NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 187

ตอนที่ 187

“เกรงใจไปแล้ว ความจริงผมก็ไม่ได้ทำอะไร แค่พูดคุยธรรมดาไปไม่กี่คำเท่านั้นเอง” หวงว่างโก๋พูดเรียบๆ

“พูดคุยธรรมดา”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า: “แต่คำพูดคุยธรรมดาไม่กี่คำของคุณ กลับช่วยขาของผมไว้ข้างหนึ่ง”

ในใจหลี่ฝางรู้ชัดเจนดี คำพูดไม่กี่คำนั่น ไม่ใช่คำพูดคุยธรรมดาเลย

หวงว่างโก๋เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าหลิวเหล่าซานไม่เพียงแต่เป็นคนขี้สงสัยมาก ยังเป็นคนที่รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่งอีกด้วย

คำพูดไม่กี่คำของหวงว่างโก๋ พูดถึงผลลัพธ์ที่ทำให้หลิวเหล่าซานกลัวพอดี ขณะเดียวกัน หลิวเหล่าซานก็เริ่มสงสัยฐานะของหลี่ฝางและถังหยู่ซวนขึ้นมา

ฐานะของหลี่ฝาง ดูไปแล้วธรรมดามาก แม้แต่หวงว่างโก๋ก็ตรวจสอบไม่เจออะไรเลย

และถังหยู่ซวน ขอแค่สืบข่าวดูนิดหน่อย ก็จะได้รับข่าวที่น่าตกใจ

ถึงเวลานั้น หลิวเหล่าซานจะปล่อยหลี่ฝางไป เพราะสาเหตุของถังหยู่ซวน

“พี่หวง ลูกพี่หลิวคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่? ผมเห็นพวกคุณคุ้นเคยกันดี” หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย

“หลิวเหล่าซานน่ะเหรอ? เขาเกิดมาจากนักพนันคนหนึ่ง ชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาได้เรียนรู้กลเม็ดนับพัน(วิธีการต่างๆในการหลอกลวงเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์) หลังจากที่ชนะพนันได้เงินมานิดหน่อย ก็เปิดห้องคาสิโนขึ้นมาร้านหนึ่ง”

“ห้องคาสิโนนั้นมัจฉามังกรผสมกัน(คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน) ก็ถือว่าเป็นสถานที่ดึงดูดทองคำแห่งหนึ่ง มีคนปล่อยเงินกู้ มีโสเภณี มีคนมากมายไปรวมกันอยู่ที่นั่น”

“ห้องคาสิโนของหลิวเหล่าซานค่อยๆกลายเป็นห่วงโซ่เศรษฐกิจช้าๆ เลี้ยงคนไม่น้อยให้มีรายได้ ไอ้คนที่จะตีขาคุณหักเมื่อกี้ ชื่อกวนจื่อ ตอนนี้เขาปล่อยเงินกู้อยู่ในที่ของหลิวเหล่าซาน แต่ว่าคนคนนี้มีแต่ความกล้าไม่มีกลยุทธ์ เท่ากับติดตามหลิวเหล่าซานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเลยเรียกหลิวเหล่าซานว่าลูกพี่”

“หลิวเหล่าซานไม่ทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ ความกล้าก็มีน้อยมาก แต่ว่า ลูกน้องของเขามีไม่ใช่น้อย นี่คุณก็เห็นแล้ว”

หวงว่างโก๋ยิ้มออกมา พูดว่า: “ตอนนี้เขาปีกกล้าขาแข็งแล้ว แม้แต่ผมก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว”

“เมื่อก่อนพี่หวงทำอะไรเหรอ?” หลี่ฝางซักถามคำหนึ่ง

“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงเลย” หวงว่างโก๋ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้พูดออกมา

แต่หลี่ฝางสามารถเดาได้ไม่ยาก หวงว่างโก๋คนนี้ เมื่อก่อนต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมากแน่ๆ

สามารถเปิดโรงแรมระดับห้าดาวได้ และไม่เห็นหยูเถิงและคนอื่นๆอยู่ในสายตา แค่เรื่องพวกนี้ หลิวเหล่าซานก็เทียบไม่ติดแล้ว

“เมื่อก่อนพี่หวงก็เคยเป็นคนในวงการใช่ไหม?” หลี่ฝางพูดอย่างมั่นใจ

หวงว่างโก๋พยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ: “สมัยนั้นตอนที่อายุเท่าคุณ อายุน้อยไม่รู้ความ คิดว่าการเป็นนักเลงมันเท่มาก ดังนั้นเลยเดินเข้าไปทางที่ไม่สามารถจะหันหลังกลับได้”

“แต่ว่าผมล้างมือในอ่างทองคำแล้ว(วางมือจากอำนาจ)” หวงว่างโก๋พูด

“ถ้าพี่หวงยังไม่ได้ล้างมือในอ่างทองคำละก็ คนตัวเล็กๆอย่างหลิวเหล่าซาน คุณน่าจะไม่เห็นอยู่ในสายตาใช่ไหม?” หลี่ฝางพูดหยั่งเชิง

“เรื่องแบบนี้ก็พูดยากอยู่ หากผมไม่ได้ล้างมือในอ่างทองคำ ไม่แน่อาจจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว วงการมาเฟียใต้ดินของเมืองเอก คนมีความสามารถปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายอยู่ตลอด เมื่อเร็วๆนี้ก็มีจางกงหมิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา กล้าหาญเด็ดขาดมาก เวลาแค่ไม่กี่วัน ก็ปักธงได้แล้ว” หวงว่างโก๋พูด

‘ปักธง’ ในที่นี้ ความจริงเป็นศัพท์เฉพาะอย่างหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า คนคนนี้มีชื่อเสียงพอที่จะทำให้คนรู้จักแล้ว

ได้ยินว่าจางกงหมิงปักธง ในใจของหลี่ฝาง มากน้อยก็มีความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

ถ้าหากว่าจางกงหมิงปักธงด้วยตัวเอง หลี่ฝางก็ต้องดีใจกับเขาอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือ เบื้องหลังของจางกงหมิงมีมู่เสี่ยวไป๋คอยสนับสนุนเขาอยู่

และมู่เสี่ยวไป๋ยังให้จางกงหมิงจัดการกับตัวเอง

คิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่ได้

“เสี่ยวฝาง ผมได้ยินมาว่าจางกงหมิงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณแล้ว”

หวงว่างโก๋มองไปที่หลี่ฝางอย่างค่อนข้างมีความหมาย พูดว่า: “เรื่องวันนี้ คุณแค่โทรศัพท์ไปหาจางกงหมิง หลิวเหล่าซานคนนั้น รับประกันได้เลยว่าไม่กล้าหาเรื่องคุณแน่”

หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น มองหวงว่างโก๋อย่างซับซ้อนแวบหนึ่ง

ก็ไม่รู้ว่าหวงว่างโก๋ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่

ในเมื่อหวงว่างโก๋รู้เรื่องที่ตัวเองกับจางกงหมิงรู้จักกัน นี่แสดงว่าเขาตรวจสอบตัวเองมาแล้ว

ในเมื่อเขาตรวจสอบตัวเองแล้ว จะไม่รู้เลยหรือว่าเขากับจางกงหมิงมีความขัดแย้งกัน?

และในตอนนี้ หวางเห้าก็มาถึงแล้ว

หวางเห้าขี่มอเตอร์ไซค์มา ล่วงหน้ารีบเร่งมาคนเดียวก่อน ไม่นานนัก มีคนหนึ่งมาถึงด้วยกัน

“เสี่ยวฝาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หวางเห้าถามด้วยความเป็นห่วง

หลี่ฝางส่ายหน้า: “ไม่มีอะไรแล้ว”

“คุณคนนี้คือ?” หวงว่างโก๋มองไปที่หวางเห้า สีหน้าแสดงออกถึงความสงสัย

ตาของหวงว่างโก๋ มองสังเกตไปที่หวางเห้าอยู่นานมาก

จากนั้น มุมปากของหวงว่างโก๋ก็มีรอยยิ้มแสดงออกมา: “มีเขาอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวหลิวเหล่าซานแล้ว”

หวางเห้าขมวดคิ้วขึ้นมา: “หลิวเหล่าซาน?”

“เมื่อกี้มีคนที่ชื่อหลิวเหล่าซานคนหนึ่งจะทำร้ายผม โชคดีที่ได้พี่หวงยื่นมือเข้าช่วยเอาไว้ ผมถึงได้ผ่านพ้นความลำบากมาได้” หลี่ฝางพูด

หวงว่างโก๋พูดแก้ไขให้ถูกต้อง: “ผมไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย ตอนนี้ผมเป็นแค่คนแก่โดดเดี่ยว(ไม่มีคู่สมรสไม่มีลูกหลาน)คนหนึ่ง ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิวเหล่าซานได้?”

“ผมแค่ช่วยคุณขู่ให้หลิวเหล่าซานกลัวเท่านั้นเอง”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

“ผมขอแนะนำหน่อย คนนี้คือพี่หวง เจ้าของโรงแรมว่างโก๋”

“คนนี้คือหวางเห้า พี่ชายที่แสนดีของผม และก็เป็นเจ้าของศูนย์อาบน้ำสุ่ยหยุนเทียน”

หลี่ฝางแนะนำทีละคน

“คุณก็คือหวางเห้าของสุ่ยหยุนเทียนคนนั้น?”

หวงว่างโก๋ตาสว่างขึ้นมาทันที มองดูหวางเห้าด้วยความสนใจ: “ผู้กล้าเกิดในวัยหนุ่มสาวจริงๆ ดูแล้วอายุของคุณ น่าจะยังไม่ถึงสามสิบมั้ง”

“ยี่สิบเจ็ด” หวางเห้าพยักหน้า

“ยี่สิบเจ็ด……” หวงว่างโก๋หรี่ตาลง: “มาเมืองเอกนานเท่าไหร่แล้ว?”

“ไม่ถึงหนึ่งเดือน”

สีหน้าหวงว่างโก๋เปลี่ยนไปครู่หนึ่ง: “มาเมืองเอกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็กล้าลงมือโหดกับลูกน้องของเสือ”

“ความกล้าของคุณ มีมากพอจริงๆ” บนใบหน้าของหวงว่างโก๋ มีความประหลาดใจเล็กน้อย

“สังคมนี้ จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้เกียจ(คนกล้าหาญจะประสบความสำเร็จและร่ำรวยคนขี้เกียจจะไม่ประสบความสำเร็จและยากจน) ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีผมก็เป็นหมาป่าที่หิวโซตัวหนึ่ง มีเนื้ออยู่ที่ตัวใคร ผมก็แทะเนื้อบนตัวคนนั้นกิน ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นเสือหรือสิงโต” หวางเห้าพูดออกมาอย่างไม่แยแส

หวางเห้าพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของหวงว่างโก๋ดูตะลึงไปเล็กน้อย

หวงว่างโก๋มองดูหวางเห้าที่อยู่ตรงหน้า เหมือนตัวเองในสมัยก่อนมาก

เพียงแต่ว่า หวงว่างโก๋ไหนเลยที่จะไม่เสียดายชีวิตขนาดนั้นอีก

“เนื้อบนตัวของเสือแทะกินไม่ง่าย คุณแทะเนื้อเขาหนึ่งชิ้น เขาจะให้คุณชดใช้ทั้งเนื้อและกระดูก คุณต้องระวังตัวหน่อย” หวงว่างโก๋พูดเตือนสติหวางเห้าคำหนึ่ง

หวางเห้ายิ้มพร้อมกับพยักหน้ามองไปที่หวงว่างโก๋ ถามคำหนึ่งว่า: “ขอบคุณสำหรับคำเตือนพี่หวง”

“คุณเป็นเพื่อนของชางสู่เหรอ? ผมจำได้ว่าศูนย์อาบน้ำสุ่ยหยุนเทียนร้านนี้ เป็นของ ชางสู่” หวงว่างโก๋เลิกคิ้ว แล้วถาม

“ไม่ใช่เพื่อน เป็นพี่น้อง”

หวางเห้าขยายมุมปากออกพูดแก้ไขให้ถูกต้อง:“เราสองคนเป็นพี่น้องที่ผ่านความยากลำบากและตายแทนกันได้”

“อ๊าย ชางสู่คนนี้ น่าเสียดายแล้ว……” พูดถึงชางสู่ หวงว่างโก๋ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ชางสู่คนนี้ แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นนักชกมวยใต้ดิน ภายหลังชกคนตาย ก็หลบซ่อนไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ หายไปจากวงการมวยใต้ดิน

หลังจากนั้น ชางสู่ก็มาที่เมืองเอก ค่อยๆสู้จนมีพื้นที่เป็นของตัวเอง

หวางเห้าลงมือกับคนของเสือ ความจริงแล้วเสือสามารถลงมือกับสุ่ยหยุนเทียนได้เลย

แต่เสือไม่ได้ทำแบบนั้น สาเหตุก็เพราะเกรงกลัวชางสู่

สุ่ยหยุนเทียนชางสู่เป็นคนเปิดขึ้นมา แค่เพราะคดีฆาตกรรมถูกคนรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ชางสู่เลยหลบหนีชั่วคราว แต่เขายังไม่ตาย

เสือรู้ว่าชางสู่ฝีมือดี ถ้าเกิดไปทำลายสุ่ยหยุนเทียน ถูกชางสู่รู้เข้า งั้นเสือนอนหลับก็ไม่กล้าปิดตาลง

พูดขึ้นมาแล้ว ชางสู่ก็เป็นบุคคลที่เก่งคนหนึ่ง บุคคลที่ทำให้คนเกรงขามคนหนึ่ง

“พี่หวงยังรู้จักชางสู่?” หวางเห้าถามในขณะที่จ้องหวงว่างโก๋

“ไม่ได้แค่รู้จัก ไอ้หมอนี่มากินฟรีดื่มฟรีที่ผมทุกวัน และก็ไม่จ่ายเงินด้วย ตอนนี้ยังเป็นหนี้ค่าข้าวผมก้อนใหญ่อยู่เลย” หวงว่างโก๋พูดเหมือนกับกำลังล้อเล่นอยู่

ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าหวางเห้ากลับขรึมขึ้นมา พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“พี่หวง ชางสู่เป็นหนี้โรงแรมพวกคุณเท่าไหร่ ผมจ่ายแทนเขา” หวางเห้ารีบพูดขึ้นมาทันที

“เหอะๆ ผมรอให้ชางสู่กลับมาใช้หนี้ผมดีกว่า” หวงว่างโก๋พูดพร้อมหัวเราะเหอะๆ

“ชางสู่พี่น้องผมอาจจะกลับมาไม่ได้แล้ว” หวางเห้าพูดด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจเล็กน้อย

“วางใจเถอะ ชางสู่จะกลับมาอยู่” หวงว่างโก๋ตบบ่าของหวางเห้า พูดว่า: “คุณคิดจริงๆหรือว่าที่ชางสู่หนีไป เพราะคดีฆาตกรรมดดีนั้น?”

“คดีฆาตกรรมเก่าๆไร้สาระแบบนั้น หนึ่งไม่มีหลักฐาน สองไม่มีพยาน ถึงแม้จะถูกรื้อฟื้นออกมา ชางสู่ก็ไม่เป็นไรหรอก” หวงว่างโก๋พูด

ได้ยินคำพูดนี้ หวางเห้าเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“พี่หวง ความหมายของคุณคือ การจากไปของชางสู่ ไม่ได้เป็นเพราะถูกคนรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมออกมา?”

หวางเห้าถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล: “พี่หวง คุณต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงที่ชางสู่จากไปแน่ บอกผมหน่อยได้ไหม?”

“ในเมื่อตอนที่ชางสู่จากไปไม่ได้บอกความจริงกับคุณ แสดงว่าเขาไม่อยากให้คุณรู้”

หวงว่างโก๋ยิ้มออกมาอย่างคนขี้เล่น: “แล้วคุณจะไปขัดความประสงค์ของชางสู่ทำไมล่ะ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท