NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 205

ตอนที่ 205

บทที่205 เซี่ยลู่ถูกบังคับ

ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง พลางยิ้มแล้วพูด: “เจ้านาย คุณอย่ามาโกหกฉันนะ แฮมเบอร์เกอร์สิบอันนะ”

“วางใจเถอะ ไม่เป็นไร” หลี่ฝางพยักหน้า ก่อนจะเร่ง: “รีบลงมือเถอะ”

ส้าวส้วยมองตู้เฟย ด้วยสีหน้านิ่งไป

“แฮมเบอร์เกอร์สิบอันก็ซื้อชีวิตฉันได้แล้วเหรอ?ล้อเล่นอะไรเนี่ย”

เมื่อตู้เฟยได้ยินก็พูดอะไรไม่ออกเลย เขารีบมองไปทางส้าวส้วยพลางพูดออกมา: “คุณอย่าเข้ามานะ ฉันให้แฮมเบอร์เกอร์ร้อยอันเลย”

“แฮมเบอร์เกอร์ของคุณน่ะมันสกปรก ฉันไม่เอาหรอก”

ส้าวส้วยส่ายหัว ก่อนจะเดินเข้ามาหาตู้เฟย

ตู้เฟยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เพียงแวบเดียวก็ฉีกเสื้อผ้าจนขาดรุ่งริ่ง แล้วโยนขึ้นไปในอากาศ

……

หลี่ฝางพูดอะไรไม่ออก ยอมตายแต่ไม่ยอมถอดเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ?

ส้าวส้วยยังไม่ได้ลงมือเลย ตู้เฟยก็ถอดเสื้อผ้าแล้ว

ทำไมไม่แน่วแน่เลยนะ

หลี่ฝางส่ายหัวด้วยความผิดหวัง พลางมองตู้เฟย: “เมื่อครู่ฉันยังชมอยู่เลยว่าคุณแน่วแน่ดี”

ตู้เฟยทำปากมุบมิบ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่กลับเก็บเอาไว้

“ตู้เฟย ฉันว่าทำไมคุณถึงปล่อยฉันไปไม่ได้สักทีล่ะ?” หลี่ฝางนั่งยองลง พลางมองตู้เฟยแล้วถาม

ตอนนี้เซี่ยลู่กลับมาอยู่ข้างๆ เขาแล้ว และความลับที่ตู้ต้าไห่ล้มละลายนั้น ถึงหลี่ต๋าคางจะรู้ แต่ตู้เฟยนั้นไม่รู้ความจริงของมันเลย

หลี่ฝางไม่ค่อยเข้าใน ว่าทำไมตู้เฟยถึงปล่อยตัวเองไปไม่ได้สักที?

คำถามนี้ มันทำให้ตู้เฟยอึ้งไป

ในตอนนั้น ตู้เฟยเองก็ไม่ได้ตอบ

จนสุดท้าย ตู้เฟยถึงจะหาคำตอบมาได้

เพราะว่าเขาคิดว่าหลี่ฝางเป็นคนอ่อนแอมาตลอด แต่ตัวเองนั้น ในฐานะที่เป็นลูกหลานเศรษฐี กลับมาตกอยู่ในมือคนอ่อนแอไร้ความสามารถแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

ดังนั้น ตู้เฟยเลยอยากจะทำร้ายหลี่ฝาง เพื่อหาความเคารพจากการเป็นผู้ชนะกลับคืนมา

“ไม่พูดก็ช่างมันเถอะ”

เมื่อเห็นว่าตู้เฟยไม่ตอบสักที หลี่ฝางเลยส่ายหัวพลางพูดออกมา: “ในเมื่อแพ้แล้ว ก็ต้องได้รับโทษ”

“สวีเถิงเฟย มานี่หน่อย” หลี่ฝางเลยตะโกนไปหาสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟยในตอนนั้น กำลังขดตัว แล้วนั่งยองอยู่ในมุมหนึ่ง

เมื่อได้ยินหลี่ฝางเรียก ในใจเขาก็อดที่จะสั่นคลอนไม่ได้ เขาคิดในใจ ว่าไอสารเลวหลี่ฝางอยากจะจัดการตัวเองอย่างไรกันนะ?

“ส้าวส้วย ฉันเรียกแล้วสวีเถิงเฟยไม่ตอบเลย คุณช่วยฉันเรียกเขาหน่อยสิ” หลี่ฝางพูดออกมา

ส้าวส้วยส่ายหัว พลางพูดออกมา: “ฉันไม่ชอบพูดมาก ชอบลงมือเลยมากกว่า”

ส้าวส้วยคิดว่า การลงมือทำมันได้ผลมากกว่า

ส้าวส้วยเลยเดินไปหาสวีเถิงเฟย ยังไม่ทันเดินไปอยู่ตรงหน้าสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟยก็รีบลุกขึ้นมา ก่อนจะวิ่งมาหาหลี่ฝาง

“กอดเขา” หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟย พลางชี้ไปหาตู้เฟยที่อยู่ที่พื้นแล้วพูดออกมา

“กอดเขางั้นเหรอ?” สวีเถิงเฟยมองตู้เฟย แววตามีแต่ความรังเกียจ

มือทั้งสองข้างของเขา ใช้เพื่อโอบสาวๆ ไม่ได้เอาไว้มาโอบตู้เฟย

กอดตู้เฟย คงจะสะเทือนจิตใจมากเลยล่ะ

“จะกอดไม่กอด?” หลี่ฝางถามอีกครั้งหนึ่ง

สวีเถิงเฟยเหมือนจะทำไม่ลง

“ส้าวส้วย” หลี่ฝางส่งความอาฆาตออกมา

“ฉันกอดๆ” สวีเถิงเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะนั่งยองลงกอดตู้เฟย

ตู้เฟยยังขัดขืนในตอนแรก สวีเถิงเฟยด่าออกไป: “คุณจะขัดขืนหาพระแสงอะไร คุณคิดว่าฉันอยากจะกอดคุณมากนักเหรอ”

“ไม่อยากตายก็หยุดซะ” สวีเถิงเฟยพูดออกมาเสียงเย็นชา

“ถ้าเกิดพวกเขาไม่สนใจ แล้วเอาพวกเราโยนเข้าไปในป่าให้หมาป่ากิน พวกเราจะต้องตายแน่นอน”

ในตอนนั้นเอง มีเสียงหมาป่าดังออกมา

ตู้เฟยกับสวีเถิงเฟย ทั้งสองคนสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน

หลี่ฝางกลัวนิดหน่อย เพราะถึงอย่างไรหมาป่ามันจะเล่นๆ แต่ก็กินคนได้อยู่ดี

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะถ่ายภาพ

ในตอนนั้นเอง ตู้เฟยกับสวีเถิงเฟยตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณจะถ่ายทำไม?” ตู้เฟยมองหลี่ฝางด้วยความจริงจัง

สวีเถิงเฟยยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียงในเมือง มากกว่าตู้เฟยด้วยซ้ำ

ถ้าเกิดรูปนี้มันถูกเผยแพร่ออกไป ตระกูลสวีจะต้องเสียหน้าเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาแน่นอน

“หลี่ฝาง คุณอย่ามาทำแบบนี้นะ มันผิดกฎหมายนะ” สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝางด้วยความกลัว

หลี่ฝางหัวเราะขึ้น พลางพูดออกมา:“วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางปล่อยอยภาพนี้หรอก”

“ฉันแค่ค่ายเล่นเท่านั้นเอง” หลี่ฝางพูดออกมา

คำพูดของหลี่ฝาง แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังไม่เชื่อเลย

ไม่ปล่อยภาพ แล้วจะถ่ายทำไม?

“จริงสิ เอาโทรศัพท์ของพวกคุณกับกุญแจรถมาให้ฉัน” หลี่ฝางยื่นมือไปหาสวีเถิงเฟยกับตู้เฟย พลางพูดออกมา

“คุณจะเอาโทรศัพท์ของพวกเราไปทำไมกัน?” สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝางด้วยความแปลกใจ

หลี่ฝางขี้เกียจตอบ เลยส่งสายตาให้ส้าวส้วย: “ส้าวส้วย เดี๋ยวจะเลี้ยงคุณด้วยแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้น เอาโทรศัพท์ของพวกเขากับกุญแจรถมาให้ได้”

ส้าวส้วยออกตัวทีเดียว สวีเถิงเฟยกับตู้เฟยเป็นต้องยอม

ทั้งสองคนเอาโทรศัพท์กับกุญแจรถออกมา

ในตอนนั้นเอง ส้าวส้วยจ้องนาฬิกาของสวีเถิงเฟย

“นาฬิกาของคุณสวยจังเลยนะ”

ส้าวส้วยถามสวีเถิงเฟย: “ขอยืนสักสองวันได้ไหม?”

สีหน้าของสวีเถิงเฟยมืดมนลง นี่มันเป็นโรเล็กซ์แบบพรายน้ำเลยนะ ราคาตั้งเจ็ดหมื่นกว่าแหนะ

“ฉันจะเอาไปสองวัน เดี๋ยวผ่านไปสองวันแล้วจะคืนให้คุณ” ส้าวส้วยพูดออกมา

“ทำไม คุณไม่เต็มใจเหรอ?” เสียงของส้าวส้วย จู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมา

“เต็มใจๆ” สวีเถิงเฟยจะกล้าบอกว่าไม่เต็มใจได้อย่างไรกัน

ถ้าเกิดทำให้ส้าวส้วยโกรธ ส้าวส้วยจะทำเหมือนกับที่ทำกับเหยโก่ว โดยการโยนเข้าไปในป่าจะทำอย่างไร?

ตัวเองไม่มีลูกน้องแบกขึ้นมาด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นแบบนั้น คงต้องเป็นอาหารของหมาป่าแล้วใช่ไหม?

สวีเถิงเฟยเลยรีบเอานาฬิกาของตัวเองให้ส้าวส้วย

ส้าวส้วยเอามาใส่ในข้อมือของตัวเอง พบว่ามันเหมาะสมมากเลยล่ะ: “ทำไมใส่แล้วมันพอดีขนาดนี้ ซื้อให้ฉันใช่ไหมล่ะ?”

“พี่ส้วย ถ้าคุณอยากได้ก็จะให้คุณ” สวีเถิงเฟยพูดออกมา

สวีเถิงเฟยเองก็รู้ ว่าถ้าเอานาฬิกาเรือนนี้ให้ส้าวส้วยไปแล้ว ก็เหมือนเอาซาลาเปาไส้เนื้อให้หมากิน ไม่มีทางได้คืน

ส้าวส้วยไม่มีทางคืนแน่นอน ตัวเองก็ไม่กล้าพอที่จะไปขอคืน

ยอมให้ไปยังจะดีเสียกว่า

“จะรับไว้เฉยๆ ได้อย่างไรกัน” ส้าวส้วยค้นในกระเป๋าของตัวเอง ก็หยิบเงินห้าสิบมาให้

“ครั้งก่อนฉันมองเห็นมันที่แบกะดิน เหมือนจะราคาสามสิบแปดมั้ง ช่างมันเถอะ ฉันให้คุณห้าสิบ ไม่ต้องทอนนะ” ส้าวส้วยยัดเงินจำนวนห้าสิบใส่มือของส้าวส้วย ก่อนจะยิ้มขึ้น

ส้าวส้วยคำนวณมาดี

นี่มันเป็นโรเล็กซ์ ถ้าเกิดว่าสวีเถิงเฟยไปแจ้งความ ก็จะถือว่าส้าวส้วยแย่งมา

เขาให้สวีเถิงเฟยไปแล้วห้าสิบ ตำรวจก็ทำได้แค่ให้ข้อหาบังคับขาย ถึงจะจัดการจริงๆ อย่างน้อยก็แค่คืนนาฬิกาไปก็จบ

ความต่างระหว่างการแย่งมาเป็นของตนกับการบังคับซื้อขาย มันต่างกันมากเลยล่ะ

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็เอาเสื้อผ้าของสวีเถิงเฟยกับตู้เฟยโยนเข้าไปในป่า

เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าถูกโยนไป สวีเถิงเฟยกับตู้เฟยก็มองกัน ด้วยความร้อนใจ

“เซี่ยลู่ คุณขับรถเป็นไหม?” หลี่ฝางมาอยู่ตรงหน้าเซี่ยลู่ พลางถามออกไปประโยคหนึ่ง

“ฉันเพิ่งได้ใบขับขี่มาเอง เพิ่งจะผ่านแบบทดสอบที่สองไป……”

เมื่อหลี่ฝางได้ยินดังนั้น ก็เอากุญแจรถของเบนซ์ส่งให้เซี่ยลู่: “เดี๋ยวคุณตามหลังฉันมา ขับเบนซ์ลงไป”

“ได้……” เซี่ยลู่ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะรับกุญแจไป

เซี่ยลู่ขอร้องตู้เฟยอยู่นาน ตู้เฟยหลับไม่ให้เซี่ยลู่ขับเลย มาวันนี้ ได้โอกาสแล้ว

จากนั้น หลี่ฝางก็เอากุญแจรถของเบ๊นซ์โยนให้ส้าวส้วย: “ส้าวส้วย คุณขับเบนท์ลีย์ ตามหลังเซี่ยลู่ แล้วดูแลเธอสักหน่อย”

“ได้เลย” ส้าวส้วยพยักหน้า

ในตอนนั้นเอง สวีเถิงเฟยถามด้วยความร้อนใจ: “พี่ฝาง คุณขับรถของพวกเราไปแล้ว แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”

หลี่ฝางยิ้มขึ้น พลางพูดออกมา: “ตอนนี้ พวกคุณเดินลงไปก็ได้”

“รถของพวกคุณ เดี๋ยวพวกเราจะจอดไว้ที่ตีนเขา” หลี่ฝางพูดออกมา

“ไปละ”

พูดจบ หลี่ฝางก็ขึ้นไปบนรถเบนซ์G-Class

เซี่ยลู่มองตู้เฟย เมื่อครู่จะพูดอะไรสักอย่าง หลี่ฝางตะโกนออกมา: “เซี่ยลู่ ขึ้นรถ”

เซี่ยลู่ขบริมฝีปาก ทำได้แค่ขึ้นรถเบนซ์ไป

เมื่อเห็นรถของตัวเองถูกขับออกไป ตู้เฟยกับสวีเถิงเฟยก็โกรธจนด่าออกมา

“ให้ตายเถอะไอสารเลวนี่”

“ไม่มีรถแล้ว พวกเราจะกลับไปอย่างไรกัน?”

“ไม่มีโทรศัพท์ พวกเราขอความช่วยเหลือไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือว่าถนนเส้นยาวขนาดนี้ พวกเราต้องเดินไปจริงๆ เหรอ?งั้นพวกเราจะต้องเดินไปถึงเมื่อไหร่กัน?”

ในตอนนั้นเอง ในป่าก็มีเสียงของหมาป่าหอนดังออกมา

สวีเถิงเฟยกัดฟัน: “อย่าบ่นเลย รีบไปกันเถอะ”

เมื่อเซี่ยลู่กับคนอื่นๆ ขับรถลงจากเขาไป ก็ขึ้นรถของหลี่ฝางนั้นก็คือเบนซ์G-Class

ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางหันไปมองเซี่ยลู่: “เซี่ยลู่ เกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอ ทำไมคุณถึงอยู่กับตู้เฟยล่ะ?”

“ฉันเองก็ถูกบังคับ” เซี่ยลู่ส่ายหัวอย่างไร้ทางเลือก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท