NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 220

ตอนที่ 220

บทที่ 220 บ้านหลังนี้เล็กเกินไป

“นายพูดอะไร?” เมื่อจ้าวเสี่ยวตาวฟังประโยคนี้จบ สีหน้าเขาก็ขรึมขึ้นทันที

“ฟังไม่ชัดใช่มั้ย? งั้นฉันพูดอีกครั้งก็ได้ ฉันคิดว่า ตามสถานการณ์ของบ้านนาย ซื้อคฤหาสน์บ้านซาน น่าจะรับไม่ค่อยไหวนะ”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วก็ทวนคำพูดเมื่อกี้ ให้จ้าวเสี่ยวตาวฟังอีกรอบ

จ้าวเสี่ยวตาวฟังจบ ทั้งรู้สึกดี และรู้สึกน่าขำ

“ความหมายของนาย คือฉันซื้อคฤหาสน์บ้านซานไม่ไหวเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วหึออกมาอย่างเย็นชา

“ซื้อ นายคงจะซื้อไหว แต่จากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของนายเมื่อกี้ ฉันก็รู้ ว่ายี่สิบกว่าล้าน มันเกินกว่าที่นายคาดไว้อย่างเห็นได้ชัด” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ

เมื่อกี้ที่ชิงชิงบอกราคากับจ้าวเสี่ยวตาว ปฏิกิริยาของจ้าวเสี่ยวตาว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างรุนแรง

เฉียนเป่าเอ๋อก็ดูออก ว่าจ้าวเสี่ยวตาวตกใจกับราคานี้

จนกระทั่ง เฉียนเป่าเอ๋อที่ไม่ขาดแคลนเงิน ต้องพูดว่าให้ตระกูลตนออกค่าบ้านให้

จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าตัวเองลืมตัวไปชั่วขณะจริงๆ

แต่จ้าวเสี่ยวตาวก็ยังคงรักษาท่าทีของเขาไว้อยู่ ไม่ได้โมโห ถ้าหากโมโหใส่หลี่ฝาง นั้นก็หมายความว่าเขาโกรธเพราะอับอายไม่ใช่เหรอ?

ถ้าเป็นแบบนั้น ความรู้สึกดีที่เฉียนเป่าเอ๋อมีให้เขาก็คงจะลดน้อยลง

“ฉันยอมรับ ราคายี่สิบล้าน มันเกินที่ฉันคาดไว้ แต่ว่า ถ้าฉันกลับบ้านไปหารือกันนิดหน่อย ที่บ้านฉันก็ต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนั้นให้ฉัน”

“แล้วนายล่ะ นายซื้อไหวเหรอ? ถึงแม้นายจะไปพูดกับพ่อแม่ พ่อแม่นายมีปัญญาซื้อให้นายเหรอ?”

“หลี่ฝาง บ้านที่นี่ ราคาบ้านเป็นยี่สิบกว่าล้าน ไม่ใช่เสื้อผ้าสองพันเหรียญนะ ฉันแนะนำนะ อย่ามาเทียบกับฉันเลย นายเทียบฉันไม่ได้หรอก” จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มอย่างซะใจ

“เหรอ?”

“ยังไม่เคยเทียบกัน นายรู้ได้ไงว่าฉันเทียบนายไม่ได้น่ะ?” หลี่ฝางยิ้มอ่อนพลางพูด

“ฉันล่ะเอือมนาจริงๆ หลี่ฝาง ทำไมนายหน้าด้านแบบนี้เหนี่ย ตระกูลจ้าวของพวกเรา ถึงแม้ในเมืองเอกจะไม่ใช่ตระกูลชั้นที่หนึ่งชั้นที่สอง แต่ธุรกิจของตระกูลจ้าวของพวกเรา ก็ทำได้ดีอยู่ ส่วนนายล่ะ พ่อแม่นาย เป็นแค่เกษตรกร ปลูกผักเป็นปี รายได้มากสุดก็คงได้แค่กี่หมื่น”

“จะมาเทียบกับฉัน? นายจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน? หรือว่าบ้านนายปลูกต้นเงินหรือไง?” จ้าวเสี่ยวตาวพูดอย่างหมดคำพูดแล้วหัวเราะขึ้นมา

เฉียนเป่าเอ๋อมองจ้าวเสี่ยวตาว อย่างผิดหวังแล้วส่ายหน้า

หลี่ฝางคนนี้ ก็อวดดีจริงๆ

อย่างที่จ้าวเสี่ยวตาวพูด ถึงแม้คฤหาสน์บ้านซาน สำหรับตระกูลจ้าวแล้ว ราคาจะแพงไปหน่อย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อไม่ไหวนี่?

ตัดใจ กัดฟัน ก็ยังสามารถซื้อได้สักหลัง

ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่พักในคฤหาสน์บ้านซานแบบนี้ ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินในเมืองเอกทั้งนั้น เป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขา ไม่แน่อาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้

ถ้าหากจ้าวเสี่ยวตาวสามารถเข้าหาตระกูลมู่ หรือว่าตระกูลที่มีสองพยางค์นั่นได้ แค่ให้ทั้งสองตระกูลนี้ช่วย งั้นธุรกิจของตระกูลจ้าว คงจะกระเถิบขึ้นมาอยู่ชั้นที่หนึ่งก็เป็นได้

เฉียนเป่าเอ๋อเข้าใจว่า ตระกูลจ้าวคงจะยินยอมที่จะซื้อคฤหาสน์บ้านซานราคายี่สิบกว่าล้านนี้

อีกอย่าง อสังหาริมทรัพย์มีแต่จะเพิ่มมูลค่า ถึงแม้มูลค่าจะไม่เพิ่ม ขายเปลี่ยนมือไป ยังไงก็ไม่ขาดทุน

หลี่ฝางนั้นไม่เหมือนกัน เกษตรกรเพิ่งการปลูกผักซื้อบ้าน นั่นมันเป็นแค่ความฝัน อีกอย่าง นี่มันคฤหาสน์บ้านซานนะ? เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในเมืองเอกเลยนะ

นอกจากวิลล่าเขาหลงที่ท่านจวนอาศัยอยู่ ก็มีแต่ที่นี่แล้ว

ขณะนั้น ถิงถิงก็ถือกุญแจเดินเข้ามา

“คุณชายจ้าว คุณหนูใหญ่เฉียน พวกเราไปดูบ้านกันเถอะค่ะ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว” ถิงถิงพูดกับจ้าวเสี่ยวตาวและเฉียนเป่าเอ๋อ ด้วยสีหน้าเคารพ

ส่วนหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ถิงถิงไม่ได้มองพวกเขาเลยสักนิด

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนเป่าเอ๋อพูดเมื่อกี้ ถิงถิงก็คงเรียกรปภ. มาลากหลี่ฝางกับหลินชิงชิงออกไปนานแล้ว

“เสี่ยวฝาง พวกเราจะตามไปมั้ย?”

เฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวตามหลังถิงถิงไป หลินชิงชิงจึงเอ่ยปาก

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายถิงถิง หรือว่าจ้าวเสี่ยวตาว ก็พูดดูถูกเขาแล้ว

เป็นแบบนี้แล้ว หากยังตามไปดูบ้าน นั่นคงจะไม่ฉลาดสักเท่าไหร่

อีกอย่าง ตอนที่ถิงถิงเดินไป ไม่ได้ใส่ใจหลี่ฝางกับหลินชิงชิงเลย

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น: “กว่าจะมาได้ไม่ง่าย ไปดูหน่อยเถอะ”

หลี่ฝางคิดในใจ ว่าแค่ไปดู หากชอบจริง ก็ไม่ซื้อกับถิงถิง

ถ้าหากไม่ชอบ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว

“งั้นพวกเรารีบตามไปเถอะ” หลินชิงชิงพยักหน้า แล้วพูด

หลี่ฝางกับหลินชิงชิงเร่งฝีเท้า ไม่นานก็ตามพวกจ้าวเสี่ยวตาวทัน

“พวกคุณตามมาด้วยจริงๆ เหรอเหนี่ย” ถิงถิงมองหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ด้วยสีหน้ารังเกียจแล้วส่ายหน้า

“ถ้าพวกเขาอยากตาม ก็ให้พวกเขาตามไปเถอะ ถึงยังไงพวกเขาก็ซื้อไม่ไหว ทำได้แค่จ้องเท่านั้น” จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะอย่างดูถูก

จ้าวเสี่ยวตาวคิดว่าหลี่ฝางซื้อคฤหาสน์บ้านซานไม่ไหวหรอก ตามมามีแต่ทำให้ตัวเองอับอาย

“งั้นก็ได้ค่ะ ให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา ดูที่ที่คนมีเงินอาศัย ว่าเป็นแบบไหน”

จ้าวเสี่ยวตาวกับเฉียนเป่าเอ๋อต่างยินยอมแล้ว ถิงถิงก็ไม่กล้าจะพูดอะไรอีก

ถิงถิงขับรถกอล์ฟ พาหลี่ฝางกับจ้าวเสี่ยวตาวและคนอื่น ขึ้นไปบนเขา

เส้นทางบนภูเขา ไม่ได้ขรุขระเกินไป สูงชันน้อยกว่าเขาหมาป่าเยอะเลย

บนภูเขานี้มีพืชพันธุ์สีเขียวอยู่มากมาย ทุกๆ สิกว่าเมตร ก็จะมีบ้านอยู่สองหลัง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เรียงกันเป็นระเบียบ

มีเพียงหลังเดียวที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ที่เป็นบ้านที่ตั้งอยู่หลังเดียว

บ้านที่อยู่บนยอดเขา ราคาสูงเฉียดฟ้า ไม่ต้องพูดถึงตระกูลจ้าวของจ้าวเสี่ยวตาว หรือตระกูลเฉียนของเฉียนเป่าเอ๋อ แม้แต่ตระกูลมู่ของมู่เสี่ยวไป๋ หรือตระกูลสองพยางค์นั่น ก็ยังไม่กล้าที่จะไปอยู่

นอกจากจะราคาแพงแล้ว นอกจากนี้ก็ยังจะต้องมีฐานะอีกด้วย

ก็เหมือนกับเขาหลง บนเขาหลงมีบ้านอยู่เป็นสิบหลัง แต่บ้านบนยอดเขา เป็นบ้านของท่านจวน

คนที่อาศัยอยู่บนเขาหลง ส่วนมากจะเป็นคุณท่านของแต่ละตระกูล แต่ละท่านอยู่อย่างน่านับถือ เงินของพวกเขาไม่ขาด ไม่ว่ากี่พันล้าน ก็สามารถควักออกมาได้

แต่ว่า ยอดเขา มีแค่ท่านจวนที่สามารถกล้าขึ้นไปอยู่

ถ้าหากท่านจวนพักอยู่ด้านล่าง ด้านบนก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปอยู่หรอก

ใครจะกล้าเหยียบหัวท่านจวนขึ้นไปกันล่ะ?

ยิ่งเป็นคนที่โดดเด่นมากเท่าไหร่ ก็ต้องให้ความสำคัญมากเท่านั้น

เหมือนกับคฤหาสน์บ้านซาน คนที่อาศัยส่วนมากจะเป็นคนหนุ่มสาว เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ อยากอยู่หลังไหนก็ซื้อหลังนั้น แต่ต้องนอกจากหลังที่หนึ่งเท่านั้น

มาถึงบ้านหลังที่หก หลี่ฝางก็เห็นเสี่ยวโจวกำลังเข็นรถเข็นมู่เหวินตง กำลังเดินเล่นในบ้านของตน

“บ้านหลังที่หกตอนบ่ายเพิ่งจะขายออกไป ตอนนี้มีคนเข้าอยู่แล้ว?” หลี่ฝางพูดอย่างตกใจเล็กน้อย

“บ้านที่คฤหาสน์บ้านซาน ทั้งหมดตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากซื้อ ก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย เพียงแค่ต้องซื้อของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันมาก็พอ” ถิงถิงไม่ได้ตอบ แต่เป็นเฉียนเป่าเอ๋อที่อธิบายให้หลี่ฝางฟัง

เฉียนเป่าเอ๋อคนนี้ ไม่เหมือนคุณหนูใหญ่เลย

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดกับเฉียนเป่าเอ๋อ: “ขอบคุณ”

“ไม่ต้องเกรงใจ” เฉียนเป่าเอ๋อยิ้มบางๆ

เฉียนเป่าเอ๋อไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงเอาแต่คิดว่าหลี่ฝางไม่ได้กระจอกอย่างที่เห็น บางทีอาจเป็นเพราะหน้าที่มั่นใจของหลี่ฝางมั้ง

ดูเหมือนว่า เขาไม่ได้มีความกลัวเลย

ความมั่นใจแบบนี้ คนจนจะแสดงยังไงก็แสดงออกมาไม่ได้แบบนี้หรอก

หลังจากมาถึงบ้านหลังที่แปด รถกอล์ฟก็หยุดลง

“คุณชายจ้าว คุณหนูใหญ่เฉียน ช้าๆ นะคะ ระวังศีรษะค่ะ” ถิงถิงเตือนอย่างใส่ใจ

ส่วนหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ก็ถูกเมินตามสภาพ

หลังจากเดินผ่านสวนไปหลายสิบเมตร ก็มาถึงหน้าบ้านหลังที่แปด

สถาปัตยกรรมสไตล์นี้ รูปร่างภายนอก ทำให้หลี่ฝางหลงใหลในทันที

“เข้าไปดูด้านในเถอะ” จ้าวเสี่ยวตาวมองอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น

หลังจากเข้าไป หลี่ฝางก็ยิ่งพอใจ เมื่อเดินเข้าประตูมา ก็ทำให้รู้สึกถึงความสบาย

สีพื้นและผนัง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในห้อง ทั้งหมดดูเข้ากันเป็นอย่างดี

“ไม่เลว แต่มันใหญ่ไป ถ้าอยู่กันสองคน” จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ใหญ่หน่อยไม่ดีเหรอ? สุดสัปดาห์ พวกเราสามารถเชิญเพื่อนมาpartyได้นะ” เฉียนเป่าเอ๋อพูด

“” ถ้าหากนายคิดว่าบ้านนี้พื้นที่ใหญ่ไป แล้วราคาแพงไป ฉันกลับไปคุยกับพ่อได้นะ ให้ตระกูลเฉียนออกเงินส่วนนึง” เฉียนเป่าเอ๋อพูดอย่างไม่รู้สึกอะไร

“ทำแบบนั้นได้ไง เรื่องซื้อบ้านเป็นเรื่องของตระกูลจ้าวนะ จะให้ตระกูลเฉียนของพวกเธอออกเงินได้ยังไงกัน” จ้าวเสี่ยวตาวพูด

“ยังไงก็ได้ ยังไงตระกูลเฉียนของพวกเราสิ่งที่ไม่ขาดมากที่สุดนั่นก็คือเงิน” เฉียนเป่าเอ๋อยิ้มอ่อนพลางพูด

ขณะนั้น จ้าวเสี่ยวตาวก็หันหลัง ไปมองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง บ้านนี้เป็นยังไง?”

หลี่ฝางพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูด: “ใช้ได้นะ แต่ว่าเล็กไปหน่อย”

หลี่ฝางหันหน้า มองไปทางถิงถิง แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง: “มีหลังใหญ่กว่านี้มั้ย?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท