NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 241

ตอนที่ 241

บทที่ 241 เข้าถ้ำเสือ

“เจ้านาย คุณเป็นตัวซวยหรือเปล่า?” ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง และถามอย่างจริงจัง

“หมายความว่าไง?”

“คุณบอกว่าคุณไปถึงไหน ที่นั่นก็เกิดเรื่องขึ้น นี่ไม่ใช่ตัวซวย แล้วคืออะไร?”ส้าวส้วยหัวเราะ

“แต่คุณดีกว่าโคนันเยอะ โคนันไปถึงไหน ต้องมีคนตายที่นั่น”

“เกิดเรื่องกับจางกงหมิง ไม่ใช่เกิดเรื่องกับผม”หลี่ฝางอธิบายอย่างหมดหนทาง

“นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นกันอีก

“เกิดเรื่องกับจางกงหมิง เกี่ยวอะไรกันผม”

“เจ้านาย ผมคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณแล้ว”

ส้าวส้วยหันกลับมาและพูดว่า “ผมกลับไปดูเต้นรำ เมื่อกี้พึ่งเต้นได้แค่ครึ่งเดียว”

“คืนนี้ฉันเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์” หลี่ฝางพูดอย่างจนปัญญา

ส้าวส้วยยิ้มอย่างมีความสุข “เจ้านาย คราวหน้าก็พูดเร็วกว่านี้หน่อย”

จางกงหมิงวิ่งออกมา พึ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีกุญแจรถ ช่วงเวลาฉุกเฉิน เขาหยิบอิฐก้อน ทุบกระจกรถG ของหลี่ฝาง แล้วมุดเข้าไป

เมื่อหลินชิงชิงไล่ตามมาถึง จางกงหมิงก็เสียกกุญแจกดปุ่มสตาร์ท และสตาร์ทรถเรียบร้อย

ในขณะนี้ หลี่ฝางได้พาส้าวส้วยไล่ตามมาถึง

“จางกงหมิงอยู่ไหน?” หลี่ฝางเห็นหลินชิงชิง พึ่งรู้ว่ารถเบนซ์G-Classของเขาหายไป

หลี่ฝางตื่นตระหนกทันที “จางกงหมิงขับรถของฉันไปแล้ว? แม่ง กุญแจอยู่กับฉัน เขาทำได้ยังไง?”

“ขึ้นรถก่อน” ส้าวส้วยไม่พูดเรื่องไร้สาระ รีบสั่งทันที

หลังจากขึ้นรถ หลินชิงชิงอธิบายว่า “อันที่จริงแต่ก่อนพ่อของฉันเป็นเซียนขโมยรถ จางกงหมิงติดตามพ่อของฉันมาตั้งแต่เด็ก ต้องเรียนรู้วิชานี้ไปแน่นอน”

“ยังมีเรื่องอย่างนี้” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

ในขณะนี้ หลี่ฝางไม่มองเห็นรถเบนซ์G-Calssแล้ว จะไล่ตามก็ไม่ทันแล้ว

ส้าวส้วยเหลือบมองนาฬิกาของตัวเอง และสตาร์ทรถของตัวเอง

รถของส้าวส้วย จะดูเก่าแก่ไปหน่อย แต่ก็เร่งความเร็วได้เร็วมาก

ทันใดนั้น ก็ขับรถออกไปด้วยความเร็วสุดขีด

“รถดัดแปลง?” หลี่ฝางพูดด้วยความเหลือเชื่อ

“ใช่แล้ว ผมทำสิ่งนี้โดยเฉพาะ” ส้าวส้วยพยักหน้า

“แค่รถเก่าๆนี้ มันคุ้มที่จะดัดแปลงเหรอ” หลี่ฝางยิ้มอย่างเหยียดหยาม

รถเก่าของส้าวส้วย ซื้อมาจากตลาดมือสอง และมีราคาเพียงหนึ่งหมื่นบาท

เป็นรถซานตาน่าที่คนอื่นขับมาเกือบสิบปี

รถอย่างนี้ มันคุ้มที่จะดัดแปลงไหม

“วันหน้าผมซื้อรถหรูให้นายหนึ่งคัน” หลี่ฝางพูด

“ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ให้ผมกินอีกสองอันดีกว่า” ส้าวส้วยหัวเราะและปฏิเสธ

รถหรูเทียบแฮมเบอร์เกอร์ไม่ได้?

ดูเหมือนในสายตาของส้าวส้วย แฮมเบอร์เกอร์นี้มีค่ามากกว่าชีวิตเขา

ในเวลานี้ รถเบนซ์G-Class ปรากฏต่อสายตาของหลี่ฝาง

“รถเบนซ์G-Classของผม?” หลี่ฝางมองไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ใบหน้าของหลินชิงชิงก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน

“นายทำได้อย่างไร?” หลี่ฝางหันหัวมา และมองส้าวส้วยอย่างเหลือเชื่อ

ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ผมขับมั่วๆแหละ ใครจะรู้ว่าบังเอิญ เขาก็ขับรถมาในทิศทางนี้ด้วย”

ถนนเส้นที่ไปเขตเกาซิน มีหลายทาง

หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าจางกงหมิงจะไปทางไหน

ส้าวส้วยเดามั่ว?

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และโทรหาหวางเห้า “ทางฝั่งนายเตรียมพร้อมหรือยัง?”

“เตรียมพร้อมแล้ว พวกเราออกเดินทางจากประตูหลัง และหลีกเลี่ยงคนเฝ้าประตู” หวางเห้าพูด

หลี่ฝางติดตามหวางเห้า ได้กดจุดตำแหน่งที่อยู่

รถของหวางเห้า ปรากฏอยู่ด้านหลังหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้ จางกงหมิงเริ่มเร่งความเร็ว

“เจ้านาย ต้องการแซงหรือไม่” ส้าวส้วยถามเบาๆ

“แค่ตามหลังก็พอ ไม่ต้องแซงเขา” หลี่ฝางพูด

ส้าวส้วยพยักหน้า และขับตามจางกงหมิงอย่างกระชั้นชิด มีหลายครั้งที่จางกงหมิงพยายามขับหนีส้าวส้วย แต่ก็ล้มเหลว

มุมปากของส้าวส้วย มีรอยยิ้มเหยียดหยาม

เขาขับรถด้วยมือข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจับเครา ข้างหนึ่งวางอยู่บนพวงมาลัย

เร่งความเร็ว เลี้ยวกะทันหัน สีหน้าส้าวส้วย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

หลี่ฝางนึกถึงเรื่องฉากในร้านอาบอบนวด

เมื่อกี้หลี่ฝางรีบวิ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวเพื่อตามหาส้าวส้วย สีหน้าของเขา ไม่มีความรู้สึกใดๆ

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ส้าวส้วย นายไม่มีประสิทธิภาพในการเล่นพวกนั้นแล้วเหรอ?”

“เจ้านาย ไม่มีประสิทธิภาพอะไร?” ส้าวส้วยถามต่อ

หลี่ฝางยิ้ม “ก็ช่วงล่างของนาย”

“สาวสวยขนาดนั้น นายไม่มีความรู้สึก นายยังเป็นผู้ชายหรือเปล่า? ยังตะโกนหาสาวๆ… …” หลี่ฝางกลั้นไม่ไหว หัวเราะออกมาทันที

“เจ้านาย ความคิดของคุณน่ารังเกียจ ผมหาสาวๆ ไม่ใช่เพื่อความสนุก ผมต้องการฝึกสมาธิของตัวเอง” ส้าวส้วยพูด

“ฝึกสมาธิ?”หลี่ฝางตะลึง “ฝึกของพวกนั้นทำไม?”

ไอ้หมอนี่ สมองมีปัญหาหรือเปล่า? มีสาวสวยไม่รีบหาความสุข แต่ใช้ฝึกสมาธิของตัวเอง!

ช่างเป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดจริงๆ

“สิ่งที่ทำให้ผู้ชายตกอับได้ง่าย ก็คือความอ่อนโยน” ส้าวส้วยหัวเราะ และพูดว่า “ผมเป็นคนทำงานใหญ่ และจะตกอับไม่ได้”

หลี่ฝางยิ้ม ไม่พูดอะไร

ร่างกายของส้าวส้วย เหมือนมีปริศนา

เขามีศักยภาพที่จะทำงานใหญ่ เพียงแต่ว่า ทำไมเขาต้องอยู่เคียงข้างตัวเอง?

สันนิษฐานว่า มันต้องเกี่ยวข้องกับพ่อของตัวเอง

สิบนาทีต่อมา จางกงหมิงจอดรถที่หน้าตึกร้าง

หลังจากลงจากรถ จางกงหมิงใช้มือสองข้างดึงออกมาสองคน ลากร่างของต้าเป่าเสี่ยวเป่า และเดินขึ้นไปบนตึกร้าง

“นายแน่ใจหรือว่าแค่ทำให้พวกเขาสลบ? ยังไม่ได้ฆ่าพวกเขา? ทรมานขนาดนี้แล้วยังไม่ฟื้น?” เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องกังวล ก่อนฟ้ามืด สองคนนี้ไม่ฟื้นแน่นอน” ส้าวส้วยยิ้มอย่างมั่นใจ

ในเวลานี้ หวางเห้าและคนอื่นๆ ก็ขับรถตามมา

ทุกคนลงจากรถพร้อมกัน

หวางเห้ามองหลี่ฝาง และถามว่า “เจ้านาย จางกงหมิงอยู่ที่ไหน?”

“ขึ้นไปบนตึกแล้ว” หลี่ฝางเหลือบมองไปที่ตึกร้าง และพูดว่า “ไปกันเถอะ พวกเราก็เข้าไปด้วย”

หวางเห้าไม่ปฏิเสธ เพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “จางกงหมิงคนนี้ เป็นลูกผู้ชาย แต่น่าเสียดายที่ติดตามมู่เสี่ยวไป๋สุนัขตัวนี้ มิเช่นนั้น ผมเต็มใจจะเป็นเพื่อนกับเขา”

“รอให้จัดการกับเสือได้แล้ว ผมจะบอกเหตุผลบางอย่างให้นายทราบ จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋ เขามีเหตุผลที่ลำบากใจ”

หลังจากพูดจบ หลี่ฝางก็พาคนขึ้นไปชั้นบน

ทันทีที่เดินไปถึงระเบียงทางเข้า ก็เห็นจางกงหมิงยืนอยู่ที่นั่น เขามองหลี่ฝางและคนอื่นๆอย่างไม่แยแส และพูดว่า “อย่าตามมา นี่เป็นเรื่องของผม ผมสามารถแก้ปัญหาได้โดยตัวเอง”

“นายแก้ไขเองได้เหรอ?”

หลี่ฝางมองจางกงหมิง และพูดด้วยความโกรธ “นายกำลังหาที่ตาย!”

“พวกเสือมีคนมากมายขนาดนั้น นายไปคนเดียว ไม่เพียงแต่ช่วยพี่น้องของนายไม่ได้ นายอาจจะมีอันตรายด้วย เหตุผลง่ายๆแค่นี้ นายทำไมไม่เข้าใจ?” หลี่ฝางพูด

“เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ เว้นแต่ผมตาย ไม่อย่างนั้น ผมไม่ปล่อยให้พวกนายไปตายแน่นอน!”หลี่ฝางพูดอย่างหนักแน่น

“ฉันด้วย”

หลินชิงชิงพูด “พี่ ก็ให้พวกเราไปเป็นเพื่อนสิ”

“แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่พวกเราต้องรับประกันความปลอดภัยของเจ้านาย ดังนั้น ผมแค่บังเอิญช่วยเหลือนายหนึ่งครั้ง แต่ว่า จงจำไว้ จางกงหมิง นายเป็นหนี้บุญคุณผมหนึ่งครั้ง” หวางเห้ายกมุมปากขึ้น ยิ้มอย่างขี้เล่น

จางกงหมิงลังเลสักครู่ ไม่ตอบสนองอะไร แล้วหันหลังและเดินขึ้นไปชั้นบน

ถ้าเขาไม่พูด แสดงว่าเขาตกลง

หลี่ฝางขยิบตาให้หวางเห้า หวางเห้าก็วิ่งขึ้นไปทันที และจับต้าเป่ามา

“พวกเราจับคนละคน” หวางเห้าพูด

“นายนี่ช่างโง่เขลาจริงๆ” จางกงหมิงเหลือบมองไปที่หวางเห้า และพูดว่า “ไม่เหมาะที่จะเป็นพี่ใหญ่เลย”

“นายพูดไปก็ไม่มีความหมาย” หวางเห้าพูดอย่างมั่นใจ “ผมจะพิสูจน์ให้นายเห็น อยู่ในเมืองเอกผมจะกลายเป็นดาวรุ่งที่ค่อยๆเกิดขึ้นมา

จางกงหมิงส่ายหัว แสดงให้รู้ว่าไม่เชื่อ

เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ไม่กี่นาที ก็ไปถึงดาดฟ้า

หลังจากถึงดาดฟ้า ก็เห็นพวกเสือและคนอื่นๆ

ในเวลานี้ กลุ่มพี่น้องของจางกงหมิง ยังคงแขวนอยู่บนเชือก หน้าอกพวกเขา แผ่นหลัง มีแต่รอยแส้เต็มไปหมด

“รีบปล่อยพี่น้องของฉันลงมา!”

จางกงหมิงหยิบมีดออกมา แล้ววางไว้ที่คอของต้าเป่า “ไม่งั้น ฉันจะฆ่าต้าเป่าเดี๋ยวนี้”

“ปล่อยคน” เสือพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

พี่น้องของจางกงหมิง หลังจากที่ถูกปล่อยลง จางกงหมิงพูดต่อ “ปล่อยพวกเขาไป หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ฉันก็จะปล่อยต้าเป่าเสี่ยวเป่า”

“แม่ง นี่พูดไร้สาระหรือเปล่า? ปล่อยด้วยกันสิ ทำไมต้องให้ฉันปล่อยก่อน?”

เสือพูดอย่างเย็นชา “นี่มันไม่ถูกหลักการของวงการนี้”

“เสือ คนที่นายต้องการคือฉัน ไม่ใช่เหรอ?”

ในขณะนี้จางกงหมิงได้พูด “ปล่อยพี่น้องของฉันไป หลังจากที่พวกเขาปลอดภัย ฉัน ต้าเป่า เสี่ยวเป่า เป็นของนายหมด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเสือ ก็แสดงรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะดีที่สุด”

“แต่ฉันแค่อยากจะถามว่า หวางเห้ามาทำไม? นายไปร่วมมือกับหวางเห้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เสือมองไปที่หวางเห้า และถามว่า “นายมาทำอะไร?”

“ฉันเหรอ ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่านายไง” หวางเห้าแสดงสีหน้าอาฆาต

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท