NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 229

ตอนที่ 229

บทที่ 229 เพื่อนของหลี่ต๋าคาง

เมี๋ยวชุ่ยมองแววตาของหลินชิงชิง มีแววตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

บวกกับหัวข้อที่เมี๋ยวชุ่ยถามขึ้น

ทำให้หลินชิงชิงเข้าใจความหมายของเมี๋ยวชุ่ยทันที

“คุณน้า คุณน้าเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับเสี่ยวฝางเป็นแค่พี่น้องกัน ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณน้าคิดนะคะ”ต่อหน้าผู้อาวุโส หลินชิงชิงก็หน้าแดงขึ้นมา

“อีกอย่าง ฉันก็จะยี่สิบห้าแล้ว โตกว่าเสี่ยวฝางตั้งห้าปี”

เมี๋ยวชุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ “โตกว่าห้าปีแล้วยังไง น้าเองก็โตกว่าพ่อของเสี่ยวฝางห้าปีเหมือนกัน”

ได้ยินคำพูดนี้ หลินชิงชิงรู้สึกตกใจจริงๆ

ผิวของเมี๋ยวชุ่ย ดูแล้วยังอ่อนเยาว์ บวกกับผ่านการทำศัลยกรรมยกดวงตา ทำให้ดูอ่อนเยาว์ไม่น้อย

“คุณน้า ถ้าคุณน้าไม่ใช่คุณแม่ของเสี่ยวฝาง ฉันคงจะเรียกคุณน้าว่าพี่สาวแล้ว”หลินชิงชิงพูด

เมี๋ยวชุ่ยได้ยินอย่างนี้ ก็ดีใจมาก“ปากเธอเนี่ย หวานซะจริง”

“น้าจะอายุน้อยอย่างที่เธอพูดได้ไงกัน”เมี๋ยวชุ่ยพูดกับหลินชิงชิงด้วยรอยยิ้ม

หลินชิงชิงพยักหน้า “น้อยสิคะ คุณน้าดูแลผิวได้ดีขนาดนี้ คุณน้าบอกว่าอายุสามสิบก็มีคนเชื่อ”

……

“เอางี้ดีไหมคะ ถ้ามีเสี่ยวฝางอยู่ด้วย ฉันจะเรียกคุณว่าคุณน้า แต่ถ้าเสี่ยวฝางไม่อยู่ ฉันจะเรียกคุณว่าคุณพี่ดีไหมคะ”หลินชิงชิงพูด

“ได้สิ ตกลงตามนี้”

……

ภายในรถเบนซ์G-Class หลี่ฝางกำลังคุยกับหลี่ต๋าคาง เรื่องที่จะประชุมของบริษัท

“พ่อ พ่อมีอะไรเสนอแนะหรือเปล่า”หลี่ฝางถามหยั่งเชิง

หลี่ฝางเอ่ยอย่างเรียบๆ “ลูกจะสร้างธุรกิจ มันเป็นเรื่องดี ฉันไม่มีข้อเสนออะไรหรอก อีกอย่างเรื่องอินเทอร์เน็ต ฉันก็ไม่ค่อยถนัด ยิ่งไม่รู้เรื่องที่ลูกพูดถึงสื่อสังคมใหม่อะไรนั่น แต่ว่าบริษัทสื่อของลูก ต้องใช้ดาราใช่ไหม”

“ใช่ ทั้งผู้ดำเนินรายการ นางแบบ ดารา ผมก็ต้องเชิญสักหน่อย”

หลี่ฝางพูด “ผมคิดไว้หมดแล้ว เมืองเอกเป็นเมืองของการศึกษาที่ใหญ่มาก มีนักเรียนเยอะที่สุด ผมจะหานักศึกษาหลายคนหน่อย เอาที่หน้าตาสวย เต้นได้ ร้องเพลงได้ แล้วก็มีความสามารถพิเศษด้วย ทำสัญญากับพวกเธอ ดูแลให้พวกเธอเข้าคลาสฝึกฝน คงต้องใช้เงินไม่น้อยเหมือนกัน”

“พิธีกรคนไหนดังๆหน่อย ผมจะทุ่มเงินมากหน่อย เพื่อให้เขาเข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์ ให้เขาได้มีโอกาสออกอากาศทางทีวี เพื่อเพิ่มชื่อเสียง”

“ผ่านไปช่วงหนึ่งผมยังคิดจะสร้างแพลตฟอร์มหนึ่ง คล้ายๆกับแอพKwai”

“แต่พวกแพลตฟอร์มใหม่จะไม่ค่อยมีคนดูนัก ผมจะเตรียมดาราที่มีผู้ติดตามมากๆ อย่างลู่หาน อู๋อี้ฝาน ให้พวกเขาช่วยโปรโมทแอพของผม”

พูดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วขึ้น “แต่ว่าหนุ่มละอ่อนพวกนี้ ค่าตัวไม่น้อยเลย”

“หนุ่มละอ่อนพวกนั้น”หลี่ต๋าคางหัวเราะหึๆ รู้สึกดูถูกอยู่บ้าง

“เสียเงินฉันไม่ว่า เพราะบ้านเรา ไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ฉันไม่ค่อยสนใจหนุ่มละอ่อนพวกนี้สักเท่าไหร่ หนึ่งไม่มีฝีมือในการแสดง สองไม่มีความสามารถพิเศษอะไร ส่วนเรื่องร้องเพลง ก็ไม่ได้น่าฟังอะไร ก็มีแต่หน้าตาที่ดีหน่อย มีบริษัทคอยสร้างภาพให้ ทำให้ดัง พวกเขาก็เลยกลายเป็นไอดอล”

“ไอ้ลูกชาย พวกเราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินอย่างไม่คุ้มค่าเลย”

“แกจะเชิญดาราใช่ไหม ฉันมีเพื่อนอยู่หลายคน ไม่กี่วันก็จะมาที่รีสอร์ตของเราด้วย เอาอย่างนี้ ฉันจะให้พวกเขาช่วยแกโปรโมทเป็นไง”หลี่ต๋าคางถามหลี่ฝาง

หลี่ฝางถามขึ้นว่า “พวกเขาเป็นดาราเหรอ”

“มีคนหนึ่งจะลาวงการแล้ว แต่ฉันมั่นใจ เขายังมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย”หลี่ต๋าคางพูด

“ใคร”หลี่ต๋าฝางรีบถามขึ้น

“ดารากังฟูรุ่นใหญ่หลี่เหลียนแจ๋ ก็คนที่ให้จี้ฉันนั่นแหละ เขาหน่ะ แก่แล้ว ไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน จะแสดงบู๊เตะตีอย่างแต่ก่อนก็ไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นก็เลยสร้างมูลนิธิขึ้น เพื่อสร้างกุศลให้สังคม เจอเขาหลายครั้งแล้ว ก็คุ้นเคยกับเขาดี”

“นี่พวกเราก็จะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการแล้ว เขาบอกว่าจะมาสัมผัสดู ถึงตอนนั้นก็ให้เขาช่วยโปรโมทสักหน่อย”

“ดีเลย เขาเป็นดาราระดับประเทศ แม้จะลาวงการไปหลายปี แต่ยังมีชื่อเสียงอยู่ ให้เขาช่วยผมโปรโมทแพลตฟอร์ม ทำโฆษณา คงต้องดึงดูดธุรกิจระดับโลกหันมาสนใจแน่”

“น่าจะขึ้นพาดหัวใหญ่ในข่าวได้”หลี่ฝางถูฝ่ามืออย่างตื่นเต้น

“ยังมีอีกคน เขาผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง เป็นผู้กำกับแล้ว ไม่ได้แสดงมาเกือบสิบปีแล้ว”

หลี่ต๋าคางพูดขึ้นอีก “ฉันจำได้แกชอบดูหนังเขามากที่สุด ฉันเลยเรียกเขามาด้วย”

“คงไม่ใช่ดาวตลกที่ผมชอบที่สุดโจวจุ้นฉ่ายมั้ง”ตอนที่พูดชื่อออกไป ดวงตาของหลี่ฝาง ก็รื้นขึ้นมา

เพราะว่า โจวจุ้นฉ่ายคือเทวรูปของหลี่ฝาง

โดยเฉพาะช่วงที่พ่อแม่หายตัวไปสามปี ชีวิตของหลี่ฝาง นำไปสู่หายนะครั้งใหญ่

หลี่ฝางหนีไปถึงสถานีรถไฟ แอบไปเป็นขอทานน้อย ได้รับการดูถูกเหยียบหยาม ความสงสาร กับการหัวเราะเยาะ

ตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็คิดถึงนางเอกในหนังของโจวจุ้นฉ่ายอยู่เสมอ ตอนนั้น

หลี่ฝางดูตัวละครในหนังแล้วก็หัวเราะฮ่าฮ่า

แต่คิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นคนที่ถูกหัวเราะเยาะคนนั้น

หลี่ฝางได้เรียนรู้ผ่านหนังของโจวซิงฉือ จึงฝืนยิ้มออกมาได้

ทุกครั้งที่กลับไปที่โรงเรียน หลีฝางจะแสร้งทำเป็นมีความสุข แม้ว่าคนอื่นจะยื่นถุงเท้าหรือรองเท้าเหม็นให้เขา เขาก็จะเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ

หลี่ฝางเรียนรู้จากคนในหนัง ใช้หน้ายิ้ม เพื่อปิดบังความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง

หลี่ฝางชอบคำพูดหนึ่งในหนังของราชาตลกคำหนึ่งที่พูดว่า

ตรงหน้ามีแต่ความมืด มองไม่เห็นอะไรเลย

ไม่ว่ายังไง ฟ้าสว่างแล้วก็จะสวยมาก

คำพูดนี้ เหมาะกับการใช้พูดถึงลักษณะของหลี่ฝาง มากที่สุด

ชีวิตสามปีนั้นของหลี่ฝาง พูดได้ว่ามืดมนมาก มองไม่เห็นอนาคตเลย แต่เขาเชื่อหมดใจว่า ชีวิตของตัวเองต้องดีขึ้นแน่นอน

ป้าต้องสว่างสักวัน

แต่ตอนนี้ ถือเป็นวันของหลี่ฝางแล้ว ฟ้าสีครามสดใส ไม่มีเมฆมาบดบัง

“เขานั่นแหละ”หลี่ต๋าคางพยักหน้ารับ

น้ำตาในดวงตาของหลี่ฝาง ไหลรื้นลงมาก

โจวจุ้นฉ่าย คนนั้นที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อของเขา เป็นคนที่หลี่ฝางฝากชีวิตจิตใจด้วย

ตอนนี้เขากำลังจะมาอยู่ข้างกายหลี่ฝางแล้ว หลี่ฝางจะไม่ตื้นตันได้ยังไง

“ฉันรู้ว่าแกชอบเขามาก ตอนที่พบเขาครั้งที่แล้ว ก็เลยขอวิธีการติดต่อแบบส่วนตัวเอาไว้ การเปิดตัวรีสอร์ตครั้งนี้ มีการประมูลการกุศลครั้งใหญ่ ฉันให้เขามาเป็นทูตการกุศล เขาก็ตอบรับแล้ว”

“แฟนคลับของเขา ไม่น้อยนะ”หลี่ต๋าคางพูดพลางหัวเราะ

“ใช่แล้ว คนที่ชื่นชอบเขามีเยอะมาก มีช่องที่คอยถ่ายทอดหนังมากมาย หนังของเขา มีการถ่ายทอดมากที่สุด”หลี่ฝางพูดอย่างตื่นเต้น

“พ่อ เขาจะมาเมื่อไหร่”หลี่ฝางถามขึ้นพร้อมปาดน้ำตาบนใบหน้า

“เขาจะมาวันที่เราเปิดรีสอร์ต แต่ว่า ดารากังฟูรุ่นใหญ่จะถึงคืนพรุ่งนี้แล้ว”

“ที่จริงนะ การมาของพวกเขา ฉันไม่ได้คิดว่าจะประกาศออกไป เพราะถ้าประกาศแล้ว แน่นอนว่าต้องมีสื่อมากมายมาสังเกตการณ์ ถึงตอนนั้นเป็นข่าวขึ้นมา ต้องมีแฟนคลับทั่วประเทศแห่กันมาแน่”

“แต่เพื่อแกแล้ว ฉันเตรียมจะสร้างภาพให้พวกเขาสักหน่อย”

“ใช่แล้ว นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ยังมีดาราอีกคน แกเองก็คงจะรู้จัก”

หลี่ต๋าคางพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“ใคร”

“เป็นนักดนตรี แซ่โจว เพลงจี๋ฮัวไถของเขาร้องได้เพราะมาก ส่วนเพลงอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยชอบฟังเท่าไหร่ โดยเฉพาะเพลงอะไรก๊วนๆนะ ฟังแล้วก็ปวดหัว”หลี่ต๋าคางพูด

หลี่ต๋าคางเป็นคนวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าแล้ว แน่นอนว่าต้องฟังเพลงสมัยใหม่ไม่คุ้น

“แซ่โจว ”หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคางอย่างไม่อยากเชื่อหู

“พ่อ พ่อรู้จักเขาด้วยเหรอ”ณ ตอนนี้ หลี่ฝางอึ้งตะลึงไปแล้ว

พ่อของตนเอง ก็แค่เศรษฐีคนหนึ่งเท่านั้น

ไปรู้จักดาราเยอะอย่างนี้ได้ยังไง

“ใช่น่ะสิ ครั้งที่แล้วเขาไปเที่ยวที่ดูใบ เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ฉันก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วยเอาไว้ ฉะนั้นเขาเลยติดหนี้บุญคุณฉัน”

“ครั้งนี้เขาได้ข่าว ว่าฉันจะจัดงานประมูลการกุศล ก็เลยติดต่อฉันมาเอง บอกว่าจะมาให้ได้”

“ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ได้จะมาคนเดียวนะ ”

หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง หัวเราะขึ้น “เขาคงจะพาเพื่อนดาราของเขามาด้วย ล้วนเป็นดาราที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น”

“ถึงตอนนั้น พ่อจะเชิญเขากินข้าวด้วยกัน ให้พวกเขาช่วยโปรโมทอีกทาง”

หลี่ต๋าคางพูด

หลี่ฝางเหลือบตามองพ่อของตนเอง รู้สึกไร้คำพูด “พ่อ พ่อก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ดาราพวกนี้ เวลาโปรโมทพวกเขาต้องได้รับค่าตอบแทนนะ พ่อแค่เชิญเขากินข้าว ก็อยากให้พวกเขาโปรโมทให้ผมฟรีๆ จะเป็นไปได้ยังไง”

“หรือว่าข้าวมื้อเดียว จะเทียบได้กับเงินค่าพรีเซนเตอร์หลายล้านเหรอ”หลี่ฝางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท