NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 149

ตอนที่ 149

บทที่ 149 คนที่สำคัญกว่ามู่เสี่ยวไป๋

เมื่อกี้ที่หลี่ฝางชี้ไปทางจ้าวเสี่ยวตาว เพื่อให้เขาออกไปจากรีสอร์ตนั้น จ้าวเสี่ยวตาวเกือบจะด่าหลี่ฝางแล้ว เขาคิดในใจ นายบอกให้ฉันออกไปฉันก็ออกไป นายเป็นใครกัน?

แต่ใครจะไปรู้ เมื่อหลี่ฝางพูดจบ คนที่ดูแลรีสอร์ตอย่างลุงเฉียน ก็ดึงจ้าวเสี่ยวตาวและคนทั้งตระกูล เป็นบัญชีดำของรีสอร์ตแห่งนี้

วันนี้ หลี่ต๋าคางไม่ได้ออกหน้า รีสอร์ต ร้านRecalling the past สวนสนุก ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลุงเฉียน

หากพูดตามหลักการแล้ว ลุงเฉียนก็เป็นตัวแทนของหลี่ต๋าคาง

ตามด้วย หลี่ฝางก็ได้ชี้ไปอีกหลายคน แล้วกล่าว: “พวกนายก็ออกไปด้วย”

พวกเราผิดอะไรเหรอ? คุณชายคนรู้สึกเหมือนถูกใส่ร้าย รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าสองสามก้าว

“ปากของพวกนายกินขี้เข้าไปแล้ว รีบกลับบ้านไปแปรงฟันเถอะ” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบเฉย

คนเหล่านี้ต่างเป็นคนที่พูดจากเยาะเย้ยลู่หลุ่ย และตอนนั้น หลี่ฝางก็ได้จำใบหน้าของพวกเขาเอาไว้หมดแล้ว

“นายทำไมพูดแบบนี้ นายแหละที่กินขี้เข้าไป” มีคุณชายคนหนึ่งเดินเข้ามาสองสามก้าว ชี้หน้าด่าหลี่ฝาง

เสียงเพี้ยได้ดังขึ้น ลุงเฉียนได้ตบหน้าของคุณชายคนนี้ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา: “ไสหัวออกไป!”

“รีสอร์ตเป็นสถานที่ที่ให้นายมาวางก้ามเหรอ นายชื่ออะไร?”

เมื่อลุงเฉียนลงมือ คุณชายคนนี้อึ้งไปทันที

ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่? เป็นเพื่อนของคุณชายใหญ่จริงๆ เหรอ?

ทำไมถึงรู้สึกว่าหลี่ฝางถึงจะเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ละ!

“ถามนายอยู่นะ นายเป็นใบ้เหรอ?” ลุงเฉียนย้ำถามอีกครั้ง

“ผมชื่อซูนจู้น……….”

“นายและตระกูลซูน ก็เป็นบัญชีดำสำหรับรีสอร์ตแห่งนี้” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา

คนที่เหลือ เมื่อเห็นจุดจบของซูนจู้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาอีกเลย

รีบไปกันเถอะ หากถูกถามชื่อละก็ จะส่งผลกระทบต่อทั้งครอบครัว

เหล่าคุณชายที่ถูกหลี่ฝางชี้หน้า รีบวิ่งหนีออกไปทันที

ผู้คนที่มองดูอยู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ โชคดีที่ตัวเองไม่ปากมาก ไม่อย่างนั้น ก็คงจะถูกไล่ออกไปเหมือนกัน

พวกคุณชายคุณหนูทั้งหลายกลับเข้าไปในวิลล่า แล้วกระซิบวิเคราะห์กันขึ้นมา

“พวกแกว่าคนที่ชื่อหลี่ฝาง เขาเป็นใครกันแน่? ที่รีสอร์ตแห่งนี้เหมือนจะทำตามทุกอย่างที่เขาพูดเลย”

“พวกแกว่ามั้ย? เมื่อกี้ตระกูลที่ล่วงเกินเขา ถือว่าซวยมากเลย”

“เธอบอกว่าเขาแซ่หลี่ เขาจะใช่หลานชายของหลี่เจียเฉินหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่หรอก ฉันได้ยินมาว่าหลานของหลี่เจียเฉิน เหมือนจะชื่อว่าถังหยู่ซวนหลี่ฝางคนนี้เหมือนจะเป็นเพื่อนรักของถังหยู่ซวนนะ”

“เฮ้ย ไม่ว่าจะเป็นถังหยู่ซวนหรือหลี่ฝาง เราก็อย่าไปล่วงเกินจะดีที่สุด”

“แต่ว่า เจ้าหมอนี่ก็โหดมากนะ พวกซูนจู้นพูดไปแค่ประโยคเดียว ก็ถูกไล่ออกไปเลย……..”

คนที่อยู่ในงานเห็นการกระทำของหลี่ฝาง ต่างรู้สึกหมดคำพูด

“ในเวลาเดียวกันผิดใจกับคนตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็นหยูเถิง จ้าวเสี่ยวตาว ซูนจู้น ต่อให้เป็นถังหยู่ซวน เกรงว่าก็จะรับไม่ไหวมั้ง”

หลี่ฝางนั้นไม่แยแสเลย คุณชายเหล่านี้รวมกัน ก็คงรวยไม่เท่าเขาคนเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ถูกไล่ออกไป ล่วงเกินและดูถูกตัวเองก่อน หรือว่าจะให้หลี่ฝางอดทนอย่างเงียบๆ เหรอ?

อยู่ในถิ่นของตัวเอง หลี่ฝางอยากจะพูดว่า เขาไม่มีทางที่จะยอมลำบากใจแม้แต่นิดเดียว

สำหรับบอดี้การ์ดคนนั้น หลังจากที่ถูกลุงเฉียนจัดการ ก็ถูกทางรีสอร์ตไล่ออกไปเลย

ผู้คนสลายตัวกันแล้ว ลุงเฉียนเดินไปตรงหน้าของหลี่ฝาง: “แล้วถาม เสี่ยวฝาง ที่ลุงจัดการเมื่อกี้ คุณพอใจมั้ย?”

“ผมดูแล้วเหมือนตระกูลหยูจะรวยมากเลย ทำไมลุงไม่เรียกร้องมากกว่านี้หน่อย?”

“เสี่ยวฝาง คุณคิดว่าแจกันลายครามนั้น จะเป็นของจริงเหรอ?” ลุงเฉียนยิ้มที่มุมปาก

“ของปลอม?”

“ก็อปเกรดเอเท่านั้น เพียงแต่งานมันค่อนข้างที่จะประณีต เครื่องยังไม่อาจแยกว่าจริงหรือปลอม แต่เมื่อหากไปถึงมือผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังคงแยกออกอยู่ดี”

ลุงเฉียนกล่าว: หลังจากที่รีสอร์ตเปิดเป็นทางการแล้ว ไม่รู้ว่าต้องต้อนรับคนมากแค่ไหน ต่อให้เรามีเงิน ก็ไม่สามารถนำแจกันลายครามของแท้มาวางไว้ข้างนอกมั้ง?”

“หากเด็กวิ่งซน แล้วไปชนเข้า ให้พวกเขาชดใช้ ครอบครัวธรรมดาจะมีปัญญาชดใช้มั้ย?”

“หรือบางทีมีลมพายุเข้า พัดตกลงมาแตก แล้วจะไปหาใครมาชดใช้?”

หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ : “หากเป็นของปลอม ตระกูลหยูจะชดใช้เหรอ?”

“ชดใช้อย่างแน่นอน”

ลุงเฉียนหัวเราะอย่างมั่นใจ: “นอกเสียจากเขาอยากที่จะเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆ”

หลี่ฝางดีใจขึ้นมาทันที: “ลุงเฉียน ความหมายของลุงคือ ผมทำแจกันลายครามแตกไปหกอัน ไม่เพียงแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับรีสอร์ต แต่ยังได้กำไลมาอีกสิบล้านกว่า?”

ลุงเฉียนพยักหน้าอย่างเศร้าใจ ครั้งนี้หลี่ฝางไม่รู้ตัวเลย ที่รีสอร์ตในเวลาเดียวกันได้ไล่ลูกหลานมหาเศรษฐีออกไปเยอะขนาดนี้ มันก็ทำให้ตระกูลหลี่ได้รับความเสียหายทางอ้อมไม่น้อย

ความเสียหายนี้ มากกว่าเงินสิบกว่าล้านเสียอีก

เพียงแต่ว่า ลุงเฉียนไม่สนใจ หลี่ต๋าคางก็ไม่สนใจ สิ่งที่พวกเขาสนใจคือหลี่ฝาง

“เงินของตระกูลหยูก้อนนี้ ลุงต้องโอนเข้าบัญชีผมนะ” หลี่ฝางยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วกล่าว: “เงินก้อนนี้เป็นเงินที่ผมหามาเอง”

“ได้ๆๆ ก็แค่สิบสองล้านเองไม่ใช่เหรอ? ลุงจะอมของคุณเหรอ” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเรียบเฉย

หลี่ฝางมองลุงเฉียนไปแวบหนึ่ง สายตาสับสนเล็กน้อย ไม่พูดถึงที่ลุงเฉียนอายุปูนนี้แล้วยังสามารถชกต่อย เพียงแต่น้ำเสียงของเขา เหมือนกับว่าไม่ขาดแคลนเงินทองเลย

เงินหลายสิบล้านในปากเขา ก็เหมือนเงินหลายพันหยวน

หรือว่าลุงเฉียนก็เป็นมหาเศรษฐีเหมือนกัน?

ไม่ถูกนะ หากเขาเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ ทำไมยังต้องมาทำงานให้กับคุณพ่อของตัวเองละ? ตัวเองเป็นเถ้าแก่เองไม่ดีกว่าเหรอ?

เวลานี้ จางปิงปิงได้วิ่งเข้ามา ถามด้วยสีหน้าที่ร้อนใจ หลี่ฝาง: “นายเห็นถังหยู่ซวนหรือเปล่า?”

“ฉันตามหาเขาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเขาเลย” จางปิงปิงกล่าวอย่างโกรธเคือง

โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย นายว่าเขาจะถูกผู้หญิงคนอื่นมาอ่อยไปหรือเปล่า? จางปิงปิงกล่าวอย่างสงสัย

หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าวอย่างเย็นชา: “เธอไม่ต้องถามฉัน ฉันไม่รู้”

พูดจบ หลี่ฝางก็จูงมือของลู่หลุ่ยเข้าไปด้านในวิลล่า

“นายมันอวดเก่งอะไร หากไม่มีถังหยู่ซวน นายมันก็ไม่ใช่อะไรเลย!”

“สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้ถังหยู่ซวนไม่นับเพื่อนอย่างนาย” จางปิงปิงกัดฟันกล่าว

หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเข้าไปในวิลล่า

ผ่านเรื่องราวเมื่อกี้ ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางแล้ว ตรงกันข้าม ทุกคนต่างสนใจพวกเขาสองคนขึ้นมา

หลี่ฝางและลู่หลุ่ยเพิ่งจะนั่งลง ก็มีคนเดินเข้ามา

“สวัสดี เราชื่อเจิ้งหราน สามารถเป็นเพื่อนกันมั้ย?” คุณชายที่ชื่อเจิ้งหรานเพิ่งจะนั่งลง ยังไม่ทันที่จะได้แนะนำตัวเองเลย

หลี่ฝางก็กล่าวอย่างเย็นชา: “ไม่ได้”

“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย เชิญไปได้แล้ว” หลี่ฝางหันไปมองเจิ้งหราน แล้วกล่าว

สีหน้าของเจิ้งหรานดูแย่เล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วจากไป

จากนั้น ก็มีคุณชายอีกหลายคนที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่ผลก็ไม่ต่างกันมากนัก

ยังนั่งไม่ทันก้นอุ่น ก็ถูกหลี่ฝางไล่ไปแล้ว

“เขานึกว่าตัวเองเป็นใครเหรอ คิดว่าตัวเองเก่งมาหรือไง ถุย หากไม่มีถังหยู่ซวนหนุนหลัง เขานั้นอะไรก็ไม่ใช่”

“ก็ใช่ไง วางท่ายิ่งกว่าพระเจ้าเสียอีก ยังไงฉันก็เป็นเจ้าของกิจการ เขากลับไล่ฉันให้ไสหัวไป ช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย”

ผู้คนที่ถูกปฏิเสธ ต่างรู้สึกอึดอัดใจกัน

คนทั้งวิลล่า มองไปทางเขา ใครไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินกันเหรอ?

พวกเขาเคยลำบากใจแบบนี้ที่ไหนกันละ?

แต่หลี่ฝาง กลับเหยียบย่ำหน้าของพวกเขา

แม้กระทั่งลู่หลุ่ยก็รู้สึกว่าหลี่ฝางแล้งน้ำใจ ก็ว่ากล่าวเขาไปหลายประโยค

หลี่ฝางหัวเราะ พูดอย่างเยาะเย้ย: “ลู่หลุ่ย เธอรู้สึกว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับเราจริงๆ เหรอ?”

“จริงๆ แล้ว พวกเขาแค่อยากอาศัยฉัน เพื่อรู้จักถังหยู่ซวนก็เท่านั้น”

“พวกเขากำลังจะหลอกใช้ฉัน ใช้ฉันเป็นสะพานให้พวกเขาข้าม” หลี่ฝางเกลียดที่จะถูกคนหลอกใช้

ลู่หลุ่ยกล่าว: “ยังไงนายก็ควรปฏิเสธแบบมีมารยาท ทำไมต้องไล่พวกเขาให้ไสหัวไปละ”

“อนาคตยังไงนายก็ต้องทำธุรกิจอย่างแน่นอน นายไม่กลัวว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกับนายในอนาคตเหรอ?” ลู่หลุ่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก เธอน่าจะเดาฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝางออกแล้ว

“ในสายตาของคนพวกนี้ ไม่มีเพื่อนหรือศัตรูหรอก มีแต่ผลประโยชน์ อนาคตหากฉันสามารถให้ผลประโยชน์กับพวกเขา” ยังไงพวกเขาก็จะเป็นเพื่อนกับฉัน หลี่ฝางกล่าว

และในขณะที่หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเตรียมตัวจะจากไปนั้น ทันใดนั้น คนที่อยู่ในห้องล้วนวิ่งกันออกไป

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลี่ฝางรีบลุกยืนขึ้น วิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว

เห็นเพียงมู่เสี่ยวไป๋ที่สวมชุดสีขาวทั้งชุดเดินเข้ามา และด้านหลังของเขา กลับมีเจ้าหัวแบนตามมาด้วย

“เจ้าหัวแบน?” เมื่อหลี่ฝางเห็นเจ้าหัวแบน สีหน้าของหลี่ฝางก็เปลี่ยนไป เขาทำไมถึงไปอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋ได้ละ?

และลูกคนรวยกลุ่มนี้ กลับไม่ได้วิ่งเข้าไปต้อนรับมู่เสี่ยวไป๋ หรือว่ามีใครที่ใหญ่กว่ามู่เสี่ยวไป๋อีก?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท