บทที่ 224 พ่อนายเป็นใคร หลี่เจียเฉินเหรอ
“นี่มันแบล็กการ์ดของAmerican Expressนี่”
ถิงถิงอ้าปากค้าง มองหลี่ฝางอย่างตกตะลึง
หลี่ฝางยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้พูดอะไร
เขาชอบดูสีหน้าถิงถิงตอนตกใจมาก
รับแบล็กการ์ดจากมือหลี่ฝางไป ถิงถิงบีบหนึ่งที
เป็นแบล็กการ์ดจริงๆ เป็นการ์ดแข็งทำจากโลหะ จะหนักว่าบัตรเครดิตทั่วไปอยู่มาก
“นี่มันของจริงเหรอ”มองดูแสงสะท้อนจากผิวการ์ด ถิงถิงถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณก็ลองรูดดูสิ จะได้รู้ไง”หลี่ฝางเอ่ยเรียบๆ
ถิงถิงขมวดคิ้ว รีบควักมือถือออกมาทันที โทรหาหมายเลขหนึ่ง “เสี่ยวหวัง เอาเครื่อง pos มาที่บ้านหมายเลขหนึ่งที”
ถิงถิงมองไปยังหลี่ฝาง สงสัยว่ามากว่าแบล็กการ์ดเป็นของจริงหรือไม่
เพราะว่า คนที่จะมีแบล็กการ์ดได้ ส่วนมากก็จะมีอายุตั้งแต่สามสิบห้าปีขึ้นไปแล้ว สถานะของพวกเขา ล้วนเป็นประธานบริษัทต่างๆ
แต่หลี่ฝางที่อยู่ตรงหน้า ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่จะมีแบล็กการ์ดใช้ได้
ถิงถิงยังคงมองหลี่ฝางอย่างดูแคลน “บัตรใบนี้คงไม่ได้เก็บมาหรอกนะ ”
“แบล็กการ์ด ปกติก็เห็นได้ยาก คิดว่าทั้งเมืองเอกนี้ ก็คงไม่มีสักใบ คุณว่าผมเก็บได้ เอางี้นะ คุณก็ลองไปเก็บดูสิว่ามีมั้ย”หลี่ฝางหึในลำคอ
“ถ้าคุณไม่ได้เก็บมันมาได้ งั้นแบล็กการ์ดนี้ ก็คงเป็นของปลอม ”ถิงถิงพูดราวกับแน่ใจ
“ผมคิดว่าคุณคงยังไม่รู้ แบล็กการ์ดใบนี้ สามารถรูดได้ในวงเงินไม่จำกัด นั่นหมายความว่า หากคุณเป็นเจ้าของบัตรใบนี้จริง แน่นอนว่าคงจะไม่ได้จ่ายแค่เงินดาวน์ คงรูดเต็มราคา”
“เพราะว่า คนในประเทศ ที่มีบัตรแบล็กการ์ด จะมีสักกี่คน ก็คงจะมีแต่พวกของหวังซือชงไม่กี่คนที่เป็นลูกหลานคนรวยเท่านั้นละมั้ง”
“เจ้าของตัวจริงของบัตรแบล็กการ์ด แต่ละคนล้วนอยู่ในอันดับรายชื่อในนิตยสารฟอร์บส์ พวกเขาซื้อบ้าน ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินดาวน์ด้วยซ้ำ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว มันยุ่งยากเกินไป”ถิงถิงวิเคราะห์อย่างละเอียด
หลี่ฝางหัวเราะ มองถิงถิง “คุณเข้าใจคนรวยดีจริงๆ”
“ฉันต้องคลุกคลีกับคนรวยทุกวัน ”ถิงถิงพูด
“คุณหมายถึงจ้าวเสี่ยวตาวพวกเขาเหรอ”หลี่ฝางหัวเราะดูถูก
ราวกับว่าคนอย่างจ้าวเสี่ยวตาว อยู่ตรงหน้าของตนแล้ว ก็เป็นแค่ยาจกเท่านั้น
ตอนนี้เอง เฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวเดินออกมาจากบ้าน
เฉียนเป่าเอ๋อมองไปยังถิงถิงและพูดว่า “ไปกันเถอะ”
ตอนนี้สีหน้าของเฉียนเป่าเอ๋อ ไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่ แต่บนใบหน้าของเฉียนเป่าเอ๋อ หลี่ฝางสามารถดูออกว่ามีความผิดหวังอยู่บ้าง
หลี่ฝางขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเป็นห่วง “ทำไมเหรอ ข้างในบ้านไม่ดีเหรือไง ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น ”
“ก็เพราะว่ามันดีมากน่ะสิ แต่ฉันซื้อไม่ได้ไง ก็เลยมีสีหน้าอย่างนี้”
เฉียนเป่าเอ๋อฝืนยิ้ม และพูดขึ้น
หลี่ฝางได้ยินแล้ว ก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“คุณดีใจอะไร คุณซื้อไหวเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อกลอกตาให้หลี่ฝาง
เฉียนเป่าเอ๋อไม่คิว่าหลี่ฝางจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งได้
เธอมองไปที่ถิงถิง พูดว่า “ส่งเราลงเขาเถอะ เดินไปรอบหนึ่ง รู้สึกหิวบ้างแล้วล่ะ”
เฉียนเป่าเอ๋อรู้สึกว่า บ้านหมายเลขหนึ่งนี้กว้างใหญ่มาก เดินหนึ่งรอบ ต้องใช้เวลาสิบกว่านาที
นี่เหมือนกับขี่ม้าชมดอกไม้ไปรอบหนึ่งเลยนะ
หากว่าไปดูทุกอย่างอย่างละเอียดละก็ คงต้องใช้เวลาเป็นครึ่งชั่วโมง
“คุณหนูเฉียน รอสักครู่นะคะ เพื่อนร่วมงานฉันจะขึ้นมาเดี๋ยวนี้แล้ว เขาจะส่งเครื่องposขึ้นมาให้ ถ้าเราลงเขาไปตอนนี้ เขาจะหาพวกเราไม่เจอ”ถิงถิงพูด
เฉียนเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว“ส่งเครื่องposมาทำไม จะให้พวกเราจ่ายเงินมัดจำเหรอ”
พูดจบ เฉียนเป่าเอ๋อก็หัวเราะหึหึ
จ้าวเสี่ยวตาวกลับมองถิงถิงอย่างมีอารมณ์โกรธอยู่บ้าง พูดขึ้นว่า “บ้านหมายเลขแปด พวกเราบอกว่าซื้อ ก็ซื้อสิ ยังต้องจ่ายเงินมัดจำอีกเหรอ”
“นี่เธอหมายความว่าไง ไม่เชื่อถือพวกเราเหรอ”จ้าวเสี่ยวตาวถามเสียงเย็น
การซื้อบ้านทั่วไปแล้ว ตอนที่จองบ้าน ก็ต้องจ่ายมัดจำส่วนหนึ่ง
ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะถูกปล่อยให้หลุดจองโดยง่าย
แต่คฤหาสน์บ้านซานไม่ทำอย่างนั้น เพราะลูกค้าของคฤหาสน์บ้านซาน ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีสถานะทางสังคมทั้งนั้น
ให้พวกเขาจ่ายเงินมัดจำ เท่ากับดูถูกพวกเขา
เห็นเฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวโมโหพร้อมกัน ถิงถิงก็รีบอธิบายทันที “คุณหนูเฉียน คุณชายจ้าว พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ”
“พวกคุณทั้งสองคนล้วนเป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองเอกนี้ ฉันจะเก็บเงินมัดจำกับพวกคุณได้ยังไง”ถิงถิงพูด
“แล้วเธอให้เพื่อนของเธอ เอาเครื่องposขึ้นมาทำไม”จ้าวเสี่ยวตาวยังคงถามอย่างโมโห
ถิงถิงชี้ไปที่หลี่ฝาง พูดว่า “เขาจะซื้อบ้าน”
“อีกอย่าง ยังบอกว่าจะรูดบัตร”
ถิงถิงพูดจบ จ้าวเสี่ยวตาวก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ฉันว่าเธอมันโง่ เธอเชื่อคำพูดมันด้วยเหรอ”
“รูดบัตร แม้แต่เงินดาวน์ของบ้านหมายเลขหนึ่ง อย่างต่ำก็ต้องใช้สี่สิบกว่าล้าน เธอคิดว่าในบัตรของเขา จะมีเงินมากกว่าสี่สิบล้านมั้ย”จ้าวเสี่ยวตาวมองถิงถิงอย่างจนคำพูด ส่ายหัวไปมา
“เขารูดบัตรเครดิต”ถิงถิงลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดเสริมขึ้น
“บัตรเครดิต ฉันว่าเธอเนี่ยไม่เพียงแต่โง่นะ แต่งี่เง่าด้วย บัตรเครดิตอะไร จะสามารถรูดวงเงินสี่ห้าสิบล้านในทีเดียว”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะเสียงเย็น “เธอคิดว่าเขามีแบล็กการ์ดหรือไง”
ถิงถิงมองจ้าวเสี่ยวตาว พูดว่า“พูดขึ้นว่า คุณรู้ได้ยังไงว่า เขาให้บัตรแบล็กการ์ดกับฉันมา”
ระหว่างพูด ถิงถิงก็ชูบัตรแบล็กการ์ดบนมือ ส่งให้จ้าวเสี่ยวตาวดู
จ้าวเสี่ยวตาวเห็นแล้วอึ้งไปทันที
เฉียนเป่าเอ๋อก็มองหลี่ฝางอย่างคาดไม่ถึง ถามขึ้นว่า “บัตรแบล็กการ์ดเป็นของคุณเหรอ”
“ใช่ของผมเอง”หลี่ฝางพยักหน้ารับ
เฉียนเป่าเอ๋อกลืนน้ำลายคงคอ “ทำไมคุณถึงมีบัตรแบล็กการ์ดได้”
บ้านของเฉียนเป่าเอ๋อถือว่ารวยมากแล้ว
แต่ว่าครอบครัวที่มีเงินขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นว่าแบล็กการ์ดหน้าตาเป็นยังไงเลย
วันนี้ได้เห็นแล้ว
“พ่อผมให้ผมมา”หลี่ฝางพูดเรียบๆ
“พ่อคุณเป็นใคร หลี่เจียเฉินเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อถามต่อ
นามสกุลหลี่ คนแรกที่เฉียนเป่าเอ๋อนึกได้ ก็คือหลี่เจียเฉิน เพราะเขามีเงินมากที่สุด
หลี่ฝางส่ายหน้า พูดขึ้นในใจ หลี่เจียเฉินเป็นปู่ของผม ไม่ใช่พ่อผม
“เป่าเอ๋อ คุณจะฟังมันพูดเรื่อยเปื่อยทำไมกัน ผมว่า บัตรใบนี้แปดในสิบยังไงก็ปลอม ”
“ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แปดในสิบ แต่เป็นของก๊อปร้อยเปอร์เซ็นต์”เพิ่งพูดจบไป จ้าวเสี่ยวตาวก็รีบแก้ไขคำพูดทันที
“คุณดูสารรูปเขาสิ เหมือนคนที่จะมีแบล็กการ์ดตรงไหน ”จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝางอย่างดูถูก
“จ้าวเสี่ยวตาว คุณเคยได้ยินคำว่าดูคนอย่าดูแค่เปลือกนอก คุณดูอย่างหวังซือชงสิ เขาเหมือนลูกคนรวนทีไหนกัน มองไป เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดา”
เฉียนเป่าเอ๋อพูดขึ้น
จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝางด้วยสายตาคมกริบ “เขาเนี่ยนะ เอาไปเทียบกับหวังซือชง ผมว่าเขาไม่เหมาะแม้แต่จะถือรองเท้าให้หวังซือชงด้วยซ้ำ ”
“ผมว่านะเป่าเอ๋อ คุณคงไม่ได้หลงเชื่อว่าบัตรนี้เป็นของจริงหรอกนะ ”จ้าวเสี่ยวตาวมองเฉียนเป่าเอ๋ออย่างจนคำพูด
เฉียนเป่าเอ๋อก็ไม่ได้เชื่อซะทีเดียว
เพราะแบล็กการ์ด ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
คนที่บัตรนี้ได้ ยิ่งพบเห็นได้ยาก
ในเมืองเอกใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ที่จะได้รับแบล็กการ์ด
หลี่ฝาง ……
มองไปแล้วก็ธรรมดาไม่โดดเด่น ทำไมถึงได้เป็นผู้ครอบครองแบล็กการ์ด
แต่ว่าเฉียนเป่าเอ๋อยังคงอยากทดสอบท่าที จึงพูดว่า “ใช่ของจริงหรือเปล่า อีกเดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้วไม่ใช่เหรอ ”
“หลี่ฝาง นายเสียเงินทำบัตรปลอมนี้เท่าไหร่ ช่วยฉันทำใบหนึ่งสิ ”จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง และถามขึ้น
“ผมบอกแล้ว บัตรนี้พ่อผมให้มา ”หลี่ฝางพูดจบ ก็ขี้เกียจจะสนใจจ้าวเสี่ยวตาวอีก
“ยังทำตัวไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาอีก”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะหึหึ “เดี๋ยวเครื่องposก็ส่งขึ้นมาแล้ว ฉันจะรอดูว่านายจะเสแสร้งอะไรอีก”
รอไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งถือเครื่องposมาอยู่ตรงหน้าพวกหลี่ฝาง
“พี่ถิงถิง เครื่องposที่พี่จะเอา”หนุ่มน้อยยื่นเครื่องposให้กับถิงถิง
ถิงถิงรับไป พูดกับหลี่ฝางว่า “ใส่รหัสของคุณด้วย”
“เดี๋ยวก่อน”หลี่ฝางหันไปมองหนุ่มน้อย ถามขึ้นว่า “นายชื่ออะไร”
“สวัสดีครับ คุณผู้ชาย ผมชื่อหวางจุน”
“นายก็เป็นเซลล์ของที่นี่เหรอ ”หลี่ฝางถาม
“ผมยังอยู่ในช่วงฝึกงานน่ะครับ”หวางจุนยิ้มอย่างอายๆ
“ฝึกงานก็ไม่เป็นไร นายมีสิทธิ์ในการขายบ้านก็พอ”หลี่ฝางชิงเอาเครื่องposกับแบล็กการ์ดไป ยื่นให้กับหวางจุน
“ฉันเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้ไป นายช่วยคิดราคาให้หน่อย ฉันจะรูดบัตร”หลี่ฝางพูด
หวางจุนได้ยิน ก็มองหลี่ฝางอย่างตะลึง “คุณหมายความว่า จะใช้ผมให้ช่วยคุณ ซื้อบ้านหมายเลขหนึ่ง ใช่มั้ยครับ”
นาทีนี้ หวางจุนตื่นเต้นจนพูดเสียงสั่นเครือ