NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 197

ตอนที่ 197

บทที่197 คุณชายใหญ่ของเมืองหลวงมา

สายตาของฉินจื่อยี่ดีจริงๆ อยู่ห่างกันไกลขนาดนั้น ก็มองออกว่าเป็นเบนท์ลีย์ของสวีเถิงเฟย

“ในที่สุดก็มาแล้ว”หลี่ฝางกัดฟันพูด

สองวันนี้ ถือว่าทำเอาหลี่ฝางอัดอั้นมาสุดๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคืน ถ้าไม่ใช่หวงว่างโก๋มาช่วย ขาของตัวเองได้ถูกหลิวเหล่าซานตัดขาดแน่

และผู้ร้ายของทั้งหมดนี้ ก็คือไอ้ระยำสวีเถิงเฟยนี่

“อย่าใจร้อน เขาหมาป่ามีกฎของเขาหมาป่า ตอนนี้คุณจัดการเขาไม่ได้”

ฉินจื่อยี่พูดกับหลี่ฝาง:“ก่อนที่การแข่งรถที่เขาหมาป่าจะจบ ใครก็ตามลงมือทำร้ายคนอื่นไม่ได้”

“นั่นคือกฎของพวกคุณนักแข่งรถ ไม่ใช่กฎของผม”หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด

ตามองรถของสวีเถิงเฟยที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลี่ฝางระงับความโมโหของตัวเองไว้ไม่อยู่

สวีเถิงเฟยลงจากรถ หลี่ฝางก็จะพุ่งเข้าไป

เวลานี้ ส้าวส้วยก็ดึงแขนของหลี่ฝางไว้ ส่ายหน้าให้เขา:“เจ้านาย เคารพกฎของเขาหมาป่าเถอะ”

ไม่รู้ทำไม คำพูดของฉินจื่อยี่ หลี่ฝางถึงไม่เอามาใส่ใจเลย

แต่ตอนที่ส้าวส้วยพูดประโยคนี้ หลี่ฝางกลับฟังอย่างไม่รู้ตัว

ใบหน้าที่ไม่จริงจังของส้าวส้วย จู่ๆก็ซีเรียสขึ้นมา

จากใบหน้าของส้าวส้วยหลี่ฝางก็รู้สึกได้ ตัวเองอย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า

เขาหมาป่าไม่ใช่ถิ่นของคนๆหนึ่ง แต่เป็นถิ่นของคนกลุ่มหนึ่ง

ทำลายกฎของเขาหมาป่า เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับทุกคนในที่นี้

หากแบบนั้น ก็เท่ากับว่าดึงดูดความเกลียดชังของทุกคน

ด้านหลังของสวีเถิงเฟย ตามมาด้วยเบนซ์Coupeคันหนึ่ง

ตู้เฟยก็มาแล้ว ด้านหลังเขา ยังมีเซี่ยลู่ตามมาด้วย

นอกจากเซี่ยลู่ จางเชี่ยนกับหลิวเฉียวเฉียวก็มาด้วย

จางเชี่ยนตามโจวเจ๋มา หลิวเฉียวเฉียวตามส้งเสียงมา

ผู้หญิงสามคน แต่ละคนต่างอ่อยลูกเศรษฐีคนหนึ่งได้ทั้งนั้น

พอหลี่ฝางมองเห็น ก็ยิ้มเบาๆ

มองสวีเถิงเฟย หลี่ฝางก็ถามอย่างดูถูก:“เบนท์ลีย์ก็เข้าร่วมแข่งรถได้เหรอ?”

“สวีเถิงเฟยไม่ได้มาร่วมแข่งรถ มองเห็นรถด้านหลังเขาไหม?”ฉินจื่อยี่ชี้ไปที่ลัมโบร์กีนีคันนั้น

“สวีเถิงเฟยมาเป็นเพื่อนเขา”ฉินจื่อยี่พูด

ลัมโบร์กีนี?

หลี่ฝางมองรถคันนี้ที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ ก็คิ้วขมวดหน่อยๆ:“เขาคือใคร?”

“ได้ยินว่าเป็นทางเมืองหลวงมา เป็นคนใหญ่โต แต่ว่าเป็นใครนั้น ผมก็ไม่รู้”ฉินจื่อยี่ส่ายหน้า พูด

สีหน้าหลี่ฝางเปลี่ยนไป พูด:“เขาคือใครก็ยังสืบไม่ได้?”

ฉินจื่อยี่พูด:“ใช่ สืบไม่ได้”

หลี่ฝางมองลัมโบร์กีนี จ้องอยู่สักพัก

อำนาจของตระกูลฉินที่เมืองเอก ไม่เป็นสองรองใคร

ฉินจื่อยี่ดันสืบไม่ได้ว่าคนในรถนั้นคือใคร ก็หมายความว่าตัวตนของคนๆนี้ นั้นพิเศษมาก

“ถึงจะสืบไม่ได้ว่าใคร ชื่ออะไร แต่ก็เดาออกว่าเขาคือคุณชายสักคนของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง”ฉินจื่อยี่พูด:“ส่วนเป็นใครนั้น ก็ไม่รู้สิ”

“ผมให้คนไปสืบมา ก็สืบไม่ได้ว่าตระกูลสวีกับตระกูลใดในเมืองหลวงมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”

“อีกอย่าง รถนี้ไม่มีถ่ายรูปไว้ ก็ไม่สามารถไปตามสืบที่มาที่ไปของรถได้”

ฉินจื่อยี่พูด คิ้วก็ขมวด:“ไม่ใช่แค่ผม ทุกคนในที่นี้ ต่างไม่รู้จักเขา”

“ความเป็นไปได้ที่จะรู้ว่าเขาคือใคร ก็น่าจะมีแค่สวีเถิงเฟยแหละ”

“สวีเถิงเฟยไปเกี่ยวข้องกับคนที่สุดยอดคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”พูดไป ฉินจื่อยี่ก็อิจฉาหน่อยๆ

ยังไงคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลวง ก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงที่สุดของทั้งประเทศ

ไม่ใชแค่รวย แต่ยังมีอำนาจ

แค่ออกมาสักคน ก็ข่มบรรดาลูกคนรวยทุกคนของเมืองเอกไว้ได้หมด

“เขามาแข่งรถเหรอ?”หลี่ฝางถาม

“ใช่ เขาไม่ใช่แค่มาร่วมแข่งรถธรรมดาๆแบบนั้น แต่ยังมีรางวัลใหญ่ด้วย ถ้าใครชนะเขาได้ ลัมโบร์กีนีของเขา ก็เป็นของคนนั้น”ฉินจื่อยี่หัวเราะ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความมั่นใจ

ยังไง เทคนิคขับรถของเขา ก็ไม่เป็นสองรองใครในเมืองเอก

เมื่อก่อนยังมีมู่เหวินตงอีกคนที่เทียบกับเขาได้ ตอนนี้มู่เหวินตงพิการไปแล้ว ดังนั้น ฉินจื่อยี่ก็มั่นใจสุดๆว่า จะชนะลัมโบร์กีนีของชายลึกลับได้

หลี่ฝางตะลึงหน่อยๆ คุณชายของเมืองหลวงที่มานี้ร่ำรวยเอาแต่ใจจริงๆ

นี่เป็นถึงลัมโบร์กีนีเชียว บอกจะให้ก็ให้เลย?

หรือพูดอีกอย่างว่า เขามั่นใจสุดๆ กับเทคนิคขับรถของตัวเอง?

ตอนนี้เอง จู่ๆส้าวส้วยก็พูด:“ผู้ชายคนนี้เป็นนักแข่งรถมืออาชีพ”

“อะไร?”

ได้ยินคำนี้ ฉินจื่อยี่กับหลี่ฝางก็มองไปที่ส้าวส้วยพร้อมกัน

ส้าวส้วยหัวเราะ พูดอย่างดูถูก:“ที่เขาปิดบังตัวตนของตัวเอง ไม่ใช่เพราะถ่อมตัวอะไร แต่ไม่กล้าให้คนอื่นรู้”

“ถ้าผมไม่เดาผิดล่ะก็ เขาน่าจะเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ นักแข่งรถมืออาชีพมีกฎของตัวเอง เขาไม่สามารถร่วมกิจกรรมแข่งรถแบบนี้ของเขาหมาป่าได้ ถ้าถูกคนค้นพบ ก็จะถูกปลดจากคุณสมบัตินักแข่งรถมืออาชีพ”

“ไม่ต้องสนที่เขาเป็นคุณชายใหญ่ทั้งสี่ของเมืองหลวง หรือว่าใคร สมาคมแข่งรถต่างประเทศพวกนั้น ไม่รู้จักสิ่งนี้”

“ถูกปลดเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ เขาก็ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมแข่งรถระหว่างประเทศแล้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด รถของเขา พวกคุณใครก็ชนะไม่ได้ทั้งนั้น”

ส้าวส้วยมองลัมโบร์กีนีคันนั้น แล้วหัวเราะอย่างน่าสนใจ:“ลัมโบร์กีนีคันนี้ เคยปรับแต่งมาแล้ว”

“ถึงจะไม่แพงเท่าเฟอร์รารี่คุณ แต่ความเร็วไม่ช้าไปกว่าเฟอร์รารี่ของคุณ”

“ความเร็วรอบที่สองของคุณคือเก้านาทียี่สิบห้าวินาที แต่ห่างจากสถิติของเขาหมาป่าอีกเยอะ”

ส้าวส้วยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว:“ผมกล้ามั่นใจได้เลย ความเร็วของผู้ชายคนนั้น ต้องเร็วแน่ๆ เขาสามารถขับรอบเขาหมาป่าไปรอบหนึ่งได้ภายในเก้านาที”

“คุณรู้ได้ไง?”ฉินจื่อยี่มองส้าวส้วยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

อย่าว่าแต่ฉินจื่อยี่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดส้าวส้วยเลย แม้แต่หลี่ฝางก็ยังสงสัยหน่อยๆ

ยังไงเจ้าของรถลัมโบร์กีนีลึกลับคนนี้ ก็ลึกลับจนทุกคนไม่รู้จักชื่อเขา

แต่ส้าวส้วยไม่ใช่แค่บอกตัวตนของอีกฝ่าย แต่ยังเอาความเร็วของอีกฝ่ายมาพูดด้วย

“ลัมโบร์กีนีนี้ คุณไม่ได้ดูสักนิด จะไปตัดสินว่าเขาเคยปรับแต่งได้ไง?อีกอย่าง เรื่องอะไรคุณต้องพูดด้วยว่ารถเขาเร็วกว่าผม?”ฉินจื่อยี่ไม่ค่อยพอใจนัก

“เมื่อก่อนผมช่วยคนอื่นปรับแต่งรถโดยเฉพาะ ดังนั้นรถคันหนึ่งปรับแต่งหรือไม่นั้น แค่มองผมก็รู้แล้ว หรือจะพูดว่า แค่ฟังเสียงเครื่องยนต์ มองระดับความสมดุลที่เขาเลี้ยว ก็ตัดสินได้แล้ว”

ส้าวส้วยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

“คุณบอกว่าเขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของตัวเอง เพราะว่าอาชีพนักแข่งรถ จุดนี้ ผมค่อนข้างเชื่อ”

“คุณบอกว่ารถของเขาเคยปรับแต่ง รถน่าจะเร็วกว่าผม ตรงนี้ ผมก็ไม่อยากตอบโต้

“แต่เรื่องอะไรที่คุณต้องคิดว่าเทคนิคขับรถของเขาดีกว่าผมล่ะ?”

“ความเร็วที่เขาขึ้นเขาเมื่อกี๊ ไม่เร็วเลยสักนิด”ฉินจื่อยี่พูดอย่างไม่พอใจ

“ความเร็วที่เขาขึ้นภูเขามาไม่เร็ว แต่ความเร็วที่เขาเลี้ยวโค้ง ว่องไวผิดปกติ หมายความว่าความสามารถในการบังคับรถของเขาแข็งแกร่งมาก”

“ส่วที่ผมพูดเมื่อกี๊ อย่างน้อยเขาน่าจะขับทั่วเขาหมาป่าเสร็จภายในเก้านาที นั่นก็เป็นข้อสันนิษฐานของผมจริงๆ”

ส้าวส้วยมองฉินจื่อยี่ หัวเราะ:“เขามาจากเมืองหลวงมาที่เมืองเอก คุณคิดว่าเขาจะทำให้ตัวเองน่าละอายเหรอ?”

“หมายความว่าไง?”

“ทุกการแข่งรถที่เขาหมาป่า อันดับหนึ่งอยู่ในเวลาเก้านาที หรือว่าอยู่ตอนเก้านาทีพอดี ถ้าเขาไม่สามารถขับรอบเขาหมาป่าในเวลาเก้านาทีได้ คุณว่า เขาจะขับมาที่เมืองเอก ในระยะทางหลายร้อยไมล์จากเมืองหลวง เพื่อมาทำให้ตัวเองขายหน้าไหม?”

“แล้วยังต้องเสียลัมโบร์กีนีคันหนึ่งที่ราคาเป็นสิบล้านเนี่ยนะ”

ส้าวส้วยพูดจบ ฉินจื่อยี่ก็คิด ก็จริง สถิติของเขาหมาป่าถึงแม้จะมีน้อยคนที่ทำลายได้

แต่หลายปีมานี้ แชมป์ของทุกครั้ง รับรถสปอร์ต ความเร็วส่วนมากจะควบคุมให้อยู่ในเก้านาที

ดังนั้น ถ้าเวลาเกินเก้านาที ก็ไม่มีทางชนะได้

คนลึกลับคนนี้ถ้าคะแนนอยู่เกินเก้านาที มาที่นี่ก็ต้องขายขี้หน้าแน่นอน

ไม่มีใครโง่มาที่นี่หลายร้อยไมล์ เพื่อให้ตัวเองไม่มีความสุขหรอก

เวลานี้ ฉินจื่อยี่ก็ยอมรับความคิดของส้าวส้วย

“จากที่คุณพูดแบบนี้ เขามาเพื่อฉีกหน้าเรา?”ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วไม่พอใจ

“ก็ใช่แหละ”

ส้าวส้วยักไหล่พูดว่า:“ยังไงซะ ถ้าให้ผมพนัน ผมก็จะพนันว่า ลัมโบร์กีนีคันนั้นชนะ”

“เจ้านาย เดี๋ยวการพนันก็จะจบแล้ว ไม่งั้น เราไปกันหน่อยไหม”ส้าวส้วยพูดกับหลี่ฝาง

“การพนัน?การพนันอะไร?”

“การแข่งขันของเขาหมาป่ามีการพนัน เหมือนกับแข่งม้า คุณพนันได้ว่ารถของใครเร็วสุด”ฉินจื่อยี่พูด

“โอกาสที่จะเป็นไปได้ของลัมโบร์กีนีเท่าไหร่?”ส้าวส้วยมองฉินจื่อยี่ ถามไป

“หนึ่งต่อสิบ”ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วพูด

เวาลนี้ สีหน้าของฉินจื่อยี่ก็ซีเรียส

เดิมที ฉินจื่อยี่คิดว่าตัวเองชนะ แต่พอได้ยินคำพูดของส้าวส้วยแล้ว เขาก็คิดว่าโอกาสในการชนะของตัวเองอยู่ที่ห้าสิบห้าสิบ

ฉินจื่อยี่เล่นได้ดีที่สุด ใช้ไปแค่แปดนาทีห้าสิบห้าวินาที

มู่เหวินตงไม่อยู่ ฉินจื่อยี่เรียกได้ว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่คาดว่าจะได้เข้ารอบสุดท้ายของแชมป์ โอกาสที่จะเป็นไปได้ของเขา มีแค่หนึ่งต่อหนึ่ง

“เมื่อกี๊มีคนเพิ่งเดิมพัน เดิมพันแชมป์ลัมโบร์กีนี สามสิบล้าน!”ฉินจื่อยี่มองหน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้นก็พูด

ส้าวส้วยทำเสียงเย็นชา:“แม่เอ๊ย ผู้ชายคนนี้มาเพื่อเอาเงินสินะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท