NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 211

ตอนที่ 211

บทที่ 211 ผู้พิทักษ์มาแล้ว

หลินชิงชิงขับรถมายังสะพาน

ขณะนั้น ด้านหน้าสะพาน ก็มีรถวิบากกลุ่มนึงปรากฏขึ้น

รถวิบากพวกนั้นเคลื่อนตัวเข้ามา บังทางของหลินชิงชิง

“แย่แล้ว” หลินชิงชิงขมวดคิ้ว มองไปยังรถวิบากพวกนั้นด้วยสายตาเลิ่กลั่ก

หลี่ฝางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบถามขึ้น: “พี่ คนพวกกลุ่มนี้เป็นใครเหรอ? ทำไมบังทางพวกเราแบบนี้?”

หลี่ฝางงงๆ ขณะนั้นก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย คนกลุ่มนี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋

“เป็นแก๊งรถของเสือ” หลินชิงชิงพูดด้วยสีหน้าเข้ม

หลี่ฝางนึกอยู่ครู่ แล้วพูด: “ไม่ได้ อีกฝ่ายรถเยอะมาก”

ถ้าหากเสือขับรถมาแค่คันเดียว หลินชิงชิงก็คงจะบวกอย่างไม่ต้องคิดเลย

แต่ด้านหน้าตอนนี้มีรถอยู่ตั้งห้าหกคัน จะให้ปะทะได้ไง?

ด้านหลังมู่เสี่ยวไป๋ก็ตามมาติดๆ ในสถานการณ์ไม่มีทางเลือกนี้ หลินชิงชิงทำได้แค่เหยียบเบรก เพื่อให้รถหยุดลง

“ตายแน่”

ด้านหน้ามีเสือขวางทางอยู่ ด้านหลังมู่เสี่ยวไป๋ก็ไล่ตามมาไม่หยุด หลี่ฝางก็รู้ว่าตัวเองแย่แน่

วินาทีนั้น ใจของหลี่ฝาง นั้นแผ่วแล้ว

“พวกเราโดนลงทะเลดีมั้ย” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าหมดหนทาง

หลินชิงชิงมองบนใส่หลี่ฝาง: “นายว่ายน้ำเป็นเหรอ?”

“ว่ายเป็นนิดหน่อย”

“สะพานแขวนสูงขนาดนี้ นายไม่กลัวกระโดดลงไปแล้วจมน้ำตายเหรอ?” หลินชิงชิงพูดแบบเอือมๆ

หลี่ฝางก็คิดแบบนั้น ความสูงระดับนี้ กระโดดลงไปคงไม่รอดแน่ๆ

หลี่ฝางคิดในใจ ทำไมตัวเองต้องกลัวขนาดนี้ด้วย

กลางวันแสกๆ แบบนี้ มู่เสี่ยวไป๋กล้าฆ่าตนจริงๆ เหรอ?

ไม่นาน มู่เสี่ยวไป๋ก็ขับลงมาจอดตรงด้านหน้าของหลี่ฝาง และลงจากรถ

จางกงหมิงยืนอยู่ด้านหลังของมู่เสี่ยวไป๋

เสือกับคนอื่นๆ ก็ลงจากรถวิบาก และล้อมรอบ รถเบนซ์G-Classของหลี่ฝางไว้

“ลงจากรถเถอะ” หลินชิงชิงพูดขึ้น

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายก็ลงจากรถไปอย่างนิ่งๆ

แต่เมื่อลงมาจากรถ มู่เสี่ยวไป๋ก็เตะเข้าไปที่ท้องของหลี่ฝางอย่างจัง ทำให้หลี่ฝางถูกเตะเข้าไปในรถ

หลี่ฝางใช้มือกุมท้องของตัวเองไว้ และมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างเย็นชา

หลินชิงชิงรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับมู่เสี่ยวไป๋: “นายเป็นบ้าหรือไง?”

“ใช่ ฉันมันบ้า” มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลินชิงชิง แล้วพูดด้วยสีหน้าดุดัน: “หลินชิงชิง ฉันทำไม่ดีกับเธอตรงไหน ทำไมเธอเอาแต่หลบหน้าฉัน?”

ที่ลูกพี่หลินกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ในตงไห่ เบื้องหลังก็หนีไม่พ้นความช่วยเหลือของมู่เสี่ยวไป๋

แม้แต่ มู่เสี่ยวไป๋ส่งเสี่ยวโจวไปยังตระกูลหลิน เพื่อให้เขาปกป้องหลินชิงชิง ไม่ให้หลินชิงชิงได้รับอันตรายใดๆ

ถ้าให้พูด สามารถพูดได้ว่ามู่เสี่ยวไป๋เป็นผู้มีพระคุณของคนทั้งตระกูลหลิน

หลินชิงชิงพูดอย่างเอือมๆ : “มู่เสี่ยวไป๋ ทำไมนายยังไม่เข้าใจนะ? ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาย นายอย่าพยายามอีกเลยได้มั้ย?”

“ฉันคงจะแต่งงานกับนาย เพียงเพราะว่านายดีกับฉันไม่ได้หรอกจริงมั้ย?”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลินชิงชิง นัยน์ตาดูซับซ้อนมากขึ้น

สุดท้าย มู่เสี่ยวไป๋กำมัดแน่น แล้วง้างมือไปทางหลี่ฝางอย่างจัง

ครั้งนี้ หลี่ฝางตั้งรับไว้ก่อนแล้ว

ขณะที่มู่เสี่ยวไป๋กำลังง้างมือ เขาก็ยกขาขึ้นอย่างแรง แล้วกระทุ้งเข้าไปที่ท้องของมู่เสี่ยวไป๋ อย่างแรง

มู่เสี่ยวไป๋โดนเข่ากระทุ้งจนเซถอยหลังไป สีหน้ากลายเป็นเกรี้ยวกราดขึ้น

กลุ่มของเสือ เห็นว่ามู่เสี่ยวไป๋โดนทำร้าย จึงรีบวิ่งเข้ามา

“หยุดนะ!”

หลินชิงชิงตะโกนเสียงดัง แล้วเอาตัวเข้ามาบังหลี่ฝางไว้

“ยัยนี่ ไสหัวไปซ่ะ” เสือยกนิ้วขึ้นมา ชี้หน้าด่าหลินชิงชิง

ด่าจบ เสือก็เข้ามาจะจับหลี่ฝาง

ถึงยังไงเมื่อกี้หลี่ฝางก็ทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋ เสือจะปล่อยให้โอกาสประจบประแจงนี้หลุดมือไปไม่ได้

คาดไม่ถึง เสือยังไม่ทันได้เข้ามา มู่เสี่ยวไป๋ก็ลงมือแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋ยกเท้าขึ้น ถีบไปที่ก้นของเสือ

เสือกำลังจะอ้าปากด่า เมื่อหันกลับมา กลับเห็นว่าเป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“เจ้านาย ทำไมเป็นท่าน?” เสือมองหน้ามู่เสี่ยวไป๋อย่างงงๆ

ในใจของเสือสงสัย ว่าทำไมมู่เสี่ยวไป๋ถึงต้องเตะเขา?

ตัวเขาทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?

เพียะ มู่เสี่ยวไป๋ง้างมือตบไปที่ปากของเสือ: “ปากนายพูดให้มันดีๆ หน่อย!”

มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปที่หลินชิงชิง แล้วพูดกับเสือ: “ฉันจะบอกนายให้ ว่าหล่อนเป็นคู่หมั้นของฉัน”

“คู่หมั้นของท่าน? คู่หมั้นของท่านไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลฉินหรอกเหรอ?” เสือพูดพึมพำเสียงอ่อย

“สวัสดีครับ อาซ้อ”

เสือรีบขอโทษหลินชิงชิงทันที จากนั้นก็ถอยหลังกลับไป

มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหลี่ฝาง เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางจะกล้า สวนเขาแบบนี้

มู่เสี่ยวไป๋จ้องไปที่หลี่ฝาง หลังจากจ้องอยู่นาน ก็พูดขึ้น: “เอาไอ้หมอนี่ไปโยนลงทะเล!”

“นายกล้า!” หลินชิงชิงมองมู่เสี่ยวไป๋ด้วยสายตาเย็นชา: “ถ้านายกล้าโยนน้องชายฉันลงทะเล ฉันก็จะกระโดดตามลงไป”

“น้องชาย? เขาเป็นน้องอะไรของเธอ?”

มู่เสี่ยวไป๋มองหลินชิงชิง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์: “พวกสองของคนไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แถมวันๆ ตัวติดกัน เห็นที พวกเธอคงจะมีอะไรกันแน่ๆ ใช่มั้ย?”

มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ สีหน้าก็เกรี้ยวกราดขึ้นไปอีก

“จัดการ” มู่เสี่ยวไป๋ออกคำสั่ง แล้วมองไปทางจางกงหมิง หมายความว่าให้จางกงหมิงจัดการ

จางกงหมิงลังเลเล็กน้อย เห็นได้ว่า เขาไม่อยากลงมือกับหลี่ฝาง

เสือจึงรีบพูดขึ้น: “เจ้านาย จางกงหมิงไม่กล้า งั้นให้ผมจัดการเถอะ”

เสือพูด พลางเดินไปทางหลี่ฝาง

มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า: “แกหลีกไปก่อน”

“จางกงหมิง ได้เวลาแสดงความภักดีแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิง แล้วพูดอย่างนึกสนุก: “นายเป็นลูกน้องฉันแล้ว ก็ควรจะฟังคำสั่งฉัน”

จางกงหมิงกัดฟัน มองไปทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางก็มองไปทางจางกงหมิง หลี่ฝางไม่เชื่อว่าจางกงหมิงจะลงมือกับเขาได้

“ทำไม? ไม่เต็มใจ?”

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างโมโหเล็กน้อย: “แม้แต่คำสั่งฉันก็ไม่ฟังแล้ว นายคิดจะทรยศใช่มั้ย?”

จางกงหมิงสูดหายใจเข้าลึก

“เจ้านาย คุณก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหลี่ฝาง ทำไมต้องทำให้ผมลำบากใจด้วย” จางกงหมิงพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน: “เจ้านาย คุณมอบหน้าที่นี้ให้เสือทำเถอะครับ”

เสียงเพียะดังลั่น

มู่เสี่ยวไป๋ง้างแขนขึ้น ตบไปที่หน้าของจางกงหมิงอย่างแรง

“แกนี่มันยังไง แม้แต่คำสั่งของฉันก็ไม่ฟัง!ฉันจะบอกแกให้ ฉันเป็นเจ้านายของแก ฉันสั่งให้แกทำอะไร แกก็ต้องทำ!”

มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิงอย่างเย็นชา: “ไม่งั้น ฉันจะไล่แกออกไปจากเมืองเอกนี้”

“อย่าลืมซะล่ะ ว่าทุกวันนี้ทุกอย่างที่แกมีในเมืองเอก เป็นเพราะฉันให้แกทั้งหมด” มู่เสี่ยวไป๋พูด

จางกงหมิงทำสีหน้าขุ่นมัว ติดอยู่ในทางเลือกที่ลำบากใจ

เสือหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “เจ้านาย ผมรู้ตั้งนานแล้วว่ามันเพิ่งไม่ได้”

“ตอนนี้แม้แต่ไอ้หมอนี่ก็จัดการไม่ได้ ท่านยังจะหวังอะไรจากมันอีก?” เสือพูดผสมโรงอยู่ด้านข้าง

จางกงหมิงจ้องเสือตาเขม็ง เสือหัวเราะเหอะๆ : “แกจ้องฉันทำไม? ฉันพูดอะไรผิด?”

“พวกเราทั้งหมดติดตามพี่เสี่ยวไป๋ พวกเราคือพวกเดียวกัน แกจะมาทำดุใส่ฉันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแกมีความสามารถ ก็ไปดุใส่ไอ้กระต่ายตัวเล็กโน่น”

“ไอ้หมอนั่นเพิ่งจะทำร้ายเจ้านายแกไปเมื่อกี้ พวกเราเป็นลูกน้องที่เจ้านายเลี้ยงมา ใครอยู่คนละฝ่ายกับเจ้านาย พวกเราก็ควรจะฆ่ามัน”

เสือพูดด้วยสีหน้าดูถูก: “ถ้านายทำไมได้ หรือว่าไม่กล้าทำ ก็ให้พวกฉันทำก็ได้”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังจางกงหมิง แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “ฉันถามแกครั้งสุดท้าย แกจะทำไม่ทำ?”

“ถ้าแกไม่ทำ ที่ฉันเคยสัญญากับแกไปทั้งหมด ก็ไม่นับแล้วกัน!” มู่เสี่ยวไป๋พูด

ทันใดนั้น จางกงหมิงกัดฟันแน่น

เขาหันไปมองหลี่ฝาง แล้วเดินเข้าไปหาทีละก้าวๆ

“พี่ บ้าไปแล้วเหรอ เขาคือเสี่ยวฝางนะ!” หลินชิงชิงเอาตัวเข้ามาบังหลี่ฝางไว้ แล้วพูดกับจางกงหมิง

“ชิงชิง ถอยไป” จางกงหมิงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ฉันไม่ถอย เสี่ยวฝางเป็นน้องชายของฉัน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ยอมให้พวกพี่ทำร้ายเขา” หลินชิงชิงพูดไม่ยอมอย่างถึงที่สุด

จางกงหมิงเข้าประชิดตัว แล้วผลักหลินชิงชิงออกไป แล้วล็อกแขนหลี่ฝางไว้

“เสี่ยวฝาง ขอโทษนะ” นัยน์ตาของจางกงหมิง เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและหมดหนทาง

เขาล็อกตัวหลี่ฝางไว้ แล้วลากไปทางขอบสะพาน

แต่ทันใดนั้น ด้านปลายทั้งสองฝั่งของสะพาน ก็มีรถหรูปรากฏขึ้นเป็นแถว

รถเป็นร้อยคัน ขับมาล้อมมู่เสี่ยวไป๋ไว้

หลี่ต๋าคางยืนอยู่ตรงปลายสะพาน มองมาจากที่ไกลๆ

“เขาคือลูกชายนายเหรอ?” ท่านจวนลงจากรถ ไปยืนอยู่เบื้องหน้าหลี่ต๋าคาง แล้วถามขึ้นหนึ่งประโยค

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท