NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 154

ตอนที่ 154

บทที่ 154 ตามหาหลินชิงชิง

หลี่ฝางมองไปที่เจ้าหัวแบนด้วยสีหน้าไม่คาดคิด

เจ้าหัวแบนรู้ได้ยังไง?

หลี่ฝางไม่กล้าที่จะยอมรับ นั่นเพราะหลี่ฝางไม่แน่ใจว่าเจ้าหัวแบนเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่

ถ้าเกิดว่าเจ้าหัวแบนถูกมู่เสี่ยวไป๋ส่งมา เพื่อทดสอบตนเองกันล่ะ?

แบบนี้ หากตนยอมรับ ก็เท่ากับเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาหรอกหรือ?

หลี่ฝางหัวเราะ “เจ้าหัวแบน คุณพูดอะไร ทำไมผมถึงไม่เข้าใจสักนิด? หลี่เจียเฉินคือใคร ผมไม่รู้จักมาก่อน”

“เสี่ยวฝาง ต่อหน้าฉันนายไม่ต้องแกล้งทำซื่อ”

เจ้าหัวแบนส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายนาย นายวางใจได้”

หลี่ฝางได้ฟังก็พูดไม่ออก เมื่อครู่ในวิลล่ายังแทบจะหักขาเขาไปแล้ว แบบนี้ยังเรียกว่าไม่คิดจะทำร้ายหรือไง?”

หลี่ฝางยิ้มเยาะในใจ แต่ปากกลับไม่ได้พูดอะไร

“พวกเราจะไปที่ไหน? เมืองเอก หรือตงไห่?” หลี่ฝางถาม

แม้ว่ารีสอร์ตจะตั้งอยู่ในตงไห่ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองเอกของจังหวัด

“เมืองเอกเถอะ” เจ้าหัวแบนเอ่ย

ทันใดนั้น ในใจของหลี่ฝางก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน

ยังไงเสีย เมืองเอกของจังหวัดก็คืออาณาเขตของมู่เสี่ยวไป๋

ในขณะที่ขับรถไปหลี่ฝางก็เอ่ยถามอย่างกังวล “เจ้าหัวแบน นายไม่ได้จับมือกับมู่เสี่ยวไป๋มาหลอกฉันใช่ไหม?”

เจ้าหัวแบนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “นายไม่เชื่อใจฉันมากขนาดนี้เชียว”

“ถ้านายกังวลว่าจะเป็นกับดักจริงๆ อย่างนั้นนายก็จอดรถแล้วปล่อยฉันลงก็ได้” เจ้าหัวแบนเอ่ย

“ช่างเถอะ ลืมมันไปเถอะ”

หลี่ฝางคิดในใจ เจ้าหัวแบนไม่เหมือนฉลาดแกมโกงแบบนั้น ถ้าเขาจะจัดการกับตน ก็ไม่ต้องใช้วิธีขี้โกงแบบนี้

ตามคำแนะนำของเจ้าหัวแบน หลี่ฝางมาถึงร้านบาร์บีคิวชื่อร้านตี้ตี้เต้าเต้า

หลังจากจอดรถ หลี่ฝางและเจ้าหัวแบนก็เข้าไปในร้านด้วยกัน

“มาแล้วหรือ เสี่ยวโจว”

เจ้าของร้านเป็นชายชราคนหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าหัวแบนเข้ามา เขาก็ต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม

“ใช่ เจ้าพาน เอาเนื้อแกะย่างหนึ่งกิโล กับ…..” เจ้าหัวแบนสั่งไปไม่น้อย

“อ้อใช่ เอาเบียร์มาสองลัง”

หลังจากสั่งปิ้งย่างเสร็จ เจ้าหัวแบนก็สั่งเบียร์เพิ่ม

“เจ้าหัวแบน ฉันยังต้องขับรถ” หลี่ฝางขมวดคิ้ว แค่สองคน เบียร์สองลัง นี่ไม่เท่ากับว่าหนึ่งคนหนึ่งลังหรือไง?

หลี่ฝางไม่สามารถดื่มได้มากขนาดนั้น

เจ้าหัวแบนยิ้ม เขาเอ่ย “ไป ฉันจะพานายไปพบคนคุ้นเคย”

เจ้าหัวแบนเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง และเรียกผู้หญิงคนหนึ่งออกมา

เมื่อเห็นเธอ ในใจของหลี่ฝางก็ขมวดแน่นขึ้นอย่างอธิบาย “พี่สาว ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่!”

หลินชิงชิงกำลังสวมชุดทำงาน ในมือมีเนื้อย่างถืออยู่ ตอนแรกที่เห็น หลี่ฝางยังคิดว่าตนมองผิดไป

แต่หลังจากมองอย่างละเอียด หลี่ฝางก็จำได้ขึ้นมา นี่ไม่ใช่หลินชิงชิงหรอกหรือ?

หลินชิงชิงซึ่งเคยเป็นคนหยิ่งผยองและมีอำนาจเหนือกว่าใคร ตอนนี้ถึงกับลงมาทำงานในร้านบาร์บีคิว

ในใจของหลี่ฝางรู้สึกแตกสลายในทันที ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกตนว่าขาดแคลนเงิน

หลินชิงชิงเห็นหลี่ฝาง ก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหัวแบนและพูดว่า “เสี่ยวโจว ทำไมนายถึงได้พาเสี่ยวฝางมาที่นี่?”

เจ้าหัวแบนเอ่ย “แค่ประโยคสองประโยคคงอธิบายได้ไม่ชัด”

“เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกเราไปคุยในห้องส่วนตัว”

หลินชิงชิงพูดติดตลก “เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร ตัวนี้ออกจะดี”

“พวกนายสองคนไปหาห้องส่วนตัวก่อน ฉันไปขอลากับเจ้าพาน” หลินชิงชิงพูดจบและออกไป

เจ้าหัวแบนพาหลี่ฝางเข้าไปในห้องส่วนตัวเล็กและเอ่ย “ยังคิดว่านี่เป็นกับดักรึเปล่า?”

หลี่ฝางส่ายหัวอย่างเก้อเขิน “เจ้าหัวแบน ชายตัวโตอย่างนาย ทำไมถึงได้คิดเล็กคิดน้อยเสียจริง”

“อ้อใช่ ทำไมพี่ชิงชิงถึงได้อยู่ที่นี่? ”

“เธอทำงานที่นี่ ฉันแนะนำให้เธอเอง”

เจ้าหัวแบนเอ่ย “ที่แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่มู่เสี่ยวไป๋จะมา”

“คุณแอบติดต่อกับพี่ชิงชิงลับหลังมู่เสี่ยวไป๋มาโดยตลอดงั้นหรือ?” หลี่ฝางมองเจ้าหัวแบนไม่ออกอยู่บ้าง

เจ้าหัวแบนคนนี้ สรุปแล้วเป็นฝ่ายไหนกันแน่

ที่รีสอร์ต หลี่ฝางได้ยินมู่เสี่ยวไป๋พูดว่าเจ้าหัวแบนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ของตระกูลมู่

แต่ในขณะนี้ เจ้าหัวแบนกลับแอบติดต่อหลินชิงชิงลับหลังมู่เสี่ยวไป๋

ถ้าเรื่องนี้ถูกมู่เสี่ยวไป๋รู้เข้า เขาคงจะโกรธแทบตายแน่!

คนที่มู่เสี่ยวไป๋กำลังตามหาแทบตาย กลับถูกคนของเขาเองซ่อนเอาไว้….

เจ้าหัวแบนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ฉันพูดไปนายก็คงไม่เชื่อ รอให้ชิงชิงมา ค่อยให้เธอบอกนายเองแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

หลังจากนั้นไม่นาน หลินชิงชิงก็นำเบียร์สองลังเข้ามา ในขณะที่เจ้าพานผู้จัดการร้านก็นำเนื้อแกะย่างมาให้

หลินชิงชิงหยิบขึ้นมาไม้หนึ่งแล้วส่งให้หลี่ฝาง “ลองดูสิ นี่เป็นเนื้อแกะแท้ๆ ไม่ปลอมปนอะไรเลย”

หลี่ฝางหัวเราะและมองไปที่หลินชิงชิง “พี่ ไหนบอกผมหน่อย ว่าทำไมพี่ถึงได้มาทำงานอยู่ที่นี่?”

“ถ้าพี่ขาดเงิน ก็บอกผมก็ได้แล้วนี่”

“เด็กหน้าเหม็น พี่สาวมีมือมีเท้า ทำไมต้องให้นายมาเลี้ยงด้วย!” หลินชิงชิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง “ตอนนี้พี่สาวมีชีวิตไม่เลว เลี้ยงตัวเองได้”

“อ้อใช่ เสี่ยวโจว นายยังไม่ได้บอกเลย ว่าทำไมถึงพาเสี่ยวฝางมาที่นี่?” หลินชิงชิงถามอีกครั้ง

“ชิงชิง เธอบอกตัวตนของฉันกับเสี่ยวฝางเถอะ” เจ้าหัวแบนเอ่ย

หลินชิงชิงหัวเราะ “เสี่ยวฝาง นายกำลังเข้าใจผิดเสี่ยวโจวอยู่ใช่รึเปล่า?”

“อันที่จริง เสี่ยวโจวเป็นคนของตระกูลมู่มาโดยตลอด”

หลินชิงชิงกล่าว “สองปีที่ผ่านมาเขาถึงค่อยมาที่ตระกูลหลินของเรา เขามาที่ตระกูลหลิน ก็เป็นความตั้งใจของมู่เสี่ยวไปเช่นกัน”

“นอกจากจะช่วยพ่อของฉันรักษาตำแหน่งลูกพี่ในตงไห่เอาไว้ได้ เขายังรับผิดชอบในการปกป้องฉันด้วย”

“ดังนั้น เรื่องพวกนี้ นายอย่าได้โทษเสี่ยวโจว เสี่ยวโจวเองก็เลือกไม่ได้ ชีวิตนี้ เขาติดค้างตระกูลมู่มากเกินไป” หลินชิงชิงกล่าว

หลี่ฝางค่อยเข้าใจขึ้นมา ว่าที่แท้เป็นแบบนี้

“เสี่ยวฝาง ชีวิตของฉัน เป็นของตระกูลมู่ ตระกูลมู่ให้ทำอะไร ฉันก็ทำแบบนั้น”

พูดจบ เจ้าหัวแบนหยุดไปชั่วขณะ “อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่ทำร้ายนายกับชิงชิง “เรื่องนี้นายมั่นใจได้”

“เมื่อกี้ในวิลล่า นายแทบจะขาหักฉัน…” หลี่ฝางอดพูดขึ้นไม่ได้

หลี่ฝางจำได้ชัดเจนว่าดวงตาของเจ้าหัวแบนในเวลานั้นเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์

ถ้าไม่ใช่เพราะโหจื่อมาได้ทันเวลา เกรงว่าเจ้าหัวแบนจะลงมือกับตนเองจริงๆ

“หรือว่านั่นก็เป็นเรื่องโกหกด้วย?” หลี่ฝางถาม

“นั่นเป็นเรื่องจริง ฉันไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋ได้” เจ้าหัวแบนเอ่ย “แต่ฉันรู้ ว่าจะมีคนมาช่วยนาย”

“ถึงแม้ฉันจะไม่คาดคิดว่าเป็นโหจื่อ แต่ฉันรู้ ว่านายจะไม่เป็นอะไร”

เจ้าหัวแบนเอ่ย “ลุงเฉียนของนาย กังฟูของเขา อยู่เหนือกว่าฉันเช่นกัน”

“ฉันคิดว่าเขาจะเข้ามา แต่กลับไม่คาดคิดว่าเขาจะส่งโหจื่อมาแทน โหจื่อเป็นคนรู้จักเก่าของฉัน เอาจริงๆ ฉันก็ไม่คาดคิดว่า สามปีที่ไม่เจอกัน กังฟูของเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้”

“ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อสามปีก่อน โหจื่อตัวนี้เป็นแค่ขโมยชื่อดังคนหนึ่งเท่านั้น” เจ้าหัวแบนเอ่ย

“นายแน่ใจแล้วว่าจะมีคนมาช่วยฉัน?” หลี่ฝางกล่าว

“ใช่” เจ้าหัวแบนเอ่ย

“ทำไม นายยังคงไม่เชื่อฉัน?” สีหน้าของเจ้าหัวแบนมีร่องรอยของความไม่พอใจ “ถึงแม้ว่าฉันจะติดค้างตระกูลมู่ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีศีลธรรม”

“ไม่อย่างนั้น ฉันคงจะไม่ปกปิดมู่เสี่ยวไป๋และซ่อนชิงชิงไว้ที่นี่”

เจ้าหัวแบนถามหลี่ฝาง “นายว่าใช่ไม่ใช่?”

“ก็ใช่” หลี่ฝางพยักหน้ากล่าว “เห็นแก่หน้าของพี่ชิงชิง ครั้งนี้ฉันจะเชื่อนาย”

“แต่ว่าฉันแค่อยากรู้ ว่าสรุปแล้วนายติดค้างอะไรตระกูลมู่” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม

“หนึ่งชีวิต ชีวิตของแม่ฉัน”

เจ้าหัวแบนเอ่ยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เจิ้งถังไม่เพียงแต่เป็นนักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นหมอที่มีชื่อเสียงอีกด้วย”

“ในตอนแรก แม่ของฉันเป็นโรคประหลาดและไม่มีใครสามารถรักษาได้ แต่มู่เจิ้งถังเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยแม่ของฉันได้”

“กว่าที่ฉันจะหามู่เจิ้งถังได้ไม่ง่ายเลย แต่มู่เจิ้งถังกลับบอกว่า เขาไม่ใช่หมอแล้ว”

“ต่อมา มู่เจิ้งถังเห็นความสามารถในตัวฉัน ก็เลยทำข้อตกลงกับฉัน ข้อตกลงนั่นก็คือเขาช่วยแม่ของฉัน ชั่วชีวิตฉันเป็นคนรับใช้ของเขา เขาให้ฉันทำอะไร ฉันก็ต้องทำ ไม่ว่าจะฆ่าคนเผาไฟอะไรก็ตาม ล้วนห้ามขัดคำสั่ง”

“นายตกลง?” หลี่ฝางถาม

เจ้าหัวแบนพยักหน้า “จากนั้นมู่เจิ้งถังก็พาฉันไปตะวันออกเฉียงเหนือ และพบกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นั่น เขารู้ว่ากษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพวกคลั่งศิลปะต่อสู้ ก็เลยพนันกับเขาไปตาหนึ่ง”

“ฉันแข่งขันกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าฉันชนะ ธุรกิจยาของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะถูกแบ่งให้มู่เจิ้งถังส่วนหนึ่ง”

“ถ้าฉันแพ้ ทั้งฉันและมู่เจิ้งถังจะตายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

เจ้าหัวแบนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในที่สุด ฉันกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เสมอกัน”

“หลังจากเสร็จธุระแล้ว เมื่อฉันกลับไปที่เมืองเอกของจังหวัด มู่เจิ้งถังก็ช่วยแม่ของฉัน หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นสุนัขของตระกูลมู่”

เจ้าหัวแบนเล่าเรื่องของเขาเสร็จแล้วก็มองไปที่หลี่ฝาง “เรื่องของฉันจบแล้ว เสี่ยวฝาง เล่าเรื่องของนายมาเถอ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท