NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 193

ตอนที่ 193

บทที่193 พี่ชายของฉินวี่เฟย

พี่ชายของฉินวี่เฟย?

หลี่ฝางตะลึงเล็กน้อย ที่แท้ผู้ชายคนนี้ขับเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ดได้ ที่แท้เขาก็เป็นคนของ ตระกูลฉินนี่เอง

ฉินจื่อยี่หัวเราะ ถามหลี่ฝาง:“น้องสาวผมไม่ได้บอกคุณเหรอ?”

หลี่ฝางส่ายหน้า:“เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ให้แค่นามบัตรคุณมาใบหนึ่ง”

“แล้วนามบัตรคุณนี้ ก็ไม่ได้เขียน เขียนแค่เบอร์โทรอย่างเดียว”

พูดจบ หลี่ฝางก็มองฉินจื่อยี่อย่างแปลกใจ มีใครบ้างทำนามบัตร แล้วเขียนแค่เบอร์ เขียนชื่อไว้หน่อยก็น่าจะดี

“ใช่สิ คุณยังไม่ตอบผมเลย คุณกับน้องสาวผมเป็นอะไรกัน?”ฉินจื่อยี่ถามอีกครั้ง

หลี่ฝางถามนิ่งๆ:“เพื่อนทั่วไปเฉยๆ”

“แค่เพื่อนทั่วไป?”

ฉินจื่อยี่มองหลี่ฝาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

“ไม่อย่างนั้นล่ะ?คุณคิดว่าผมกับน้องสาวคุณเป็นอะไรกัน?”หลี่ฝางเลิกคิ้ว แล้วถาม

“น้องเขย?”ฉินจื่อยี่เดา แต่ต่อมาก็ปฏิเสธความคิดคาดเดานี้:“ไม่มีทาง สายตาน้องสาวผมไม่แย่ขนาดนั้น”

หลี่ฝางได้ยินคำนี้ ก็ไม่โกรธ

อย่างน้อยคำพูดฉินจื่อยี่นี้ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง

ดูเหมือนฉินวี่เฟยไม่ได้เอาตัวตนของตัวเองไปบอกครอบครัวเธอ

เวลานี้ หลี่ฝางก็รู้สึกดีต่อฉินวี่เฟยมาก อย่างน้อย เธอก็เป็นคนที่สามารถเก็บความลับได้

“ใช่สิ คุณหาสวีเถิงเฟยทำไม?”ฉินจื่อยี่ถามอย่างแปลกใจ

“ถามเยอะทำไมเนี่ย”หลี่ฝางกลอกตาใส่ฉินจื่อยี่ หันหน้ากลับไปที่รถของตัวเอง

ฉินจื่อยี่เป็นคนใหญ่โตขนาดนั้น ทำไมเหมือนเด็กขี้สงสัยเช่นนี้?

หลี่ฝางหันแล้วออกไป จึงทำให้ฉินจื่อยี่โมโห

ฉินจื่อยี่โตมาขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าปฏิบัติต่อเขาแบบนี้เลย

“หยุด”ฉินจื่อยี่เปิดประตูรถ ตะโกนเรียกหลี่ฝาง

“มีอะไร?”หลี่ฝางถาม

“คุณชื่ออะไร”ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วถาม

“หลี่ฝาง”

“คุณชื่อหลี่ฝาง?”ฉินจื่อยี่มองหลี่ฝาง รีบเดินเร็วไม่กี่ก้าวเข้ามา

ฉินจื่อยี่มาตรงหน้าหลี่ฝาง สำรวจเขาอย่างละเอียด

“คุณที่ทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋?”ฉินจื่อยี่ลูบคางตัวเอง มองหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

หลี่ฝางพยักหน้า:“ใช่ ผมเอง”

“ที่แท้ก็คุณ ผมอยากเจอคุณมานานแล้ว ผมอยากเห็นมาตลอดว่า ใครกันที่กล้าขนาด แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ก็ยังกล้าทำร้าย!”

ฉินจื่อยี่ส่ายหน้า ผิดหวังหน่อยๆ

เดิมทีเขาคิดว่า คนที่กล้าทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋ จะต้องเป็นคนเก่งกาจเหนือคนธรรมดา มองไปแล้วแตกต่าง

แต่หลี่ฝางล่ะ เป็นคนธรรมดาที่ธรรมดาสุดๆ

คนที่ธรรมดาสุดๆแบบนี้ ทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋?

“ผมอิจฉาคุณจริงๆ”ฉินจื่อยี่มองหลี่ฝาง แล้วพูด

“อิจฉาอะไร?”หลี่ฝางถามต่อ

“เห้อ เมื่อหลายปีก่อน ผมไม่สะดุดตามู่เสี่ยวไป๋ผู้ชายคนนั้นเลย อยากจะจัดการเขาสักดอก แต่ทุกการกระทำของผมต่างส่งผลกระทบต่อตระกูลผมหมด ดังนั้น ผมจึงได้ข่มตัวเองไว้ตลอด”

ฉินจื่อยี่ตบไหล่ของหลี่ฝาง พูดว่า:“ดังนั้นผมเลยอิจฉาคุณ เป็นอิสระ อยากทำร้ายใครก็ทำ”

หลี่ฝางพูดไม่ออก นี่มีอะไรให้น่าอิจฉา?

มู่เสี่ยวไป๋ไม่ทำร้ายลู่หลุ่ย ตัวเองก็ไม่มีทางทำร้ายเขา

หลี่ฝางมองฉินจื่อยี่ ถาม:“สวีเถิงเฟยน่าจะถึงประมาณกี่โมง?”

“อย่างน้อยก็ต้องครึ่งชั่วโมงแหละ”

ฉินจื่อยี่หัวเราะ:“คุณไปหาสวีเถิงเฟย คงไม่ใช่ว่าจะทำร้ายเขานะ?”

“ถูกคุณดูออกแล้ว”หลี่ฝางหัวเราะนิ่งๆ

ตอนนี้ สีหน้าของฉินจื่อยี่ ก็ดูแย่ขึ้นทันที

ตัวเองเอาคนหายนะมาแล้ว

ฉินจื่อยี่แอบด่า:ฉินวี่เฟยยัยเด็กนี่ รอไปเจอเธอก่อน ดูสิ ผมจะจัดการเธอยังไง

ฉินจื่อยี่พาหลี่ฝางมาที่นี่ เดี๋ยวถ้าหลี่ฝางถูกสวีเถิงเฟยทำร้าย สวีเถิงเฟยจะต้องเกลียดตัวเองแน่

หลี่ฝางมองความกังวลของฉินจื่อยี่ออก จึงพูด:“วางใจเถอะ ผมไม่บอกสวีเถิงเฟยแน่ ว่าคุณพาผมมา”

ฉินจื่อยี่คิด หัวเราะเบาๆไป:“ที่จริงก็ไม่มีอะไร ตระกูลฉินของเรากับตระกูลสวี ก็ไม่มีความร่วมมือทางผลประโยชน์ที่ค่อนข้างใหญ่กันนัก ดังนั้นถึงแม้ทำให้สวีเถิงเฟยขุ่นเคือง ก็ไม่เป็นไร”

ถึงแม้ปากของฉินจื่อยี่จะพูดไม่เป็นไร แต่ในใจนั้นแคร์สุดๆ

ยังไงก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน ทำให้คนหนึ่งขุ่นเคือง ก็เท่ากับทำลายเส้นทางของตัวเอง

“ตอนนี้ยังมีเวลา มาแข่งสักครั้งไหม?”

ฉินจื่อยี่ถาม

“ผมแข่งรถไม่เป็น”หลี่ฝางส่ายหัวแล้วพูด

ถึงแม้ตั้งแต่เด็กหลี่ฝางจะเรียนขับรถ แต่เทคนิคขับรถก็ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเขาหมาป่าที่ทางโค้งเยอะมากขนานนี้ หลี่ฝางไม่เอาตัวเองมาล้อเล่นแน่

แข่งรถเสี่ยงตายแบบนี้ แน่นอนว่าหลี่ฝางทำไม่ได้

“ดูสมองผมสิ ผมเห็นคุณเป็นคนขับที่เขาหมาป่าแล้ว”ฉินจื่อยี่ตบหัวตัวเอง พูดว่า:“คุณมาหาสวีเถิงเฟยต่างหาก”

“ผมจะไปวอร์มเครื่อง มาลองสัมผัสความรู้สึกแข่งรถกับผมหน่อยไหม?”ฉินจื่อยี่พูดเชื้อเชิญหลี่ฝาง

หลี่ฝางส่ายหน้าพูด:“ผมยังอยากมีชีวิตอยู่อีกนาน”

“นี่หมายความว่าไง ผมเล่นอยู่ที่เขาหมาป่ามาตั้งหลายปี ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรเลย”

“อีกอย่าง ที่นั่งข้างคนขับผมรับแค่สาวสวยเท่านั้น ไม่เคยชวนผู้ชายที่ไหนมาก่อน”ฉินจื่อยี่พูด

หลี่ฝางยังคงส่ายหน้า:“ยังไงซะผมก็ไม่สนใจ”

หลี่ฝางคิดว่า แข่งรถคือการกระทำอย่างหนึ่งที่ความเสี่ยงสูง

และก็มีแค่พวกลูกเศรษฐีที่รู้สึกเบื่อชีวิต ถึงได้คิดจะลอง

หลี่ฝางไม่คิดเช่นนั้น

พอเห็นหลี่ฝางปฏิเสธ ใบหน้าฉินจื่อยี่ก็ผิดหวังหน่อยๆ:“ผมคิดว่าคุณจะกล้าหาญมาก คิดไม่ถึงว่าความกล้าของคุณจะนิดเดียว”

“ผมแค่วอร์มเครื่องเท่านั้น ความเร็วของรถไม่เร็วหรอก”ฉินจื่อยี่พูดอย่างดูถูก

“คุณแน่ใจ?”หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“แน่นอน แค่วอร์มเครื่อง ไม่ได้แข่งกับใคร เพื่อให้คุ้นกับเส้นทางเท่านั้นเฉยๆ”ฉินจื่อยี่พูดชวนอีกครั้ง:“มาน่า ผมขับรถคนเดียว ก็น่าเบื่อสุดๆ”

เมื่อก่อนแข่งรถที่เขาหมาป่า ข้างถนนต่างยืนเต็มไปด้วยสาวสวยหลายประเภท แซ่บๆ

บนตัวพวกเธอสวมบิกินี่ แต่ละคนสูง และมีหุ่นนางแบบ

แต่วันนี้ฉินจื่อยี่มาเร็วเกิน ดังนั้น จึงได้แต่จับผู้ชายไป แล้วก็เลือกหลี่ฝางคุณชายคนนี้

หลี่ฝางเข้าไปในเฟอร์รารี่ของฉินจื่อยี่ รู้สึกว่ารถหรูมาพร้อมกับความรู้สึกสบาย

“รถนี้ประมาณเท่าไหร่?”หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม

“ไม่เท่าไหร่หรอก”ฉินจื่อยี่หัวเราะนิ่งๆ พูด:“แค่สิบล้าน”

“แพงขนาดนี้เชียว?”หลี่ฝางตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่แค่ราคาของเฟอร์รารี่ แต่เป็นน้ำเสียงที่ฉินจื่อยี่พูด

แค่สิบล้าน?

น้ำเสียงที่พูดนี้ ทำไมเหมือนตัวเองขนาดนั้น?

หรือว่าตระกูลฉิน รวยเหมือนตระกูลตัวเอง?

“นี่คือรถตอนวันเกิดยี่สิบปีของผม ปู่ผมให้ผมมา รถคันนี้ มีขายจำกัดทั้งโลก ยากที่จะซื้อมามาก ที่เมืองเอก นับได้แค่สามคันแหละ”ฉินจื่อยี่พูด

“ยังมีรถใครที่แพงกว่าคุณอีก?”หลี่ฝางถามนิ่งๆ

“มู่เหวินตง รถสปอร์ตของเขา ราคาสิบหกล้าน เขาคือนักแข่งรถ”

พูดถึงมู่เหวินตง ฉินจื่อยี่ก็ถอนหายใจ:“น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาถูกคนทำจนพิการ”

“มู่เหวินตงคือคู่ต่อสู้ที่น่านับถือคนหนึ่ง เขาไม่ใช่แค่เป็นนักแข่งรถฝีมือดี แต่ยังเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ และเขายังได้เป็นทายาทหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมู่ตั้งนานแล้วด้วย”

“แต่ตอนนี้ ตำแหน่งนี้ กลับกลายเป็น ของมู่เสี่ยวไป๋ไปแล้ว”

ฉินจื่อยี่หัวเราะอย่างดูถูก:“ดูละกัน ตระกูลมู่จะต้องตกต่ำ”

“ทำไม?”หลี่ฝางถาม

“เพราะว่ามู่เสี่ยวไป๋เทียบกับมู่เหวินตงพี่ของเขาแล้ว เทียบไม่ติดสักนิด”ฉินจื่อยี่ทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่ปริปากพูด:“เขาก็แค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง”

“ไร้คาวมสามารถขนาดนั้นเชียว?”

หลี่ฝางกลับไม่คิดเช่นนั้น มู่เสี่ยวไป๋สนุบสนุนเสือได้ แล้วยังสนับสนุนจางกงหมิงอีก ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

ถ้ามู่เสี่ยวไป๋เป็นแค่ขยะจริงๆ งั้นเสือ จะยอมเขาได้ยังไง?

“ที่จริง ผมคิดมาตลอดว่า คนที่ทำร้ายมู่เหวินตงจนพิการ ก็คือมู่เสี่ยวไป๋”มองหลี่ฝาง จู่ๆฉินจื่อยี่ก็พูด:“ครอบครัวที่ต่อสู้เพื่ออำนาจแบบนี้ ผมเห็นมาเยอะแล้ว”

“ผมได้ยินว่าคนที่ชินมู่เหวินตงจนพิการ และก็เป็นนักแข่งรถฝีมือดี เทคนิครถของเขา เกือบจะไปอยู่ถึงจุดยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว คืนวันนั้น ผู้มีอำนาจทุกคนของเมืองเอกกำลังตามจับเขา แต่เขาก็หนีไปได้”

“แล้วก็หนีไปจากเขาหมาป่า”

ฉินจื่อยี่ตาเป็นประกาย พูดอย่างคาดหวัง:“พูดตรงๆนะ ผมอยากจะแข่งรถกับคนนี้สักครั้งจริงๆ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท