียเฉินหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันได้ยินมาว่าหลานของหลี่เจียเฉิน เหมือนจะชื่อว่าถังหยู่ซวนหลี่ฝางคนนี้เหมือนจะเป็นเพื่อนรักของถังหยู่ซวนนะ”
“เฮ้ย ไม่ว่าจะเป็นถังหยู่ซวนหรือหลี่ฝาง เราก็อย่าไปล่วงเกินจะดีที่สุด”
“แต่ว่า เจ้าหมอนี่ก็โหดมากนะ พวกซูนจู้นพูดไปแค่ประโยคเดียว ก็ถูกไล่ออกไปเลย……..”
คนที่อยู่ในงานเห็นการกระทำของหลี่ฝาง ต่างรู้สึกหมดคำพูด
“ในเวลาเดียวกันผิดใจกับคนตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็นหยูเถิง จ้าวเสี่ยวตาว ซูนจู้น ต่อให้เป็นถังหยู่ซวน เกรงว่าก็จะรับไม่ไหวมั้ง”
หลี่ฝางนั้นไม่แยแสเลย คุณชายเหล่านี้รวมกัน ก็คงรวยไม่เท่าเขาคนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ถูกไล่ออกไป ล่วงเกินและดูถูกตัวเองก่อน หรือว่าจะให้หลี่ฝางอดทนอย่างเงียบๆ เหรอ?
อยู่ในถิ่นของตัวเอง หลี่ฝางอยากจะพูดว่า เขาไม่มีทางที่จะยอมลำบากใจแม้แต่นิดเดียว
สำหรับบอดี้การ์ดคนนั้น หลังจากที่ถูกลุงเฉียนจัดการ ก็ถูกทางรีสอร์ตไล่ออกไปเลย
ผู้คนสลายตัวกันแล้ว ลุงเฉียนเดินไปตรงหน้าของหลี่ฝาง: “แล้วถาม เสี่ยวฝาง ที่ลุงจัดการเมื่อกี้ คุณพอใจมั้ย?”
“ผมดูแล้วเหมือนตระกูลหยูจะรวยมากเลย ทำไมลุงไม่เรียกร้องมากกว่านี้หน่อย?”
“เสี่ยวฝาง คุณคิดว่าแจกันลายครามนั้น จะเป็นของจริงเหรอ?” ลุงเฉียนยิ้มที่มุมปาก
“ของปลอม?”
“ก็อปเกรดเอเท่านั้น เพียงแต่งานมันค่อนข้างที่จะประณีต เครื่องยังไม่อาจแยกว่าจริงหรือปลอม แต่เมื่อหากไปถึงมือผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังคงแยกออกอยู่ดี”
ลุงเฉียนกล่าว: หลังจากที่รีสอร์ตเปิดเป็นทางการแล้ว ไม่รู้ว่าต้องต้อนรับคนมากแค่ไหน ต่อให้เรามีเงิน ก็ไม่สามารถนำแจกันลายครามของแท้มาวางไว้ข้างนอกมั้ง?”
“หากเด็กวิ่งซน แล้วไปชนเข้า ให้พวกเขาชดใช้ ครอบครัวธรรมดาจะมีปัญญาชดใช้มั้ย?”
“หรือบางทีมีลมพายุเข้า พัดตกลงมาแตก แล้วจะไปหาใครมาชดใช้?”
หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ : “หากเป็นของปลอม ตระกูลหยูจะชดใช้เหรอ?”
“ชดใช้อย่างแน่นอน”
ลุงเฉียนหัวเราะอย่างมั่นใจ: “นอกเสียจากเขาอยากที่จะเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆ”
หลี่ฝางดีใจขึ้นมาทันที: “ลุงเฉียน ความหมายของลุงคือ ผมทำแจกันลายครามแตกไปหกอัน ไม่เพียงแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับรีสอร์ต แต่ยังได้กำไลมาอีกสิบล้านกว่า?”
ลุงเฉียนพยักหน้าอย่างเศร้าใจ ครั้งนี้หลี่ฝางไม่รู้ตัวเลย ที่รีสอร์ตในเวลาเดียวกันได้ไล่ลูกหลานมหาเศรษฐีออกไปเยอะขนาดนี้ มันก็ทำให้ตระกูลหลี่ได้รับความเสียหายทางอ้อมไม่น้อย
ความเสียหายนี้ มากกว่าเงินสิบกว่าล้านเสียอีก
เพียงแต่ว่า ลุงเฉียนไม่สนใจ หลี่ต๋าคางก็ไม่สนใจ สิ่งที่พวกเขาสนใจคือหลี่ฝาง
“เงินของตระกูลหยูก้อนนี้ ลุงต้องโอนเข้าบัญชีผมนะ” หลี่ฝางยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วกล่าว: “เงินก้อนนี้เป็นเงินที่ผมหามาเอง”
“ได้ๆๆ ก็แค่สิบสองล้านเองไม่ใช่เหรอ? ลุงจะอมของคุณเหรอ” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเรียบเฉย
หลี่ฝางมองลุงเฉียนไปแวบหนึ่ง สายตาสับสนเล็กน้อย ไม่พูดถึงที่ลุงเฉียนอายุปูนนี้แล้วยังสามารถชกต่อย เพียงแต่น้ำเสียงของเขา เหมือนกับว่าไม่ขาดแคลนเงินทองเลย
เงินหลายสิบล้านในปากเขา ก็เหมือนเงินหลายพันหยวน
หรือว่าลุงเฉียนก็เป็นมหาเศรษฐีเหมือนกัน?
ไม่ถูกนะ หากเขาเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ ทำไมยังต้องมาทำงานให้กับคุณพ่อของตัวเองละ? ตัวเองเป็นเถ้าแก่เองไม่ดีกว่าเหรอ?
เวลานี้ จางปิงปิงได้วิ่งเข้ามา ถามด้วยสีหน้าที่ร้อนใจ หลี่ฝาง: “นายเห็นถังหยู่ซวนหรือเปล่า?”
“ฉันตามหาเขาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเขาเลย” จางปิงปิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย นายว่าเขาจะถูกผู้หญิงคนอื่นมาอ่อยไปหรือเปล่า? จางปิงปิงกล่าวอย่างสงสัย
หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าวอย่างเย็นชา: “เธอไม่ต้องถามฉัน ฉันไม่รู้”
พูดจบ หลี่ฝางก็จูงมือของลู่หลุ่ยเข้าไปด้านในวิลล่า
“นายมันอวดเก่งอะไร หากไม่มีถังหยู่ซวน นายมันก็ไม่ใช่อะไรเลย!”
“สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้ถังหยู่ซวนไม่นับเพื่อนอย่างนาย” จางปิงปิงกัดฟันกล่าว
หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเข้าไปในวิลล่า
ผ่านเรื่องราวเมื่อกี้ ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางแล้ว ตรงกันข้าม ทุกคนต่างสนใจพวกเขาสองคนขึ้นมา
หลี่ฝางและลู่หลุ่ยเพิ่งจะนั่งลง ก็มีคนเดินเข้ามา
“สวัสดี เราชื่อเจิ้งหราน สามารถเป็นเพื่อนกันมั้ย?” คุณชายที่ชื่อเจิ้งหรานเพิ่งจะนั่งลง ยังไม่ทันที่จะได้แนะนำตัวเองเลย
หลี่ฝางก็กล่าวอย่างเย็นชา: “ไม่ได้”
“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย เชิญไปได้แล้ว” หลี่ฝางหันไปมองเจิ้งหราน แล้วกล่าว
สีหน้าของเจิ้งหรานดูแย่เล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วจากไป
จากนั้น ก็มีคุณชายอีกหลายคนที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่ผลก็ไม่ต่างกันมากนัก
ยังนั่งไม่ทันก้นอุ่น ก็ถูกหลี่ฝางไล่ไปแล้ว
“เขานึกว่าตัวเองเป็นใครเหรอ คิดว่าตัวเองเก่งมาหรือไง ถุย หากไม่มีถังหยู่ซวนหนุนหลัง เขานั้นอะไรก็ไม่ใช่”
“ก็ใช่ไง วางท่ายิ่งกว่าพระเจ้าเสียอีก ยังไงฉันก็เป็นเจ้าของกิจการ เขากลับไล่ฉันให้ไสหัวไป ช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย”
ผู้คนที่ถูกปฏิเสธ ต่างรู้สึกอึดอัดใจกัน
คนทั้งวิลล่า มองไปทางเขา ใครไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินกันเหรอ?
พวกเขาเคยลำบากใจแบบนี้ที่ไหนกันละ?
แต่หลี่ฝาง กลับเหยียบย่ำหน้าของพวกเขา
แม้กระทั่งลู่หลุ่ยก็รู้สึกว่าหลี่ฝางแล้งน้ำใจ ก็ว่ากล่าวเขาไปหลายประโยค
หลี่ฝางหัวเราะ พูดอย่างเยาะเย้ย: “ลู่หลุ่ย เธอรู้สึกว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับเราจริงๆ เหรอ?”
“จริงๆ แล้ว พวกเขาแค่อยากอาศัยฉัน เพื่อรู้จักถังหยู่ซวนก็เท่านั้น”
“พวกเขากำลังจะหลอกใช้ฉัน ใช้ฉันเป็นสะพานให้พวกเขาข้าม” หลี่ฝางเกลียดที่จะถูกคนหลอกใช้
ลู่หลุ่ยกล่าว: “ยังไงนายก็ควรปฏิเสธแบบมีมารยาท ทำไมต้องไล่พวกเขาให้ไสหัวไปละ”
“อนาคตยังไงนายก็ต้องทำธุรกิจอย่างแน่นอน นายไม่กลัวว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกับนายในอนาคตเหรอ?” ลู่หลุ่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก เธอน่าจะเดาฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝางออกแล้ว
“ในสายตาของคนพวกนี้ ไม่มีเพื่อนหรือศัตรูหรอก มีแต่ผลประโยชน์ อนาคตหากฉันสามารถให้ผลประโยชน์กับพวกเขา” ยังไงพวกเขาก็จะเป็นเพื่อนกับฉัน หลี่ฝางกล่าว
และในขณะที่หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเตรียมตัวจะจากไปนั้น ทันใดนั้น คนที่อยู่ในห้องล้วนวิ่งกันออกไป
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลี่ฝางรีบลุกยืนขึ้น วิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว
เห็นเพียงมู่เสี่ยวไป๋ที่สวมชุดสีขาวทั้งชุดเดินเข้ามา และด้านหลังของเขา กลับมีเจ้าหัวแบนตามมาด้วย
“เจ้าหัวแบน?” เมื่อหลี่ฝางเห็นเจ้าหัวแบน สีหน้าของหลี่ฝางก็เปลี่ยนไป เขาทำไมถึงไปอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋ได้ละ?
และลูกคนรวยกลุ่มนี้ กลับไม่ได้วิ่งเข้าไปต้อนรับมู่เสี่ยวไป๋ หรือว่ามีใครที่ใหญ่กว่ามู่เสี่ยวไป๋อีก?