NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 249

ตอนที่ 249

บทที่ 249 วิดีโอของการนับเงินของจ้าวเสี่ยวตาว

ถ้าคุณขี้เหร่ คนอื่นว่าคุณขี้เหร่ คุณจะโกรธเกรี้ยวมาก

แต่ถ้าคุณไม่ขี้เหร่ คนอื่นว่าคุณขี้เหร่ ในใจของคุณ ก็จะไม่รู้สึกอะไร

ดังนั้น เมื่อเผชิญกับการดูถูกเช่นนี้ ในใจหลี่ฝางกลับไม่มีผลกระทบใดๆ และยังอยากหัวเราะ

“นายไปเป็นวีเจหรือ?”

หลังจากที่โจวเจ๋ได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลี่ฝาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขี้เล่น

“ก่อนหน้านี้ไม่พูด? ถ้าพูดก็มาที่บริษัทของฉัน ยังไงก็เป็นคนกันเอง ฉันก็ยังสามารถดูแลนายได้” โจวเจ๋แสร้งทำเป็นพูดดี

“ใช่สิ ฉันได้ยินมาว่านายกับน้องชายของฉันโจวหยางเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน”

“ตอนนี้น้องชายฉันเป็นผู้จัดการใหญ่ของถู่โต้ว ถ้านายไม่ต้องการมาหาฉัน ก็สามารถไปพึ่งพาน้องชายของฉัน”

“เพราะถู่โต้วเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่”

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเจ๋พูดถึงน้องชายของเขาให้ส้งเสียงและคนอื่นๆฟัง

และยังเป็นความรู้สึกชื่นชม

การจัดอันดับแอปวิดีโอสั้นของถู่โต้ว ครองตำแหน่งห้าอันดับแรกมาตลอด โดยมีผู้ใช้หลายสิบล้านคน

ทุกคนบนโต๊ะ รู้ถึงชื่อเสียงของถู่โต้ว

โจวหยางเพิ่งเข้ามหาลัยปีแรก และกลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของถู่โต้ว กล่าวได้ว่ามีอนาคตที่สดใส

“พี่เจ๋ น้องชายของคุณมีอนาคตที่ดีจริงๆ นี่พึ่งเรียนปีหนึ่ง ก็ได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของถู่โต้ว ถ้าจบปริญญา จะขนาดไหน”

“ใช่สิ ฉันได้ยินมาว่าถู่โต้วถูกบริษัทข้ามชาติซื้อไว้แล้ว บริษัทข้ามชาติเหล่านี้ ความสามารถยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ไม่ด้อยกว่าบริษัทอาลีบาบาใหญ่ภายในประเทศ”

“บริษัทข้ามชาติแห่งนี้ได้ซื้อกิจการถู่โต้ว ต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ฉันเดาว่า คงใช้เวลาไม่นาน ยูสของถู่โต้ว จะต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่า”

เรื่องที่ถู่โต้วถูกซื้อกิจการ โจวเจ๋ก็เคยได้ฟัง

น้องชายโง่ของเขา ได้รับคัดเลือกจากถู่โต้วให้เป็นผู้จัดการใหญ่

เจ้านายของถู่โต้วนี้ เป็นคนโง่หรือเปล่า? กระทั่งเชิญนักศึกษาปีหนึ่งมาทำงาน

โจวเจ๋คิดเรื่องนี้ ก็รู้สึกขบขัน

แต่ว่า โจวหยางกลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของถู่โต้ว พูดออกไป ในฐานะที่เป็นพี่ชาย ก็มีราศีขึ้น

โจวเจ๋ไอเบาๆ และพูดเบาๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทสื่อของฉันเป็นที่นิยม บริษัทใหญ่อย่างถู่โต้ว จะเชิญเขามาเป็นผู้จัดการใหญ่หรือ?”

“พูดถูกต้อง โจวหยางสามารถไปเป็นผู้จัดการใหญ่ของถู่โต้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพึ่งบารมีของพี่เจ๋ คนที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่เป็นคนที่ประจบสอพลอ ก็ต้องเริ่มประจบสอพลอ

“ฉันคิดว่าถู่โต้วต้องจ้างพี่เจ๋ก่อนแน่ๆ ท่านไม่เห็นด้วย พวกเขาก็ถอยออกมา แล้วจ้างน้องชายของท่าน” ชายชุดแดงพูดประจบ

ประโยคนี้ ทำให้ใบหน้าของโจวเจ๋เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ถู่โต้วเคยเชิญฉันก่อน แต่ฉันปฏิเสธ”

“ทำงานให้คนอื่น ไม่สบายเท่ากับการเป็นเจ้านาย พวกนายว่าใช่ไหม?”

โจวเจ๋หัวเราะฮ่าๆ “หลังจากนั้น ฉันก็แนะนำน้องชายของฉันให้เจ้าของถู่โต้ว”

“ที่แท้งานของโจวหยาง พี่เจ๋เป็นคนแนะนำให้”

“ใช่สิ มิฉะนั้น บริษัทใหญ่แพลตฟอร์มอย่างถู่โต้ว จะสังเกตเห็นเด็กมหาลัยปีหนึ่งเหรอ?” โจวเจ๋เลิกคิ้ว และพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฝางรังเกียจจนเกือบอาเจียนออกมา

โจวเจ๋คนนี้ ช่างไร้ยางอายจริงๆ

คิดว่าเขาคงจะยังไม่รู้ เจ้านายของถู่โต้ว ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

พูดโกหกได้ง่ายๆ โจวเจ๋คนนี้ ไม่รู้จักอายเลย

หลิวเฉียวเฉียวพึ่งตระหนักได้ ก็หัวเราะเยาะเสียงดัง

“มิน่าล่ะ!”

หลิวเฉียวเฉียวเหลียวมองหลี่ฝาง “ฉันว่าแล้วทำไมนายถึงไป(วิลล่ากลางภูเขา) เพื่อสมัครเป็นวีเจ ที่แท้โจวหยางเป็นผู้จัดการใหญ่นี่เอง”

“วิลล่ากลางภูเขา?” ชายชุดแดงถาม “นั่นเป็นวิลล่าราคาเริ่มต้นที่หกหมื่นขึ้นไป วิลล่าทั่วไป ราคาก็ยี่สิบล้านเลยเหรอ?”

“ใช่สิ หลิวเฉียวเฉียวพยักหน้า

“เจ้านายถู่โต้ว ได้ซื้อ(วิลล่ากลางภูเขา)หลังหนึ่งเอาห้องนอนในวิลล่า เปลี่ยนเป็นห้องไลน์สดของวีเจ”

“วันนี้ฉันไปเป็นเพื่อนกับเซี่ยลู่เพื่อสมัครเป็นวีเจหญิง และก็เข้าไปดู การตกแต่งภายในหรูหรามาก”

“แต่ฉันไม่ได้ไปสมัครงาน ก็เลยไม่ได้เจอโจวหยาง”

ทันทีที่หลิวเฉียวเฉียวพูดจบ สีหน้าของทุกคน ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

(วิลล่ากลางภูเขา) เป็นสถานที่อะไร?

นั่นคือที่ที่คนรวยที่สุดในเมืองเอก อาศัยอยู่

เจ้าของถู่โต้ว ได้ซื้อวิลล่ากลางภูเขาหลังหนึ่ง และได้ดัดแปลงให้เป็นห้องไลน์สดสำหรับวีเจ

ให้ตายเถอะ คิดผิดหรือเปล่า!

ปล่อยให้วีเจอยู่ในวิลล่าคุณภาพระดับสูง เจ้าของถู่โต้วนี้ คนรวยทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น หรือสมองมีปัญหา

“ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง คนที่ซื้อถู่โต้วนั้น คงร่ำรวยมาก ถึงกับใช้เงินหลายสิบล้านซื้อวิลล่า เพื่อให้เหล่าวีเจไปอยู่!”

“จริงสิ หลิวเฉียวเฉียววิลล่าของพวกเขา เบอร์อะไร?”

“ฉันได้ยินมาว่า ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น”

“วิลล่าหมายเลข1 เป็นวิลล่าราคาสูงเสียดฟ้า ราคายูนิตละแสนแปด และพื้นที่มากกว่าพันสองตารางเมตร มูลค่ารวมมากกว่าสองร้อยล้าน”

“ถึงตอนนี้ยังขายไม่ได้ค่ะ”

“ใครบอกว่าขายไม่ได้? เมื่อไม่กี่วันพึ่งขายออก เพื่อนในเมืองเอกของฉันยังส่งวิดีโอมาให้ดู ผู้ซื้อรายนั้น ขนเงินสดมากกว่าสองร้อยล้าน รับเงินสดไปเต็มจำนวน!”

“ขนเงินมากกว่าสองร้อยล้านเพื่อซื้อบ้าน? ว้าว ไอ้หมอนี่สุดยอดไปเลยใช่ไหม”

“วิดีโอยังมีอยู่ไหม เอาออกมาให้ทุกคนดูหน่อย ฉันยังไม่เคยเห็นเงินสดเลย

ในเวลานี้ ชายสวมแว่นตาหยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดวิดีโอ

ในวิดีโอ มีกองเงิน กองเหมือนภูเขา

มีชายสองคนและหญิงหนึ่งคน กำลังนับเงินทีละใบ

เมื่อเห็นวิดีโอนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

พวกเขาก็เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง แต่พวกเขาเป็นเพียงทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองในตงไห่… … พวกเขาไม่เคยเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน

เงินสดมากกว่าสองร้อยล้าน คนในนี้ ทรัพย์สินกิจการบ้านใคร จะมีถึงสองร้อยล้าน?

แม้แต่ตระกูลส้งที่ร่ำรวยที่สุด ก็ทำไม่ได้?

“ดูวิดีโอนี้แค่ดูๆ ห้ามพูดออกไป” ชายใส่แว่นพูด

“ทำไมล่ะ? ทำไมถึงพูดไม่ได้” ชายในชุดแดงถาม

โจวเจ๋เบ้ปากและยิ้ม “เสี่ยวสาน วิดีโอนี้ คงไม่ใช่นายค้นหาจากอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาแกล้งล้อพวกเรา?”

โจวเจ๋สงสัยเกี่ยวกับวิดีโอนี้

เพราะเมืองเอกกับตงไห่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”

“ใช่สิ เสี่ยวสาน ทำไมวิดีโอนี้ มีแต่นายที่มี ทำไมพวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน?”

“ถ้าวิดีโอนี้เป็นเรื่องจริง คิดว่าคงจะถูกแชร์ออกไปทางเน็ตนับไม่ถ้วนแล้ว?”

ชายที่ชื่อเสี่ยวสานหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พวกนายดูดีๆนะ ผู้ชายที่นับเงินคนนี้ พวกนายคุ้นหน้าไหม”

ชายชุดแดงส่ายหัว แสดงท่าทางไม่รู้จัก และถามว่า “เขาเป็นใคร”

“นายไม่เคยเห็นเหรอ?” เสี่ยวสานทำตาเหลือกให้ชายชุดแดง และพูดว่า “นายไปค้นหาประวัติชายคนนี้ในเมืองเอก มีคนมากมายที่รู้จักเขา”

“เขาสุดยอดมาก?”

ชายชุดแดงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ถ้าเขาเยี่ยมยอดขนาดนั้น ทำไมตกอับจนต้องไปนับเงินให้คนอื่น?”

“ชายคนนี้ดูแล้วต้องเป็นคนที่ขายบ้าน ยากจนจนน่าสมเพชมาก”

“คิดว่าคงไปดูถูกผู้ซื้อ ดังนั้นเมื่อผู้ซื้อโกรธ เขาจึงลงโทษเขาด้วยเงิน”

เสี่ยวสานพูดว่า “คำพูดประโยคสุดท้ายของนายพูดถูก เขาทำให้ผู้ซื้อ(วิลล่าหมายเลข1)ขุ่นเคืองจริง ฉะนั้นผู้ซื้อ ได้ให้คนขนเงินสดมาสองร้อยล้าน เพื่อลงโทษเขา”

แต่นายบอกว่าเขาเป็นคนน่าสมเพช แล้วนาย คงเทียบไม่ได้กับขอทาน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายชุดแดงก็โกรธทันที

เสี่ยวสาน แม่งเอ้ยพูดอย่างนี้หมายความว่าไง?” ชายในชุดสีแดงขมวดคิ้ว คำพูดของเสี่ยวสาน เป็นการดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะถากถางนาย คนๆนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยากจน เขายังร่ำรวยกว่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้”

ในเวลานี้ โจวเจ๋และส้งเสียง ก็จำจ้าวเสี่ยวตาวได้ในเวลาเดียวกัน

เพราะครั้งที่แล้วที่อยู่ในสถานตากอากาศ พวกเขาเคยได้พบกับจ้าวเสี่ยวตาว

“เขาเป็นคนหนุ่มที่ร่ำรวยในเมืองเอก?”โจวเจ๋ขมวดคิ้ว และถาม

“ใช่แล้ว เขาชื่อจ้าวเสี่ยวตาว เป็นคนตระกูลจ้าวในเมืองเอก ฉันคิดว่า ตระกูลจ้าวในเมืองเอก พวกนายคงเคยได้ยิน?” เสี่ยวสานยิ้มหึหึ แล้วพูด

ตระกูลจ้าวในเมืองเอก?

คุณชายตระกูลเจ้าในเมืองเอก ถึงกับตกอยู่ในสถานการณ์ต้องนับเงินให้คนอื่นจริงหรือ?”

“ฉันเคยเห็นเขา ครั้งนั้นมีงานเลี้ยงส่วนตัวที่สถานตากอากาศหลงเหมิง เขาเคยไป” สีหน้าของส้งเสียงดูซับซ้อนเล็กน้อย

เขาไม่อยากจะเชื่อ คุณชายในตระกูลที่ร่ำรวย ยินดีที่จะนับเงินบนพื้นดิน

ถ้าอย่างนั้น ภูมิหลังของอีกฝ่าย จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน!”

ในตอนนี้ หลิวเฉียวเฉียวพูดอย่างสบายๆ และพูดว่า “รู้สึกว่าสถานที่ที่ฉันไปในวันนี้ ก็คือวิลล่าหมายเลข1”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท