NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 224

ตอนที่ 224

บทที่ 224 พ่อนายเป็นใคร หลี่เจียเฉินเหรอ

“นี่มันแบล็กการ์ดของAmerican Expressนี่”

ถิงถิงอ้าปากค้าง มองหลี่ฝางอย่างตกตะลึง

หลี่ฝางยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้พูดอะไร

เขาชอบดูสีหน้าถิงถิงตอนตกใจมาก

รับแบล็กการ์ดจากมือหลี่ฝางไป ถิงถิงบีบหนึ่งที

เป็นแบล็กการ์ดจริงๆ เป็นการ์ดแข็งทำจากโลหะ จะหนักว่าบัตรเครดิตทั่วไปอยู่มาก

“นี่มันของจริงเหรอ”มองดูแสงสะท้อนจากผิวการ์ด ถิงถิงถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณก็ลองรูดดูสิ จะได้รู้ไง”หลี่ฝางเอ่ยเรียบๆ

ถิงถิงขมวดคิ้ว รีบควักมือถือออกมาทันที โทรหาหมายเลขหนึ่ง “เสี่ยวหวัง เอาเครื่อง pos มาที่บ้านหมายเลขหนึ่งที”

ถิงถิงมองไปยังหลี่ฝาง สงสัยว่ามากว่าแบล็กการ์ดเป็นของจริงหรือไม่

เพราะว่า คนที่จะมีแบล็กการ์ดได้ ส่วนมากก็จะมีอายุตั้งแต่สามสิบห้าปีขึ้นไปแล้ว สถานะของพวกเขา ล้วนเป็นประธานบริษัทต่างๆ

แต่หลี่ฝางที่อยู่ตรงหน้า ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่จะมีแบล็กการ์ดใช้ได้

ถิงถิงยังคงมองหลี่ฝางอย่างดูแคลน “บัตรใบนี้คงไม่ได้เก็บมาหรอกนะ ”

“แบล็กการ์ด ปกติก็เห็นได้ยาก คิดว่าทั้งเมืองเอกนี้ ก็คงไม่มีสักใบ คุณว่าผมเก็บได้ เอางี้นะ คุณก็ลองไปเก็บดูสิว่ามีมั้ย”หลี่ฝางหึในลำคอ

“ถ้าคุณไม่ได้เก็บมันมาได้ งั้นแบล็กการ์ดนี้ ก็คงเป็นของปลอม ”ถิงถิงพูดราวกับแน่ใจ

“ผมคิดว่าคุณคงยังไม่รู้ แบล็กการ์ดใบนี้ สามารถรูดได้ในวงเงินไม่จำกัด นั่นหมายความว่า หากคุณเป็นเจ้าของบัตรใบนี้จริง แน่นอนว่าคงจะไม่ได้จ่ายแค่เงินดาวน์ คงรูดเต็มราคา”

“เพราะว่า คนในประเทศ ที่มีบัตรแบล็กการ์ด จะมีสักกี่คน ก็คงจะมีแต่พวกของหวังซือชงไม่กี่คนที่เป็นลูกหลานคนรวยเท่านั้นละมั้ง”

“เจ้าของตัวจริงของบัตรแบล็กการ์ด แต่ละคนล้วนอยู่ในอันดับรายชื่อในนิตยสารฟอร์บส์ พวกเขาซื้อบ้าน ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินดาวน์ด้วยซ้ำ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว มันยุ่งยากเกินไป”ถิงถิงวิเคราะห์อย่างละเอียด

หลี่ฝางหัวเราะ มองถิงถิง “คุณเข้าใจคนรวยดีจริงๆ”

“ฉันต้องคลุกคลีกับคนรวยทุกวัน ”ถิงถิงพูด

“คุณหมายถึงจ้าวเสี่ยวตาวพวกเขาเหรอ”หลี่ฝางหัวเราะดูถูก

ราวกับว่าคนอย่างจ้าวเสี่ยวตาว อยู่ตรงหน้าของตนแล้ว ก็เป็นแค่ยาจกเท่านั้น

ตอนนี้เอง เฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวเดินออกมาจากบ้าน

เฉียนเป่าเอ๋อมองไปยังถิงถิงและพูดว่า “ไปกันเถอะ”

ตอนนี้สีหน้าของเฉียนเป่าเอ๋อ ไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่ แต่บนใบหน้าของเฉียนเป่าเอ๋อ หลี่ฝางสามารถดูออกว่ามีความผิดหวังอยู่บ้าง

หลี่ฝางขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเป็นห่วง “ทำไมเหรอ ข้างในบ้านไม่ดีเหรือไง ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น ”

“ก็เพราะว่ามันดีมากน่ะสิ แต่ฉันซื้อไม่ได้ไง ก็เลยมีสีหน้าอย่างนี้”

เฉียนเป่าเอ๋อฝืนยิ้ม และพูดขึ้น

หลี่ฝางได้ยินแล้ว ก็ยิ้มขึ้นมาทันที

“คุณดีใจอะไร คุณซื้อไหวเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อกลอกตาให้หลี่ฝาง

เฉียนเป่าเอ๋อไม่คิว่าหลี่ฝางจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งได้

เธอมองไปที่ถิงถิง พูดว่า “ส่งเราลงเขาเถอะ เดินไปรอบหนึ่ง รู้สึกหิวบ้างแล้วล่ะ”

เฉียนเป่าเอ๋อรู้สึกว่า บ้านหมายเลขหนึ่งนี้กว้างใหญ่มาก เดินหนึ่งรอบ ต้องใช้เวลาสิบกว่านาที

นี่เหมือนกับขี่ม้าชมดอกไม้ไปรอบหนึ่งเลยนะ

หากว่าไปดูทุกอย่างอย่างละเอียดละก็ คงต้องใช้เวลาเป็นครึ่งชั่วโมง

“คุณหนูเฉียน รอสักครู่นะคะ เพื่อนร่วมงานฉันจะขึ้นมาเดี๋ยวนี้แล้ว เขาจะส่งเครื่องposขึ้นมาให้ ถ้าเราลงเขาไปตอนนี้ เขาจะหาพวกเราไม่เจอ”ถิงถิงพูด

เฉียนเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว“ส่งเครื่องposมาทำไม จะให้พวกเราจ่ายเงินมัดจำเหรอ”

พูดจบ เฉียนเป่าเอ๋อก็หัวเราะหึหึ

จ้าวเสี่ยวตาวกลับมองถิงถิงอย่างมีอารมณ์โกรธอยู่บ้าง พูดขึ้นว่า “บ้านหมายเลขแปด พวกเราบอกว่าซื้อ ก็ซื้อสิ ยังต้องจ่ายเงินมัดจำอีกเหรอ”

“นี่เธอหมายความว่าไง ไม่เชื่อถือพวกเราเหรอ”จ้าวเสี่ยวตาวถามเสียงเย็น

การซื้อบ้านทั่วไปแล้ว ตอนที่จองบ้าน ก็ต้องจ่ายมัดจำส่วนหนึ่ง

ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะถูกปล่อยให้หลุดจองโดยง่าย

แต่คฤหาสน์บ้านซานไม่ทำอย่างนั้น เพราะลูกค้าของคฤหาสน์บ้านซาน ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีสถานะทางสังคมทั้งนั้น

ให้พวกเขาจ่ายเงินมัดจำ เท่ากับดูถูกพวกเขา

เห็นเฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวโมโหพร้อมกัน ถิงถิงก็รีบอธิบายทันที “คุณหนูเฉียน คุณชายจ้าว พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ”

“พวกคุณทั้งสองคนล้วนเป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองเอกนี้ ฉันจะเก็บเงินมัดจำกับพวกคุณได้ยังไง”ถิงถิงพูด

“แล้วเธอให้เพื่อนของเธอ เอาเครื่องposขึ้นมาทำไม”จ้าวเสี่ยวตาวยังคงถามอย่างโมโห

ถิงถิงชี้ไปที่หลี่ฝาง พูดว่า “เขาจะซื้อบ้าน”

“อีกอย่าง ยังบอกว่าจะรูดบัตร”

ถิงถิงพูดจบ จ้าวเสี่ยวตาวก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ฉันว่าเธอมันโง่ เธอเชื่อคำพูดมันด้วยเหรอ”

“รูดบัตร แม้แต่เงินดาวน์ของบ้านหมายเลขหนึ่ง อย่างต่ำก็ต้องใช้สี่สิบกว่าล้าน เธอคิดว่าในบัตรของเขา จะมีเงินมากกว่าสี่สิบล้านมั้ย”จ้าวเสี่ยวตาวมองถิงถิงอย่างจนคำพูด ส่ายหัวไปมา

“เขารูดบัตรเครดิต”ถิงถิงลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดเสริมขึ้น

“บัตรเครดิต ฉันว่าเธอเนี่ยไม่เพียงแต่โง่นะ แต่งี่เง่าด้วย บัตรเครดิตอะไร จะสามารถรูดวงเงินสี่ห้าสิบล้านในทีเดียว”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะเสียงเย็น “เธอคิดว่าเขามีแบล็กการ์ดหรือไง”

ถิงถิงมองจ้าวเสี่ยวตาว พูดว่า“พูดขึ้นว่า คุณรู้ได้ยังไงว่า เขาให้บัตรแบล็กการ์ดกับฉันมา”

ระหว่างพูด ถิงถิงก็ชูบัตรแบล็กการ์ดบนมือ ส่งให้จ้าวเสี่ยวตาวดู

จ้าวเสี่ยวตาวเห็นแล้วอึ้งไปทันที

เฉียนเป่าเอ๋อก็มองหลี่ฝางอย่างคาดไม่ถึง ถามขึ้นว่า “บัตรแบล็กการ์ดเป็นของคุณเหรอ”

“ใช่ของผมเอง”หลี่ฝางพยักหน้ารับ

เฉียนเป่าเอ๋อกลืนน้ำลายคงคอ “ทำไมคุณถึงมีบัตรแบล็กการ์ดได้”

บ้านของเฉียนเป่าเอ๋อถือว่ารวยมากแล้ว

แต่ว่าครอบครัวที่มีเงินขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นว่าแบล็กการ์ดหน้าตาเป็นยังไงเลย

วันนี้ได้เห็นแล้ว

“พ่อผมให้ผมมา”หลี่ฝางพูดเรียบๆ

“พ่อคุณเป็นใคร หลี่เจียเฉินเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อถามต่อ

นามสกุลหลี่ คนแรกที่เฉียนเป่าเอ๋อนึกได้ ก็คือหลี่เจียเฉิน เพราะเขามีเงินมากที่สุด

หลี่ฝางส่ายหน้า พูดขึ้นในใจ หลี่เจียเฉินเป็นปู่ของผม ไม่ใช่พ่อผม

“เป่าเอ๋อ คุณจะฟังมันพูดเรื่อยเปื่อยทำไมกัน ผมว่า บัตรใบนี้แปดในสิบยังไงก็ปลอม ”

“ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แปดในสิบ แต่เป็นของก๊อปร้อยเปอร์เซ็นต์”เพิ่งพูดจบไป จ้าวเสี่ยวตาวก็รีบแก้ไขคำพูดทันที

“คุณดูสารรูปเขาสิ เหมือนคนที่จะมีแบล็กการ์ดตรงไหน ”จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝางอย่างดูถูก

“จ้าวเสี่ยวตาว คุณเคยได้ยินคำว่าดูคนอย่าดูแค่เปลือกนอก คุณดูอย่างหวังซือชงสิ เขาเหมือนลูกคนรวนทีไหนกัน มองไป เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดา”

เฉียนเป่าเอ๋อพูดขึ้น

จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝางด้วยสายตาคมกริบ “เขาเนี่ยนะ เอาไปเทียบกับหวังซือชง ผมว่าเขาไม่เหมาะแม้แต่จะถือรองเท้าให้หวังซือชงด้วยซ้ำ ”

“ผมว่านะเป่าเอ๋อ คุณคงไม่ได้หลงเชื่อว่าบัตรนี้เป็นของจริงหรอกนะ ”จ้าวเสี่ยวตาวมองเฉียนเป่าเอ๋ออย่างจนคำพูด

เฉียนเป่าเอ๋อก็ไม่ได้เชื่อซะทีเดียว

เพราะแบล็กการ์ด ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก

คนที่บัตรนี้ได้ ยิ่งพบเห็นได้ยาก

ในเมืองเอกใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ที่จะได้รับแบล็กการ์ด

หลี่ฝาง ……

มองไปแล้วก็ธรรมดาไม่โดดเด่น ทำไมถึงได้เป็นผู้ครอบครองแบล็กการ์ด

แต่ว่าเฉียนเป่าเอ๋อยังคงอยากทดสอบท่าที จึงพูดว่า “ใช่ของจริงหรือเปล่า อีกเดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้วไม่ใช่เหรอ ”

“หลี่ฝาง นายเสียเงินทำบัตรปลอมนี้เท่าไหร่ ช่วยฉันทำใบหนึ่งสิ ”จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง และถามขึ้น

“ผมบอกแล้ว บัตรนี้พ่อผมให้มา ”หลี่ฝางพูดจบ ก็ขี้เกียจจะสนใจจ้าวเสี่ยวตาวอีก

“ยังทำตัวไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาอีก”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะหึหึ “เดี๋ยวเครื่องposก็ส่งขึ้นมาแล้ว ฉันจะรอดูว่านายจะเสแสร้งอะไรอีก”

รอไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งถือเครื่องposมาอยู่ตรงหน้าพวกหลี่ฝาง

“พี่ถิงถิง เครื่องposที่พี่จะเอา”หนุ่มน้อยยื่นเครื่องposให้กับถิงถิง

ถิงถิงรับไป พูดกับหลี่ฝางว่า “ใส่รหัสของคุณด้วย”

“เดี๋ยวก่อน”หลี่ฝางหันไปมองหนุ่มน้อย ถามขึ้นว่า “นายชื่ออะไร”

“สวัสดีครับ คุณผู้ชาย ผมชื่อหวางจุน”

“นายก็เป็นเซลล์ของที่นี่เหรอ ”หลี่ฝางถาม

“ผมยังอยู่ในช่วงฝึกงานน่ะครับ”หวางจุนยิ้มอย่างอายๆ

“ฝึกงานก็ไม่เป็นไร นายมีสิทธิ์ในการขายบ้านก็พอ”หลี่ฝางชิงเอาเครื่องposกับแบล็กการ์ดไป ยื่นให้กับหวางจุน

“ฉันเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้ไป นายช่วยคิดราคาให้หน่อย ฉันจะรูดบัตร”หลี่ฝางพูด

หวางจุนได้ยิน ก็มองหลี่ฝางอย่างตะลึง “คุณหมายความว่า จะใช้ผมให้ช่วยคุณ ซื้อบ้านหมายเลขหนึ่ง ใช่มั้ยครับ”

นาทีนี้ หวางจุนตื่นเต้นจนพูดเสียงสั่นเครือ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท