NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 160

ตอนที่ 160

บทที่ 160 ผมจะเหยียบมู่เสี่ยวไป๋เอาไว้ใต้เท้า

มู่เสี่ยวไป๋ไอ้เวรนี่ ชั่วร้ายเสียจริง เขาเองก็รู้ว่าตนสนิทกับจางกงหมิง แต่กลับให้จางกงหมิงมาจัดการเขา

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งเครียด “พี่หมิง แล้วพี่ว่ายังไง?”

“พี่เชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังเขา?” หลี่ฝางถาม

“เสี่ยวฝาง ฉันรู้ว่านายจะมาที่เมืองเอกของจังหวัดเพื่อเรียนมหาวิทยาลัยในวันมะรืนนี้ ถ้านายยังนับถือฉันเป็นพี่ชาย นายก็อย่าได้มาเลย” จางกงหมิงกล่าวว่า “ขอแค่นายไม่มาเมืองเอก ฉันก็จะไม่แตะต้องนาย”

“แล้วถ้าผมไปเมืองเอกของจังหวัดล่ะ?” หลี่ฝางถาม

“เสี่ยวฝาง อย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจเลย มู่เสี่ยวไป๋เป็นเจ้านายของฉัน”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินดังนี้ เขาก็วางสายโทรศัพท์ลงทันที

หลี่ฝางไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ว่าจางกงหมิงจะสามารถพูดจาแบบนี้ได้ นี่คือจางกงหมิงจริงหรือ? แทบจะกลายเป็นคนละคน

“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลี่ฝางไม่ถูกต้อง หลินชิงชิงจึงถาม

หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไอ้ลูกหมามู่เสี่ยวไป๋ ถึงกับกล้าส่งจางกงหมิงมาจัดการกับผม”

เมื่อหลินชิงชิงได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไป “การเคลื่อนไหวของมู่เสี่ยวไป๋ครั้งนี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทางหนึ่งจัดการกับนาย อีกทางหนึ่งก็ทดสอบจางกงหมิง”

“เพื่อสนับสนุนจางกงหมิง มู่เสี่ยวไป๋ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย ถ้าหากใจของจางกงหมิงไม่ไปทางเขา แบบนั้นเขาก็เสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว”

“เขาทำแบบนี้ ก็เพื่อทดสอบความภักดีของจางกงหมิงที่มีต่อเขา หลินชิงชิงวิเคราะห์

หลี่ฝางเองเข้าใจเจตนาของมู่เสี่ยวไป๋ จางกงหมิงเองก็ยิ่งเข้าใจดี

ที่หลี่ฝางโกรธก็คือ จางกงหมิงเองก็ตอบรับด้วย

หรือว่า จะเป็นอย่างที่หลินชิงชิงกังวลจริงๆ จางกงหมิงไม่ใช่คนที่น่าไว้วางใจอีกต่อไป?

“จางกงหมิงพูดว่าอะไร?” หลินชิงชิงมองไปที่การแสดงออกของหลี่ฝาง ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว

“จางกงหมิงบอกว่า ตราบใดที่ผมไม่มาเมืองเอกของจังหวัด เขาก็จะไม่ลงมือกับผม” หลี่ฝางพูดไม่ออก “แต่ว่าผมต้องไปโรงเรียนในวันมะรืนนี้เพื่อรายงานตัวแล้ว”

“ผมคงจะมากลัวมู่เสี่ยวไป๋ จนแม้กระทั่งมหาลัยก็ไม่เรียนแล้วไม่ได้หรอกมั้ง?”

หลี่ฝางมองไปที่หลินชิงชิงอย่างไม่แน่ใจและเอ่ยถาม “พี่คิดว่าจางกงหมิงเอาจริงไหม หรือแค่ขู่ผมเท่านั้น?”

หลินชิงชิงส่ายหัวและเอ่ย “ฉันไม่รู้”

“ผู้ชายมากมายที่หลงใหลในอำนาจ จนกระทั่งมากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ พ่อของฉันก็เป็นคนที่หลงใหลในอำนาจนั้น เพื่อที่เขาจะได้เป็นพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันตก ไม่เพียงแต่เอาฉันเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยน แม้กระทั่งจางกงหมิง ที่เติบโตมากับพ่อของฉัน ก็ได้รับอิทธิพลนั้นมาด้วย เขาเองก็อยากเป็นพี่ใหญ่”

“ฉันจำได้ว่าหลายปีก่อน จางกงหมิงก็คิดจะจัดการกับลูกพี่หลี่แล้วเขามุ่งหน้าไปถึงเขตเมืองตะวันออก แต่ว่าพ่อของฉันคอยห้ามเขามาไว้ไม่ให้ทำแบบนั้น”

“ต่อมาลูกพี่หลี่เสียชีวิต เขาก็ได้รับตำแหน่งพี่ใหญ่เขตเมืองตะวันออกไป”

“ต่อมา จางกงหมิงฆ่าต้าเฉียง แต่ว่าทั้งสองคนนี้ ล้วนถูกอู๋เฟยหมายหัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นจางกงหมิงจึงไม่เป็นอะไร ฉันสงสัยมาตลอดว่า ทำไมเขาถึงไม่กลับไปที่ตงไห่และเป็นพี่ใหญ่ของตงไห่ต่อ”

“จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันได้ยินจากเสี่ยวโจวบอกว่า พี่น้องของจางกงหมิงทั้งหมดล้วนมาที่เมืองเอกของจังหวัดแล้ว พวกเขาวางแผนเป็นใหญ่ในเมืองเอกของจังหวัด อีกทั้งมู่เสี่ยวไป๋ก็ช่วยเขาอยู่เบื้องหลัง”

“เสือก็ได้รับการสนับสนุนจากมู่เสี่ยวไป๋ แต่เสือนั้นโอหังเกินไป หลายๆ ครั้งที่เขาไม่เห็นมู่เสี่ยวไป๋อยู่ในสายตา ดังนั้น มู่เสี่ยวไป๋จึงวางแผนที่จะสนับสนุนจางกงหมิงขึ้นมาเพื่อปรามเสือไว้”

หลังจากหลินชิงชิงพูดจบ เธอก็มองไปที่หลี่ฝาง “เสี่ยวฝาง ไม่ว่านายจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ล้วนหนีไม่พ้นการสนับสนุนจากทั้งด้านขาวและด้านดำ”

“ถ้ามีการสนับสนุนจากทั้งขาวและดำ ต่อไปนายทำธุรกิจขึ้นมาก็จะราบรื่น” หลินชิงชิงพูดกับหลี่ฝาง

“ขาว ตอนนี้นายไม่มี แต่ว่านายสามารถพัฒนาดำได้ เมื่อนายไปถึงในระดับหนึ่ง ขาวก็จะมาหานายเอง”

“ก็เหมือนกับพ่อของฉัน เมื่อก่อนเขาไม่รู้จักหม่าเทียน แต่ตอนนี้พอกลายเป็นพี่ใหญ่ของตงไห่ เขากับหม่าเทียนก็เจอกันอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งพ่อของฉันยังเคยได้เจอกับสวีจื่อโห้ด้วย” หลินชิงชิงกล่าว

ลูกพี่หลินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในตงไห่ ใครก็ไม่กล้าดูถูกเขา

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองไปที่หลินชิงชิง “พี่ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าวันนี้พี่ออกจะผิดปกติอยู่หน่อย!”

“ทำไม?”

“ดูเหมือนพี่จะคอยชี้แนะผมอยู่ตลอด ให้ผมเข้าไปคลุกวงการสีดำ” หลี่ฝางขมวดคิ้วและถาม “พี่ นี่พี่ตั้งใจหรือเปล่า?”

คำพูดของหลินชิงชิงเมื่อครู่นี้ แทบจะเรียกว่าเป็นการชี้ทางให้หลี่ฝาง

หลินชิงชิงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง “ฉันตั้งใจจริงๆ นั่นแหละ ฉันคิดว่าวันหนึ่งนายจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีพลังอำนาจมากกว่ามู่เสี่ยวไป๋ ถึงตอนนั้น ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว”

“แบบนี้นี่เอง”

หลี่ฝางหัวเราะ “ได้ พี่ ผมสัญญากับพี่ว่าผมจะเติบโตขึ้นในเวลาอันรวดเร็วที่สุด จากนั้นก็เหยียบมู่เสี่ยวไป๋เอาไว้ใต้เท้า”

หลินชิงชิงหัวเราะพรูด

แต่เดิมผ้าห่มนั้นปกคลุมอยู่ที่หน้าอกของหลินชิงชิงพอดี พอหลินชิงชิงหัวเราะ ก็ทำให้หลี่ฝางเห็นรูปร่างทั้งหมดของเธอ

“หลี่ฝาง จมูกของนายเป็นอะไร?”

หลินชิงชิงพูด จากนั้นจึงลุกขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชูมาจากโต๊ะข้างเตียงสองแผ่นแล้วส่งให้กับหลี่ฝาง

ทันในนั้น หลี่ฝางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

“พี่ พี่รับเข้าไปในผ้าห่มเร็ว” หลี่ฝางเอากระดาษทิชชูอุดจมูกขอตน

หลินชิงชิงหน้าแดง จากนั้นก็รีบเข้าไปในผ้าห่ม

“นาย…”

หลินชิงชิงมองไปที่หลี่ฝางอย่างโกรธ ๆ “ทำไมนายถึงได้ไม่ได้เรื่องแบบนี้?”

หลี่ฝางเองก็ไม่คาดคิดว่า ตนเองก็เลือดกำเดาไหลออกมา ได้

ครั้งที่แล้วตอนเห็นหลิวเฉียวเฉียว เขาก็ไม่มีเลือดกำเดาไหลนี่

หรือเป็นเพราะว่าวันนี้ตนกินแกะย่าง?

“พี่…ช่วยเอาให้ผมเพิ่มอีกสองใบได้ไหม….” หลี่ฝางพบว่าเลือดยังคงไหลออกมาจากจมูกของตน….

จากนี้ไปให้ตายยังไงก็ห้ามกินแกะย่างแล้ว ด้วยอายุของเขาตอนนี้ ไฟในตัวแต่เดิมก็ลุกโชนอยู่แล้ว

“ไปเอาเอง” เสียงของหลินชิงชิงไม่พอใจอยู่บ้าง

เมื่อครู่หลินชิงชิงเห็นว่าจมูกของหลี่ฝางมีเลือดออก ก็เลยกังวลไปจนลืมไปว่าตนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่

หลี่ฝางลุกขึ้น และเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่

ในขณะที่หลี่ฝางกำลังคว้ากระดาษทิชชู่ เลือดก็ไหลหยดออกมาจากจมูกของเขา

หลี่ฝางเอื้อมมือไปห้ามเลือดกำเดาไม่ให้ตกใส่ตัวของหลินชิงชิง…

แต่สุดท้าย หลี่ฝางกลับจับลงไปบนตัวของหลินชิงชิงแทน

ในเวลานั้น หลี่ฝางรู้สึกงงงันไปทันที ในขณะที่หลินชิงชิงก็มึนงงไปเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ไม่กี่วินาทีจากนั้น หลินชิงชิงก็ผลักหลี่ฝางออกอย่างแรงจนหลี่ฝางล้มลงกับพื้น

เสียงตุบดังขึ้น หลี่ฝางล้มลงไปใต้เตียงอย่างแรง

“นาย…นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินชิงชิงลดเสียงลง และถาม

หลี่ฝางสูดปากและเอ่ย “นับว่าผมเกือบตายไปแล้ว”

“สมควร” หลินชิงชิงทั้งขำทั้งโกรธ

“ใครใช้ให้มือนายชั่วขนาดนั้น” หลินชิงชิงเอ่ยอย่างเคืองๆ

“ผมไม่ได้ตั้งใจ” หลี่ฝางอธิบายอย่างแห้งแล้ง จากนั้นจึงผ้าห่มขึ้นสอดตัวเข้าไป

แต่ครั้งนี้ ตอนที่หลี่ฝางยกผ้าห่มขึ้น เขาออกแรงไปอย่างหนัก จากนั้นก็แอบมองเข้าไปในผ้าห่ม

ปฏิกิริยาของหลินชิงชิงรวดเร็วไม่น้อย เธอรีบกดผ้าห่มลงทันที

“เจ้าปีศาจตัวน้อย นับวันยิ่งกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์มากขึ้นเรื่อย ๆ “ หลินชิงชิงจ้องไปที่หลี่ฝาง

“ถ้านายทำแบบนี้อีก ก็ออกไปนอนโซฟาเถอะ” หลินชิงชิงขู่

หลี่ฝางที่ถูกมองออกก็อย่างยิ้มเก้อเขิน เขาสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม และไม่กล้าขยับมั่วซั่วอีก

“เสี่ยวฝาง หุ่นของฉันเป็นไง?”

หลังจากเงียบไปนานกว่าสิบนาที หลินชิงชิงเป็นฝ่ายแรกที่เริ่มทำลายความเงียบ

หลี่ฝางพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ รูปร่างของพี่สุดยอดมาก”

“นาย!” หลินชิงชิงหันหน้ากลับมา และเอื้อมมือไปหยิกเอวหลี่ฝางเข้า

หลี่ฝางร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“นายเห็นแล้วจริงด้วย” หลินชิงชิงมองไปที่หลี่ฝางด้วยความโกรธ

กับดัก!

หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง คำถามเมื่อกี้ ที่แท้ก็เป็นคำถามวัดชะตา

ในเวลานี้เอง ห้องข้างๆ ก็มีเสียงสวบสาบดังขึ้น

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย จู่ๆ เขาก็รู้สึกกระหายขึ้นมา “พี่ ฉนวนกันเสียงของชุมชนนี้ออกจะแย่ไปหน่อยนะ”

“ให้”

หลินชิงชิงยื่นที่อุดหูสองอันให้หลี่ฝาง “ใช้ที่อุดหูยัดเข้าหูของนาย จะได้ลดจินตนาการของนายลง”

หลี่ฝางหัวเราะ หลินชิงชิงกลัวขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?

หลี่ฝางรับมา จากนั้นก็อุดหูของตน ถึงแต่เขาจะไม่ได้ยินแล้ว แต่หลินชิงชิงกลับได้ยินมันตลอดเวลา

ทันใดนั้น หลินชิงชิงก็พลิกตัวไปมา และนอนไม่หลับอยู่บ้าง

หลี่ฝางเห็นว่าหลินชิงชิงผิดปกติไป เขาเอ่ย “พี่ พี่เป็นอะไร? ท้องไม่สบายใช่ไหม”

“ไปให้พ้น!” หลินชิงชิงถลึงตาใส่หลี่ฝาง “อย่ามาคุยกับฉัน”

หลี่ฝางตะลึงไปชั่วขณะ ตนเองทำอะไรอีกล่ะเนี่ย? เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ทำไมถึงยังโดนด่าอีก?

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย เป็นอีกหนึ่งคืนที่นอนไม่หลับ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท