NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 265

ตอนที่ 265

บทที่ 265 เข้าสู่สถานตากอากาศ

ใบหน้าของฉินวี่เฟยเด็ดขาดมาก เธอไม่ลังเลเลยซักนิด

เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเสร็จแล้ว หางตาของเธอกลับมีน้ำตาไหลออกมา

แม้ว่าเธอจะตัดสินใจไปแล้ว

แต่พอมาถึงตอนนี้ เธอกลับรู้สึกเสียทีหลังเล็กน้อย…

หรือเพราะว่า ไม่ยอม?

ฉินวี่เฟยหลับตา เธอนั่งอยู่บนตัวของหลี่ฝาง

เวลานี้หลี่ฝางไม่มีสติอะไรเหลืออยู่แล้ว

ไม่รู้ว่าต้องผ่านไปนานแค่ไหน มันถึงจะจบลง เธอเองก็ไม่รู้จะทำอะไร

ถ้าเกิดว่าไม่ทำแบบนี้ เธอก็จะต้องแต่งงานกับมู่เสี่ยวไป๋

เธอรู้ดีว่ามู่เสี่ยวไป๋เลวขนาดไหน

ไม่ใช่แค่เธอรู้ คนทั้งตระกูลมู่รู้ดีทั้งนั้น แต่จะทำยังไงได้

ต่อให้มู่เสี่ยวไป๋เลวขนาดไหน การตัดสินใจที่จะให้เธอแต่งงานกับเขาของตระกูลฉินก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

สำหรับตระกูลฉิน เธอเป็นแค่สะพานที่จะเชื่อมความสัมพันธ์และธุรกิจของตระกูลฉินกับตระกูลมู่เท่านั้น…

ทั้งตระกูลฉิน คนที่รักเธอมากที่สุดคือฉินจื่อยี่

แต่แม้กระทั่งก็ยังทำอะไรไม่ได้ เธอเองก็สิ้นหวังเหลือเกินแล้ว

จนเมื่อหลี่ฝางปรากฏตัวขึ้น เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองยังพอมีความหวังอยู่บ้าง

เธอคิดว่ามีเพียงหลี่ฝางเท่านั้น ที่จะช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจอย่างมู่เสี่ยวไป๋ได้…

โดยเฉพาะการที่หลี่ฝางแทงมู่เสี่ยวไป๋จนเข้าโรงพยาบาล แต่ตระกูลมู่กลับไปแก้แค้นอะไรเลยสักนิด เหตุนี่ยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นมากขึ้น

เธอรู้ดีว่า ตระกูลมู่ไม่มีทางยอมรับคนที่มีมลทินแล้วแบบเธอเป็นแน่

ตอนที่สำคัญ เพียงแค่เอาเรื่องของหลี่ฝางกับตัวเองประกาศออกให้มู่เสี่ยวไป๋กับตระกูลมู่รับรู้ เช่นนั้นการแต่งงานของเธอกับมู่เสี่ยวไป๋ก็ต้องเป็นอันสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน

พอพูดเช่นนี้ ฉินวี่เฟยก็เป็นคนน่าสงสารไม่น้อย

ตอนเช้าของวันต่อมา

หลี่ฝางตื่นขึ้นมาบนเตียง เขารู้สึกว่าหัวหนักๆ ยังไงไม่รู้

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ดื่มเอยะไป?

หลี่ฝางขมวดคิ้ว จำได้แค่ว่าตอนนั้นกำลังดื่มกับเหล้ากับฉินวี่เฟย หลังจากนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“เฮ้ย?”

เมื่อลุกขึ้นนั่งดู ก็พบว่าเสื้อผ้าตัวเองถูกฉีกขาด เขาตกใจข้นมาทันที

“เฮ้ย!”

เมื่อมองไปข้างๆ ก็พบว่าฉินวี่เฟยนอนเงียบอยู่ตรงนั้น ทั้งตัวสวมแค่บราบางๆ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

เขากลืนน้ำลายเอื๊อก ตอนนั้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

ตัวเองดื่มหนัก จนมีอะไรกับฉินวี่เฟยแล้วเหรอ?

เฮ้ย!

เวลานี้หลี่ฝางสับสนไปหมด…เหมือนว่าเรื่องบ้าบออะไรหลายอย่างกำลังพุ่งตรงมาหาเขา

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยกำลังนอนหลับอย่าเงียบๆ หลี่ฝางค่อยๆ ลุกจากเตียง ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็แอบเดินออกมาจากห้อง

เขาไม่ได้อยากรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น

เพราะฐานของฉินวี่เฟยซับซ้อนเกินไป สำหรับตระกูลฉิน เขาเองไม่ค่อยจะรู้จักนัก

รับผิดชอบฉินวี่เฟย จะรับผิดชอบยังไง?

แต่งงานกับเธอ?

นี่เป็นไปไม่ได้

เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย จะแต่งงานยังไง

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เรื่องแต่งงานยังคงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป

หลี่ฝางเพิ่งจะเดินออกมาจากห้อง ก็พบเข้ากับโหจื่อ

โหจื่อปากคีบบุหรี่ มือถือชุดสูท ยืนอยู่ข้างนอก

“นายรอฉันอยู่เหรอ” เมื่อมองเห็นเศษบุหรี่ที่อยู่บนพื้น เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

โหจื่อยิ้มกระหยิ่มมุมปาก “ใช่ไง ถ้าคุณไม่ออกมา ผมว่าจะเคาะประตูแล้ว”

“เจ้านาย รีบเปลี่ยนชุดนี้เถอะ ดูเสื้อตัวนี้สิ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า คงจะคิดว่าโดนหมาที่ไหนมากัดแน่ๆ”

หลี่ฝายมองเขม็งไปยังโหจื่อ หยิบชุดที่อยู่ในมือเขามา

“นายรู้ได้ไงว่าเสื้อฉันเป็นสภาพนี้” หลี่ฝางถามขึ้น

“ผมไม่ได้รู้ซักหน่อย แต่แค่นคุณต้องไปสถานตากอากาศ ยังไงก็คงใส่ชุดเล่นไปใช่ไหมล่ะ

โหจื่อพูดต่อว่า “พี่ใหญ่จัดหลายชุดไว้ให้พี่โดยเฉพาะ นอกจากชุดนี้ ชุดอื่นวางอยู่ที่สถานตากอากาศนะ”

หลี่ฝางเปิดห้องใหม่อีกห้อง อาบน้ำพร้อมเปลี่ยนชุดสูทชุดนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใส่ชุดสูทเลย ตอนที่ไม่ได้ใส่ เขานึกว่าตัวเองจะปรับตัวให้เคยชินไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ชุดสูทนี้กลับพอดีตัวมาก หลังจากใส่ไป ยิ่งรู้สึกสบายมากกว่าเดิม

เขาพบว่าปกคอของเสื้อตัวนี้สลักชื่อภาษาอังกฤษไว้

ชื่อว่า ทอมส์…

เขาไม่ได้ระวังอะไรมาก พอเสร็จก็เดินออกจากห้องไป

พอออกมา เขาก็ถามโหจื่อทันทีว่า “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เขาคิดในใจว่า เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงตัวเองจะจำไม่ได้ แต่โหจื่อต้องรู้แน่นอน

“เมื่อคืน?”

โหจื่อยิ้ม พร้อมตอบว่า “เจ้านาย เมื่อคืนคุณดื่มเยอะมาก โดนผู้หญิงคนนึงประคองขึ้นไปข้างบน ส่วนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่”

“ฉันดื่มเยอะเหรอ” หลี่ฝางรู้ว่าตัวเองดื่มได้ขนาดไหน เพราะงั้นเมื่อถึงตอนที่ใกล้จะเมา เขาก็จะไม่ดื่มแล้ว ต่อให้ดื่มเยอะขนาดไหน ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีสติเลย

เมื่อเขาอยากถามต่อ ทันใดนั้นประตูบานหนึ่งก็เปิดออก

เหยนเสี่ยวน่าเดินออกมา มองไปที่หลี่ฝาง เธอสายตาวาวขึ้นมาทันที “หลี่ฝาง วันนี้นายจะแต่งงานเหรอ”

“เธอสิแต่งงาน” หลี่ฝางมองค้อน

“นายไม่แต่งงานแล้วใส่สูททำไม” เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะจนต้องปิดปากตัวเองไว้

จากนั้น เหยนเสี่ยวน่าเดินเข้ามาหาเขา พร้อมมองไปทั้งตัว แล้วพูดถึงชุดว่า “แต่ว่า นายใส่สูทก็ดูดีเหมือนกันนี่”

เขาเองก็รู้สึกว่า อายุไม่เท่าไหร่อย่างเขาใส่สูทแล้วดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้

แต่เสื้อผ้าตัวเองโดนฉีกจนขาดหมดแล้ว…

ถ้าจะเปลี่ยนไปใส่ชุดตัวเอง คงโดนคนขำไม่หยุดแน่

“เรียกทุกคนมา”

เขามองไปที่นาฬิกา “ถึงเวลาเดินทางไปสถานตากอากาศแล้ว”

“โอเค งั้นนายเรียกผู้ชาย ฉันไปเรียกผู้หญิง” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว

“อ่อใช่ วี่เฟยอยู่ห้องไหนเหรอ” พอหยุดไปสักพัก เหยนเสี่ยวน่าก็ถามต่อ

หลี่ฝางชี้มือไปยังห้องที่เขาเคยนอนเมื่อคืน

เหยนเสี่ยวน่าพูดด้วยความล้อเล่นว่า “นายรู้ได้ไงว่าวี่เฟยอยู่ห้องไหน หรือว่า เมื่อคืนนายกับวี่เฟย…”

“อย่าพูดมั่วซั่ว ฉันนอนอีกห้อง” เขารีบตัดบทเธอทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ

เหยนเสี่ยวน่าเบ้ปาก พร้อมพูดว่า “ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมนายต้องจริงจังด้วย”

“นายก็ไม่คิดบ้าง วี่เฟยสวยยังกะนางฟ้า จะมามองนายได้ยังไง” เธอพูดไปหัวเราะไป

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ

เหยนเสี่ยวน่าเองก็ไม่ได้พูดผิดอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะของตนเอง ฉินวี่เฟยคงไม่สนใจเขาแน่นอน

อย่าว่าแต่จะมีอะไรกับเธอเลย แค่ปลายนิ้วแตะไปโดนตัว เธอคงด่าผมยับแน่

เวลานี้ใจของหลี่ฝางยังคงสับสนวุ่นวายไปหมด

ไม่รู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมา จะมาเอาเรื่องอะไรเขาไหม

วินาทีที่ฉินวี่เฟยเดินออกมาจากห้อง ในใจของเขาก็เต้นตุบตับด้วยความกระวนกระวาย

สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือการที่เธอเดินออกมาพร้อมตะโกนเสียงดังโวยวายไปทั่ว ด้วยสภาพที่เหมือนโดนคนทำอะไรมิดีมิร้ายมา

หรือไม่ก็เดินมาข้างหน้าเขา แล้วตบเข้าไปอย่างแรง

แต่ฉินวี่เฟยเดินออกมาจากห้องกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าราบเรียบ เหมือนปกติไม่มีผิด

หรือว่า เธอเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้!

บนเตียงมีรอบเลือด แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะเสียตัวไป จะไม่รู้เลยได้ยังไง

แต่ว่าในเมื่อเธอไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ไม่อยากไปถามให้ตัวเองดูโง่

หลี่ฝางขับไปพร้อมกับหวางเสี่ยวโก๋ หลี่ซ่วยซ่วย เลี่ยวข่าย หลี่เสี่ยวเสี่ยว

เหยนเสี่ยวน่าขับรถ พร้อมกับฉินวี่เฟยและรูมเมทอีก 2 คนของเธอ

หนึ่งชั่วโมงกว่า รถทั้ง 2 คันต่างก็เดินทางมาถึงสถานตากอากาศเป็นที่เรียบร้อย

พอลงจากรถ หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉินวี่เฟย

และฉินวี่เฟยเองก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน

ตาสองคู่สบตากันอย่างประจวบเหมาะ หลี่ฝางเรียบหันหนีด้วยความใจฝ่อ

หน้าสถานตากอากาศ มีคนพันกว่าคนกำลังเขาแถวอยู่ตรงนั้น

เมื่อมองเห็นผู้คนจำนวนมาก เหยนเสี่ยวน่าก็ขมวดคิ้วขึ้น “คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเราต้องรอกันนานขนาดไหนเนี่ย”

หวางเสี่ยวโก๋ชี้ไปที่เส้นทางที่ไม่มีคนเดินอยู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “มีทาง VIP ไม่ใช่เหรอ”

“น่าจะเป็นแบบนั้น เราก็คือ VIP นั่นแหละ” หวังเสี่ยวโก๋กระดกคิ้ว พูดด้วยความภูมิใจ

พวกเขาเดินไปในเส้นทาง VIP เพื่อเข้าสู่ด้านในสถานตากอากาศ

นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเมื่อเห็นหลี่ฝางและพวกที่เดินเข้าไปโดยช่องทางนี้ ต่างก็มองด้วยความอิจฉา

“มีเงินมันดีอย่างนี้นี่เอง!”

“คนธรรมดาอย่างเรา เกรงว่าคงต้องต่อคิวรอ 2 ชั่วโมงเลยล่ะมั้งถึงจะเข้าไปในสถานตากอากาศได้” นักท่องเที่ยวคนนึงเบ่ปากไปพูดไป

เพิ่งจะเข้าในสถานตากอากาศได้ไม่นาน หลี่ฝางก็มองเห็นคนๆ นึงที่คุ้นเคยมาก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท