NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 144

ตอนที่ 144

บทที่ 144 หยกเขียวจักรพรรดิให้กันเหมือนของตลาดนัด?

สวีเถิงเฟย?!

ทุกคนล้วนอึ้งกันไปหมด คนนี้เป็นสวีเถิงเฟย ลูกมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก พ่อของเขาสวีเจิ้งหรุงเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง

เมื่อสวีเถิงเฟยเดินเข้ามา กลุ่มของส้งเสียงก็กรูกันเข้ามา

ลูกมหาเศรษฐีแบบนี้ พวกเขาต้องตีสนิทสักหน่อย

แต่สวีเถิงเฟยก็เพียงตอบรับตามมารยาท จากนั้นก็จ้องมองไปที่ตัวของลู่หลุ่ย แล้วถามอีกครั้ง: “คนสวย ฉันขอดูจี้ที่อยู่บนคอของเธอหน่อยได้มั้ย?”

“หืม?” ลู่หลุ่ยไม่รู้จะยังไงดี ก็เลยมองไปที่หลี่ฝาง เห็นได้ชัดว่าจะให้หลี่ฝางตัดสินใจแทนเธอ

หลี่ฝางส่ายหัว มองไปที่สวีเถิงเฟยแล้วกล่าว: “ไม่ได้”

“หลี่ฝาง นายบ้าไปแล้วเหรอ? นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?” โจวเจ๋กัดฟันมองหลี่ฝาง

หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่แยแส: “เขาเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันละ?”

โจวเจ๋อึ้งไปชั่วขณะ เขาเกือบจะลืมไปแล้ว หลี่ฝางคนนี้ ขึ้นชื่อเรื่องดื้อรั้น เขาเคยไว้หน้าใครที่ไหนกันละ?

สองสามวันก่อนได้ยินมาว่า หลี่ฝางยังได้ทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋ คิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ โจวเจ๋ก็รู้สึกว่า หลี่ฝางปฏิเสธสวีเถิงเฟย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างใจเย็น: “นายเป็นแฟนของเธอเหรอ?”

หลี่ฝางพยักหน้า: “ใช่”

“ฉันขอดูแค่แวบเดียวเอง สีหน้าของสวีเถิงเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “ทำไม่ขี้เหนียวจัง?”

“หลี่ฝาง นายก็ให้คุณชายสวีดูหน่อยเถอะ มองดูแค่แวบเดียวมันไม่สึกหรอหรอก” ส้งเสียงเดินมาข้างหน้า พูดเกลี้ยกล่อม

“คุณปู่ของคุณชายสวีเป็นนักสะสมของเก่าที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก คุณชายสวีติดตามท่านปู่สวีมาตั้งแต่เด็ก ก็ต้องมีความรู้อยู่บ้าง ในเมื่อคุณชายสวีอยากดูจี้ของแฟนนาย ไม่แน่จี้นี้อาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าก็ได้นะ” ส้งเสียงกล่าว

เมื่อส้งเสียงพูดจบ โจวเจ๋ก็ได้พูดเสริมขึ้นอีกประโยค

หลี่ฝางคิดในใจ: จี้นี้เป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว ยังต้องให้คนอื่นมายืนยันอีกเหรอ? นี่มันเป็นของที่ซูเปอร์สตาร์ที่หลี่อะไรสักอย่างมอบให้พ่อของเขา พ่อของตัวเองได้มอบมันให้กับลู่หลุ่ย จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน

หลี่ฝางเดินไปตรงหน้าลู่หลุ่ย แล้วตบที่บ่าของเขา: “เราไปดูทางโน้นกันเถอะ”

สวีเถิงเฟยขมวดคิ้ว โมโหอย่างอดไม่ได้: “ต่อให้นายเป็นแฟนของเธอ นายก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอมั้ง?”

สวีเถิงเฟยรีบเดินไปข้างหน้า ไปขวางทางของลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางไว้ ยิ้มให้กับลู่หลุ่ยอย่างสุภาพ สวัสดี ฉันชื่อสวีเถิงเฟย คุณปู่ของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญและชื่นชอบของเก่าของเมืองเอกแห่งนี้ ฉันติดตามปู่มาหลายปี ก็พอมีความรู้และชื่นชมหยกโบราณเป็นอยู่บ้าง สามารถให้ฉันชื่นชมจี้บนคอของเธอหน่อยได้หรือเปล่า?”

“ขอโทษด้วยนะคะ การตัดสินใจของเขา ก็ได้แทนการตัดสินใจของฉันแล้ว” ลู่หลุ่ยกล่าวอย่างยิ้มๆ มองไปที่หลี่ฝาง

สีหน้าของสวีเถิงเฟยมืดมนลงทันที จ้องมองคอของลู่หลุ่ยโดยไม่ขยับ

“มองอะไรละ? อันธพาลเหรอ?!” หลี่ฝางใช้มือปิดหน้าอกของลู่หลุ่ยเอาไว้ จ้องมองสวีเถิงเฟยอย่างดุดัน

สวีเถิงเฟยหน้าแดงทันที แล้วกล่าว: “ขอโทษด้วย สิ่งที่ฉันดูคือจี้ คุณอย่าเข้าใจผิด”

“หลีกไป!” หลี่ฝางกล่าวอย่างเย็นชา

สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝาง ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่มีใครกล้าพูดกับตัวเองแบบนี้ นายคนนี้เป็นใคร?

“ฉันบอกให้นายหลีกไป นายหูหนวกหรือไง?” หลี่ฝางกล่าวขึ้นอีกครั้ง

สวีเถิงเฟยลังเลไปสักพัก ก็หลีกทาง

สวีเถิงเฟยคิดว่า จี้นี้หลี่ฝางต้องเป็นคนให้เธออย่างแน่นอน และหยกเขียวจักรพรรดิที่ดูดีขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องหลายสิบล้าน สามารถที่จะมอบจี้หลายสิบล้านให้คนอื่น จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

ดังนั้น สวีเถิงเฟยไม่อยากที่จะล่วงเกินนายคนนี้

“เขาชื่ออะไรนะ?” หลังจากที่หลี่ฝางจากไป สวีเถิงเฟยก็กลับมาถาม

“เขาชื่อหลี่ฝาง”

หลี่ฝาง? สวีเถิงเฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน คิดไปสักพัก จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น: “หรือว่าเขาจะเป็นหลานของคุณท่านหลี่เจียเฉิน?”

“คุณชายสวี คุณเข้าใจผิดแล้ว เขาก็เป็นแค่คนนอกคอกคนหนึ่งเท่านั้น” ส้งเสียงกับโจวเจ๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“คนนอกคอกเหรอ?” คนนอกคอกทำไมถึงมาที่นี่ได้ละ?” สวีเถิงเฟยอดไม่ได้ที่จะถาม

“ผมเป็นคนพาเขามาเอง พาเขามาเปิดหูเปิดตาหน่อย” โจวเจ๋พูดจบ ก็นึกถึงเรื่องที่หลี่ฝางล่วงเกินสวีเถิงเฟยเมื่อกี้ เขากลัวว่าสวีเถิงเฟยจะโกรธเขาไปด้วย ก็รีบพูดเสริมขึ้น: “คุณชายสวี แต่ผมกับเขานั้นไม่สนิทกัน”

สวีเถิงเฟยหัวเราะ คิดในใจ: เย็ดแม่โกหกผีเหรอวะ พวกนายไม่สนิทกัน แล้วจะพาเขามาที่รีสอร์ตเหรอ?

“ใช่แล้ว คุณชายสวี ทำไมคุณถึงได้สนใจจี้ที่อยู่บนคอของผู้หญิงคนนั้นละ ผู้หญิงคนนั้นถึงแม้หน้าตาจะดี แต่ดูจากการแต่งตัวก็สามารถดูออกว่า เธอเป็นสาวชาวบ้านจนๆ คนหนึ่ง โดยเฉพาะชุดกีฬาที่เธอใส่ ยังเป็นอดิดาสของก็อปอีกต่างหาก ฉันจะหัวเราะตายแล้ว”

“ใช่ เสื้อผ้าของเธอตลกมากเลย adidas พิมพ์เป็น abibas” จางเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หลังจากที่โจวเจ๋เห็น ก็จ้องมองเธออย่างตาขวาง หัวเราะน่ะได้ แต่ไม่ต้องหัวเราะจนตัวงอขนาดนี้มั้ง?

สวีเถิงเฟยไม่ได้สนใจเสื้อกีฬาบนตัวเธอ จะใช่ของก็อปหรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาเพียงแต่รู้สึกว่าจี้บนคอของลู่หลุ่ยนั้น คล้ายหยกเขียวจักรพรรดิ

สวีเถิงเฟยยิ้มเจื่อนๆ : “หรือเป็นเพราะฉันดูผิดไปมั้ง”

“ฉันยังนึกว่าจี้หยกของผู้หญิงคนนั้นเป็นหยกเขียวจักรพรรดิอีก” สวีเถิงเฟยส่ายหัว ถอนหายใจกล่าว

“คุณชายสวี คุณต้องดูผิดอย่างแน่นอน บ้านของผู้หญิงคนนั้นอยู่บนเขา จะใส่หยกเขียวจักรพรรดิได้ยังไง?” โจวเจ๋กล่าว

วันนี้โจวเจ๋ได้ไปบ้านของลู่หลุ่ยด้วยตัวเองมาแล้ว เขาเห็นฐานะทางบ้านของลู่หลุ่ยเป็นยังไง ผู้หญิงที่มีฐานะทางบ้านแบบนั้น จะใส่จี้หยกเขียวจักรพรรดิได้อย่างไร

แค่หยกเขียวจักรพรรดิธรรมดาราคาก็ไม่ถูกเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น สามารถเข้าตาของสวีเถิงเฟยได้ มันต้องไม่ใช่หยกเขียวจักรพรรดิธรรมดาแล้ว ต้องเป็นหยกเขียวจักรพรรดิอย่างดีแน่เลย!

สวีเถิงเฟยได้มองไปทางลู่หลุ่ยอีกครั้ง เขายังไม่ตายใจ

แม้ว่าพ่อของสวีเถิงเฟยจะเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ แต่ตัวเขาตั้งแต่เด็กก็ไม่ชอบเรื่องการค้า กลับชอบศึกษาวัตถุโบราณ เครื่องหยก เหมือนกับคุณปู่ ในหลายๆ กรณี ระดับความสามารถในการประเมินหินหยกของเขา ถึงขั้นเหนือกว่าคุณปู่ของตัวเอง

ดังนั้น สวีเถิงเฟยไม่เชื่อว่าตัวเองจะดูผิดไป

หลี่ฝางจูงมือของลู่หลุ่ย มาถึงยังสถานที่ที่ไม่มีคน นั่งไปสักพัก

ลู่หลุ่ยก็ได้แกะจี้บนคอของตัวเองลงมา: “หลี่ฝาง จี้นี้ราคาแพงมากใช่มั้ย?”

เวลานี้ ลู่หลุ่ยเริ่มสงสัยเล็กน้อย เขาคิดว่าจี้นี้ต้องไม่ใช่ของตามตลาดนัดอย่างแน่นอน

ลู่หลุ่ยคิดในใจ บ้านของหลี่ฝางรวยขนาดนั้น แล้วพ่อของหลี่ฝาง จะมอบของตามตลาดนัดให้เธอได้อย่างไร?

บวกกับเรื่องเมื่อกี้ ทำให้ลู่หลุ่ยมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด จี้หยกบนคอ ราคาต้องแพงมากใช่หรือเปล่า

“ฉันก็ไม่รู้ แต่พ่อฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นของตามตลาดนัด ก็ซื้อมาในราคาไม่กี่สิบหยวน” หลี่ฝางกล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“ถ้าหากแค่ไม่กี่สิบหยวน แล้วนายตื่นเต้นทำไมกัน? แค่ให้คนอื่นเขาดูหน่อยก็ไม่ได้” ลู่หลุ่ยจี้ถาม

“เธอโง่หรือเปล่า นี่มันของตลาดนัดราคาแค่ไม่กี่สิบหยวน หากถูกพวกเขารู้เข้า มันจะขายหน้ามากแค่ไหน หลี่ฝางกลอกตาใส่ลู่หลุ่ย แล้วกล่าว ชุดกีฬาที่เธอใส่อยู่ ตัวอักษรผิด นี่มันก็น่าอายพอแล้วนะ หากเรื่องจี้ถูกรู้เข้าอีก มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่”

ลู่หลุ่ยหน้าแดงทันที เรื่องเมื่อกี้ ก็น่าขายหน้าอยู่ไม่น้อย

“หากรู้แต่แรกก็คงไม่มาแล้ว” ลู่หลุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ดี: “ที่ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ฉันควรจะมา ตรงนี้ล้วนแต่เป็นคนรวย ไม่มีทางเห็นคนจนอย่างฉันอยู่ในสายตา”

“จนแล้วทำไม? เราไม่ได้ไปปล้นขโมยใครเขาสักหน่อย เราก็ไม่ได้กินของพวกเขา ใช้ของพวกเขา พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกพวกเรา? พวกเขาดูถูกพวกเรา แสดงว่าตัวของพวกเขานั้นมีปัญหา” หลี่ฝางกล่าว

“เอาไว้วันหลัง ฉันจะพาเธอไปห้าง ไปซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมสักสองสามชุด” นิ่งไปสักพัก หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น

“ไม่เอา ฉันติดค้างนายมากไปแล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าแบรนด์เนม ฉันก็ใส่ไม่สบาย ฉันมันก็แค่คนที่ใช้แรงงานคนหนึ่ง” ลู่หลุ่ยหัวเราะเยาะตัวเอง

“หลี่ฝาง เราไปกินอะไรหน่อยดีกว่า”

ลู่หลุ่ยราวกับว่าได้ค้นพบเขตแดนใหม่ ชี้ไปพื้นที่ที่ตั้งขนมหวานต่างๆ เอาไว้: “ตรงนี้มีขนมเค้กหลายอย่าง ดูแล้วน่าอร่อยจัง”

“ไป”

หลี่ฝางพยักหน้า จูงมือของลู่หลุ่ย ลุกขึ้นเดินไปที่พื้นที่ที่ตั้งวางขนมเค้กต่างๆ

หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยเพิ่งลุกเดินไป สวีเถิงเฟยที่แอบอยู่ข้างเสาได้เดินออกมา เขาขมวดคิ้วอย่างแน่น ครั้งนี้ เขาเห็นอย่างชัดเจน จี้หยกที่อยู่ในมือลู่หลุ่ย ร้อยละเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นหยกเขียวจักรพรรดิ

ตัวเองไม่ได้ดูผิดไป เพียงแต่………

ใครนะที่นำหยกเขียวจักรพรรดิมอบให้กันเหมือนกับเป็นของตลาดนัด?

นี่มันคือหยกเขียวจักรพรรดิเลยนะ!

สวีเถิงเฟยคิดในใจ หากพ่อของตัวเองเห็นเข้า ต้องเห็นมันเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่มีทางให้คนอื่นอย่างแน่นอน

แต่พ่อของหลี่ฝาง กลับมอบให้เหมือนเป็นของตลาดนัด?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท