NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 203

ตอนที่ 203

บทที่203 อีกฝ่ายตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ได้ยินเสียงตะโกนของส้าวส้วย ร่างกายของเหยโก่ว ก็ตื่นตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

มันสั่นไปถึงจิตวิญญาณ

เหยโก่วที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าๆ ร่างกำยำน่าเกรงขาม ทำไมถึงได้กลัวส้าวส้วยที่อายุเพียงยี่สิบกว่าเท่านั้นขนาดนี้นะ?

นั่นก็เพราะว่าสายตาของส้าวส้วย มันมีแต่ความอาฆาต

จากแววตาของส้าวส้วยนั้นเหยโก่วก็รู้ได้เลยในทันที ว่านายคนนี้ไม่ได้เคยฆ่าแค่คนเดียวแน่นอน ต้องมีคนอีกเยอะมาก

เหมือนกับจางกงหมิง เขาเองก็เคยฆ่าคนมาก่อน แต่ว่าจะให้เขาฆ่าคนอีกนั้น เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี

แต่ส้าวส้วยนั้นไม่เลย

แววตาของส้าวส้วย มีความรู้สึกที่เหมือนเห็นคนเป็นผักปลา

เพียงแค่ฆ่าคนมาเยอะนั้น ก็สามารถทำให้ไม่แยแสชีวิตต่างๆ แบบนั้นได้

เหยโก่วรู้ ว่าคนแบบนี้ ตัวเองไม่มีทางหาเรื่องได้แน่นอน

จึงหันกลับไป จากนั้นเหยโก่วมองส้าวส้วย แล้วยิ้มขึ้นด้วยความเคารพ: “คุณชายคนนี้ อยากจะกำชับอะไรไหม?”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป สวีเถิงเฟยกับตู้เฟยทั้งสองคน ก็งงไปเลย

ลูกน้องของเหยโก่วเองก็เหมือนกัน พวกเขามองลูกพี่ของตัวเองตาค้าง พลางถาม: “ลูกพี่ คุณถูกโดนของใช่หรือเปล่า?”

“บ้าหรือเปล่า!” เหยโก่วกลอกตามองลูกน้อง

“หุบปากให้หมด อย่าพล่ามอะไรออกมา ได้ยินไหม?” เหยโก่วกลัวว่าลูกน้องจะพูดอะไรไม่เข้าหู แล้วยั่วโมโหส้าวส้วย เลยรีบเตือน

ส้าวส้วยโบกมือให้เหยโก่ว พลางพูดออกมา: “มานี่……”

เหยโก่วลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างเกรงกลัว

“คุณวิ่งเร็วดีนะ”

ส้าวส้วยมองบนใส่เหยโก่ว ก่อนจะพูดออกมา: “คุณลืมคำพูดของเจ้านายของพวกเราแล้วใช่ไหม?”

เหยโก่วอึ้งไปสักพัก ก่อนจะถาม: “พูดอะไรเหรอ?”

“คุณอายุไม่เท่าไหร่เอง ทำไมเป็นโรคหลงลืมแบบนี้แล้วล่ะ?”

ส้าวส้วยมีสีหน้านิ่งลงไป: “เจ้านายฉันให้ทางเลือกคุณสองทาง หนึ่ง คุกเข่าแล้วเรียกเจ้านายฉันด้วยความเคารพ สอง ฉันจะโยนคุณเข้าไปเป็นอาหารหมาป่าในป่า”

“เจ้านายฉันให้คุณเลือก แต่ไม่ได้บอกให้คุณหนีไป!”

ส้าวส้วยยกขาขึ้น ก่อนจะเตะเหยโก่ว

เหยโก่วถูกเถอะแล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร

“วันนี้ลูกพี่เป็นอะไร?ทำไมเชื่อฟังขนาดนี้”

“นั่นนสิ ปกติ นอกจากพี่เหยสงแล้ว ลูกพี่ก็ไม่เคยกลัวใครเลย”

“พวกคุณเห็นหรือเปล่า ว่าลูกพี่กลัวไอหนุ่มนี่ เหมือนกับที่กลัวพี่เหยสงเลย ไม่สิ ขี้ขลาดกว่าอยู่ต่อหน้าพี่เหยสงเสียอีก”

“งั้นไอหนุ่มนี่มันเล่นเวทมนต์อะไรหรือเปล่า เลยบังคับลูกพี่ได้น่ะ?”

คนของเหยโก่วพูดกันไปต่างๆ นานา จนเหมือนจะมีเสียงซุบซิบขึ้นมาเล็กๆ

“คุณว่า ลูกพี่ของพวกเราจะต้องมาเคารพและคุกเข่าให้กับไอหนุ่มน้อยนี่ไหม?”

“แต่ก็ไม่แน่ ตอนนี้ลูกพี่ของพวกเราเหมือนโดนของเลยล่ะ”

“ถ้าเกิดว่าเขาคุกเข่าลงแล้วเคารพ จากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าเกิดเรื่องนี้มันถูกเผยแพร่ออกไป?คุณว่า ชื่ออย่างเหยโก่ว จะถูกหัวเราะเยาะหรือเปล่า?”

“ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเราอย่าอยู่กับเขาอีกเลย มันน่าอายจริงๆ”

คนหลายคนพยักหน้า พลางมองเหยโก่ว

ถ้าเกิดเหยโก่วคุกเข่าลงจริงๆ คนพวกนี้จะต้องไม่อยู่กับเหยโก่วแล้วแน่นอน

มาอยู่กับลูกพี่แบบนี้ ไม่ใช่แค่ไม่มีอนาคต แต่เดินไปที่ไหน ก็จะถูกเหยียดหยาม

มาอยู่กับคุณแบบนี้ เสียหน้าจริงๆ จะอยู่ต่อทำไมล่ะ!

หน้าของเหยโก่วนั้นดูไม่ได้เลย จะให้คุกเข่าลงแล้วเรียกอย่างนอบน้อมงั้นเหรอ?เขาทำไม่ได้หรอก

ถ้าเป็นเหยสง เขาคงยอมคุกเข่าลง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นพี่ชายเขา พี่ชายแท้ๆ ของเขา เขาก็คุกเข่าลงได้

ถ้าเกิดว่าหลี่ฝางเป็นคนอายุสักเจ็ดสิบ แล้วก็เป็นคนที่คนในเมืองต่างเคารพ เหยโก่วจะกัดฟัน ยอมรับให้ได้

แต่หลี่ฝางเป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

จะให้คุกเข่าแล้วเรียกว่าคุณชาย ให้ตายยังดีกว่าเลย

เหยโก่วพูดเสียงต่ำ: “คุณชายท่านนี้ พี่ชายฉันเหยสงเองก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ณไว้หน้าพี่ชายฉันได้ไหม ปล่อยฉันไปหน่อยได้ไหม?”

“คุณจะหมายความว่า จะไม่เรียกใช่ไหม?” ส้าวส้วยหัวเราะขึ้น พลางมองเหยโก่วอย่างไม่แยแส

“ถ้าเกิดว่าฉันคุกเข่าแล้วยอมเรียก หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร?”

เหยโก่วมีหน้าตาลำบากใจ ลูกน้องของตัวเองกำลังมองอยู่ ถ้าเกิดว่าตัวเองคุกเข่าลงแล้วยอมเรียก จากนี้จะสั่งสอนลูกน้องอย่างไร?

อยู่ต่อหน้าลูกน้อง ยังจะเงยหน้าขึ้นมาได้อย่างไร?

ส้าวส้วยหัวเราะขึ้น พลางพูดออกมา: “ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้วล่ะ”

“ในเมื่อคุณทำไม่ได้ งั้นฉันก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจ” ส้าวส้วยพูดออกมา

เมื่อได้ยินคำนี้ เหยโก่วก็ปล่อยวางลงได้

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ส้าวส้วยก็เอามือ มาจับคอเสื้อของเหยโก่ว

“คุณ คุณกำลังทำอะไรน่ะ?” เหยโก่วมองเห็นส้าวส้วยกำลังลงมือกับตัวเอง ก็รู้สึกงุนงง

“ในเมื่อคุณไม่ยอมคุกเข่าลงแล้วเรียกเจ้านายฉันว่าคุณชาย นั่นก็หมายความว่า คุณเลือกตัวเลือกที่สอง” ส้าวส้วยยิ้มเล็กน้อย: “งั้นก็หมายความว่าจะให้ฉันโยนคุณเข้าป่าไปล่ะสิ”

เขาหมาป่าถูกเรียกว่าเขาหมาป่า ก็เพราะว่าเขาหมาป่านั้นมีหมาป่าอยู่จริงๆ

ไม่เพียงเท่านั้น อย่างน้อยก็มีสามสี่ตัว

แถมหมาป่าพวกนี้ มันหลบอยู่ใต้เขาหมาป่าที่มีต้นไม้เยอะแยะเลยล่ะ

ไม่ใช่เพียงแค่ตอนกลางคืน ขนาดตอนกลางวัน ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปทำอะไรในป่าเลย

ส้าวส้วยกระชากคอเสื้อของเหยโก่วขึ้นมา ก่อนจะโยนเข้าไปในเขาหมาป่า

เหยโก่วที่สูงราวๆ ร้อยแปดสิบ ตัวใหญ่มาก น้ำหนักกว่าเก้าสิบกิโล

ส้าวส้วยเมื่อครู่ยกเหยโก่วขึ้นมา เหมือนกับจับไก่ตัวหนึ่งขึ้นมาเท่านั้นเอง และตอนที่โยนเข้าไปในป่า ดูไม่เสียแรงเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็ตกใจ

เมื่อครู่พวกเขาต่างคิดว่า เหยโก่วโดนของเข้าแล้ว เลยกลัวส้าวส้วยขนาดนี้

แต่เมื่อดูตอนนี้แล้ว ส้าวส้วยนั้นเก่งกาจจริงๆ

ลูกน้องของเหยโก่วหลายคน ต่างมองส้าวส้วย ด้วยความกลัวในแววตา

ตัวเล็กขนาดนี้ แต่แรงเยอะมาก มันไม่เข้ากันเลย

หรือบางทีอาจจะไม่ควรมองคนที่ภายนอก

“ทำอย่างไรดี?พวกเราจะเข้าไปสู้ไหม?” เมื่อเห็นลูกพี่ของตัวเองถูกโยนเข้าไปในป่า หลายๆ คนก็ต่างคุยกัน

จากนั้นทั้งสามคนเลยตกลงจะเข้าไปช่วยเหยโก่ว

หลังจากที่เหยโก่วตกลงไปหัวชนห้าหกรอบ ก็หยุดลง

เหยโก่วในตอนนั้นเอง ไร้เรี่ยวแรงสุดๆ เลย

ลูกน้องหลายๆ คน หาที่ที่จะวิ่งลงไป

พวกเขาล้อมเหยโก่ว พลางเข้ามาถาม: “ลูกพี่ จะแก้แค้นไหม”

“แก้แค้นบ้าอะไรกัน พวกคุณตาบอดหรือเปล่า ชายคนนั้นน่ะ เป็นคนที่พวกเราจะมีเรื่องได้ด้วยเหรอ?”

เหยโก่วกลอกตามองบนใส่ลูกน้องของตัวเอง: “ฉันถามพวกคุณ ว่าใครจะสามารถดึงฉันขึ้นมาด้วยมือเดียวได้บ้าง?”

เก้าสิบกิโลเลยนะ มันไม่เบาเลยล่ะ

ลูกน้องสามคนของเหยโก่วต่างเงียบลง เพราะว่าไม่มีใครทำได้เลย

ไม่ใช่แค่มือเดียว ขนาดสิ่มือ ยังยากเลยล่ะ

“ตามพวกคุณหลายๆ คนเนี่ย ยังอยากจะแก้แค้นแทนฉันเหรอ?” เหยโก่วมองบนใส่ลูกน้องของตัวเอง เลยพูดออกมา: “ฉันว่าทำให้ตายก็ได้แล้ว”

“ลูกพี่ งั้นเรื่องนี้ จะปล่อยไปง่ายๆ เลยเหรอ?” ลูกน้องของเหยโก่วไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่

หรือไม่ก็เอาไปบอกพี่เหยสง ให้พี่เหยสงแก้แค้นแทนคุณเถอะ” ลูกน้องอีกคนพูดออกมา

“ช่างมันเถอะ ชายคนนี้ไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากหาเรื่องให้พี่เหยสง” เหยโก่วคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดออกมา

เหยโก่วรู้ ว่าส้าวส้วยนั้นไม่ได้ล้มได้ง่ายๆ

“เรื่องในคืนนี้ ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลยนะ ห้ามพูดอะไรเลย เข้าใจไหม?” สักพัก เหยโก่วก็พูดออกมาอีก

“เข้าใจแล้วล่ะ ลูกพี่”

ลูกน้องหลายคนไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมลูกพี่ของตัวเอง ถึงได้กลัวส้าวส้วยขนาดนั้นนะ?

เขาแค่แรงเยอะไม่ใช่เหรอ?

“รีบพยุงฉันขึ้นไป ให้ตายเถอะ ป่านี้มันมีหมาป่านะ” เมื่อมองป่าทึบนั้น จู่ๆ เหยโก่วก็กลัวขึ้นมา

เมื่อล้มลงไปห้าหกชั้น เหยโก่วก็รู้สึกเจ็บปวดกระดูกขึ้นมา

“ลูกพี่ ฉันจะแบกคุณขึ้นมา”

ลูกน้องคนหนึ่งที่กล้าหาญ แต่เมื่อแบกเหยโก่วเดินไปได้ไม่นาน ก็ทนไม่ไหวแล้ว

“ลูกพี่ คุณควรลดน้ำหนักบ้างนะ”

เขาวางเหยโก่วลง จากนั้นก็ถอนหายใจ พลางพูดออกมา: “พวกเราแบกลูกพี่ขึ้นไปด้วยกันเถอะ ฉันแบกคนเดียวไม่ไหวแล้ว”

หลายๆ คนต่างหงุดหงิดใจ เมื่อครู่เขาเห็นอยู่ชัดๆ เลย ว่าลูกพี่เหยโก่วอยู่ในมือส้าวส้วย เบาเหมือนลูกไก่เลย

แต่เมื่อตัวเองแบก ทำไมมันหนักเหมือนภูเขาไท่เลยล่ะ?

หลังจากที่เหยโก่วถูกแบกขึ้นมาอย่างช้าๆ หลายๆ คนก็เข้าไปในรถ จากนั้นก็ขับรถออกไป

เหยโก่วกับคนอื่นๆ จะไป สีหน้าของตู้เฟยกับสวีเถิงเฟยก็เปลี่ยนไป เป็นความงุนงงเป็นอย่างมาก

บนเขาหมาป่าในตอนนั้น เหลือเพียงพวกเขาไม่กี่คน

ตู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะมองส้าวส้วยกับหลี่ฝาง ที่หันอย่างรวดเร็ว พลางวิ่งมาที่รถเบนซ์ของตัวเอง

หลังจากที่หลี่ฝางเห็น ก็รีบวิ่งตามไป

“เจ้านาย ไม่ต้องตามหรอก”

ส้าวส้วยหยิบก้อนหินขึ้นมา จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดออกมา: “ดูฉันนะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน