NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 274

ตอนที่ 274

บทที่ 274 ความน่าเกรงขามของหลี่ต๋าคาง

เมื่อสวีเถิงเฟยเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลี่ฝางจังหวะนั้น เขาก็ตัวสั่นอย่างแรง

มีความรู้สึกร้อนตัวอย่างรุนแรง

หลี่ฝางหรี่ตาแล้วยิ้ม: “สวีเถิงเฟย พวกเราเจอกันอีกแล้ว”

“นั่นสิ ไม่เจอกันนาน……” สีหน้าของสวีเถิงเฟยผิดปกติเล็กน้อย

“ไม่กี่วันก่อนก็เจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

หลี่ฝางยิ้มอ่อนพลางพูด: “ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนั้นนายบอกกับฉันว่า ให้ตั้งตาคอย?”

“เหอะๆ ฉันคิดว่านายจะแก้แค้นฉันซะอีกนะ!” หลี่ฝางพูดหยอก

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้ใจแคบแบบนั้น ถึงยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน เรื่องที่ไม่ดีพวกนั้น ก็ปล่อยให้มันผ่านไปตามสายลมเถอะ” สวีเถิงเฟยยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก

“นั่นสิ” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม: “ให้เรื่องไม่ดีพวกนั้นทั้งหมด ผ่านไปตามลมเถอะ”

พูดจบ หลี่ฝางก็หันไปทางหวางเฉิน: “สวีเถิงเฟย ท่านนี้คือ?”

“หวางเฉิน พี่น้องฉันเอง” สวีเถิงเฟยพูดแนะนำ

หลี่ฝางยื่นมือไปทางหวางเฉิน พูดพลางยิ้ม: “สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่ฝาง”

หวางเฉินลังเลอยู่ครู่ แล้วจึงยื่นมือไปจับมือหลี่ฝาง

หลังจากทักทายเสร็จ หลี่ฝางก็จากมา

หลังจากที่หลี่ฝางไปแล้ว หวางเฉินกับสวีเถิงเฟยถึงจะโล่งอก

หวางเฉินมองสวีเถิงเฟย แล้วถามขึ้นอย่างอดไม่ได้: “นายแน่ใจเหรอว่าหมอนี่คือไอ้ขี้แพ้นั่น?”

“บ้าเหรอ ถ้ามันไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้นั่น ฉันจะไปฆ่ามันทำไม?” สวีเถิงเฟยพูดขึ้น

“แต่ทำไมเขาถึงได้มีออร่าดูดีขนาดนี้ ออร่าเยอะว่าฉันอีก……” หวางเฉินรู้สึกหวาดกลัวในใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะตอนที่มองสายตาของหลี่ฝางเมื่อครู่ ทำให้หวางเฉินรู้สึกผิดปกติ

“นายว่า พวกชุนเซิงทำความแตกแล้วมั้ย? ไอ้หมอนั่นมันรู้เรื่องที่พวกเราจะฆ่ามันหรือยัง?” หวางเฉินถามอย่างกลัวๆ

“เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเขารู้ เมื่อกี้ยังจะคุยกับฉันอย่างใจเย็นได้เหรอ? คงจะซัดฉันไปนานแล้วจริงมั้ย?” สวีเถิงเฟยพูดอย่างดูถูก: “ฉันบอกแล้ว ว่านายอ่ะร้อนตัวเกิน”

“งั้นก็แปลก ทำไมพวกชุนเซิงยังไม่ออกมา……แม่งเอ๊ย โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด” หวางเฉินสบถขึ้นมาหนึ่งคำ

……

หลังจากที่เดินออกมาไกลแล้ว

ฉินวี่เฟยก็มองหลี่ฝางอย่างนับถือ แล้วพูด: “ยิ่งเห็นฉันยิ่งชื่นชมนายเลยจริงๆ”

“ทำไม?” หลี่ฝางถามพลางหัวเราะ

“ต่อคนที่ต้องการจะฆ่านาย แต่สีหน้านายกลับนิ่งได้ขนาดนี้ อย่างกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ เก่งจริงๆ นะเหนี่ย”

“คนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา น้อยคนนักที่สามารถทำได้” ฉินวี่เฟยพูดขึ้น

“ถ้าหากฉันระเบิดอารมณ์ แล้วลงมือกับสวีเถิงเฟย……นั่นมีแต่จะทำให้สวีเถิงเฟยระวังตัวกับฉัน ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะทำอะไรเขาก็ยากแล้ว และตอนนี้ เขาคงจะวางใจและไม่ระวังฉันแล้ว”

หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างอวดดี: “ฉินวี่เฟย เธอเคยได้ยินคำพูดประโยคนี้มั้ย?”

ฉินวี่เฟยถาม: “ประโยคไหน?”

“สู้กันซึ่งหน้ารับมือได้ง่ายแต่ลูกศรที่ยิงมาจากที่ลับนั้นยากต่อการระวัง” หลี่ฝางพูดขึ้น: “ฉันก็คือคนที่ยิงลูกศรจากที่ลับนั่นแหละ”

ฉินวี่เฟยไม่ได้พูดอะไร เธอแค่รู้สึกว่า ครั้งนี้สวีเถิงเฟยแพ้แน่ๆ

ถ้าหากเปรียบหลี่ฝางเป็นสิงโต งั้นสวีเถิงเฟย อย่ามากก็เป็นแค่เสือชีตาห์

ถึงแม้สิงโตจะแข็งแกร่ง แต่เสือชีตาห์นั้นไว สามารถวิ่งหลบหลีกสิงโตได้

แต่เกรงว่า หลี่ฝางสิงโตตัวนี้ จะรู้วิธีหักห้ามใจ

เป็นแบบนี้ เสือชีตาห์สวีเถิงเฟย ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะกลายเป็นอาหารของสิงโต

หลังจากที่หลี่ฝางส่งฉินวี่เฟยเข้าห้องพักผ่อนแล้ว ก็ได้พบกับลุงเฉียน

หรือสามารถพูดได้ว่า ลุงเฉียนคอยตามหลี่ฝางอยู่ตลอด

“ลุงเฉียน” หลี่ฝางเดินไปยังด้านหน้าของลุงเฉียน แล้วทักทาย

“เรื่องที่บ่อน้ำพุร้อน เสี่ยวจางเล่าให้ฉันฟังแล้ว”

สีหน้าของลุงเฉียนดูเคร่งขรึมสุดๆ : “แล้วก็ ฉันบอกลูกพี่ใหญ่แล้วด้วย ลูกพี่ใหญ่กำลังเดินทางมาที่บ้านพักตากอากาศ”

“พ่อผมมาแล้วเหรอ?” หลี่ฝางถามขึ้น

“ใช่แล้ว ภายในครึ่งชั่วโมง ท่านก็คงถึง”

ลุงเฉียนมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เรื่องครั้งนี้ เป็นความเลินเล่อของฉันเอง ฉันคิดไม่ถึงว่าที่บ้านพักตากอากาศยังมีคนกล้าลงมือกับนาย”

“ตรวจสอบชัดเจนแล้วใช่มั้ย? เป็นฝีมือสวีเถิงเฟยใช่มั้ย?” ลุงเฉียนถามพลางขมวดคิ้ว

หลี่ฝางพยักหน้า: “ครับ”

“ตระกูลสวีกล้าดีจริงๆ ……” สีหน้าของลุงเฉียนเข้ม นัยน์แฝงไปด้วยความอาฆาต

“เขาไม่ได้กล้าหรอกครับ เขาก็แค่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของผม” หลี่ฝางพูด พลางหัวเราะ

“เสี่ยวฝาง ให้ลุงไปฆ่ามันให้มั้ย?” ลุงเฉียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ : “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องพูดถึงกลางวันแสกๆ แบบนี้ ถึงแม้จะฆ่าเขา ก็กลางคืนมืดๆ มันก็จะทำให้บ้านพักตากอากาศได้รับผลกระทบด้านลบ”

“ถึงยังไงสวีเถิงเฟยก็เป็นทายาทบริษัทสวีซื่อ ถ้าหากเขามาตายในบ้านพักตากอากาศนี้ คนทั้งเมืองเอกคงจะได้เอาไปพูดกัน”

“ตระกูลหลี่ของพวกเราลงทุนไปหลายหมื่นล้าน จะมาเสียหายเพราะเขาคนเดียวไม่ได้” หลี่ฝางพูดขึ้น

ได้ยินประโยคนี้ ลุงเฉียนก็ถอนหายใจ และส่ายหน้าด้วยความโกรธ

ถึงแม้จะฆ่าไอ้สารเลวสวีเถิงเฟยเลยไม่ได้ แต่ทำให้มันลำบาก หลี่ฝางก็ยังพอทำได้อยู่

ยังไงก็ตาม บ้านพักตากอากาศแห่งนี้เป็นที่ของเขา

“ฉันแจ้งส้าวส้วยแล้ว เดี๋ยวเขาก็มา ให้ส้าวส้วยคอยติดตามนาย ฉันก็วางใจแล้ว” ลุงเฉียนพูดขึ้น

ในตอนนี้ หลี่ฝางเพิ่งจะยืนยันตนตัวของส้าวส้วยได้

เมื่อก่อน หลี่ฝางแค่รู้สึกสงสัย

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “ที่แท้ส้าวส้วยคนนั้นเป็นคนที่พวกลุงส่งมาอยู่ข้างผม ให้เขาคอยปกป้องผม”

“ใช่แล้ว นั่นเป็นความต้องการของลูกพี่ใหญ่เขา”

ลุงเฉียนหัวเราะแห้งๆ : “ลูกพี่ใหญ่บอกว่า นายไม่ชอบอะไรที่มันโอเวอร์ หากให้บอดี้การ์ดติดตาม นายต้องปฏิเสธแน่ๆ”

“เพราะงั้นพวกเราจึงสร้างฐานะปลอมให้กับส้าวส้วย แล้วให้เขาเข้าร่วมสอบโอเน็ต และสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่” ลุงเฉียนพูด

“ส้าวส้วยสอบเข้าเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ

“ใช่แล้ว นายอย่าเห็นว่าส้าวส้วยที่ปกติดูโง่ๆ ที่จริงแล้วเขาเป็นนักเรียนอันดับต้นๆ เลยนะ ตอนนั้นที่บ้านเขาลำบาก ไม่งั้นคงจะสอบติดมหาลัยอันดับต้นๆ ไปนานแล้ว……” ลุงเฉียนพูด

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ส้าวส้วยก็เดินเข้ามา

หลังจากที่ส้าวส้วยมาถึง เขาก็สำรวจรอบตัวหลี่ฝาง แล้วถามขึ้น: “เจ้านาย ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”

“นายเห็นสภาพฉัน เหมือนคนเป็นอะไรมั้ย?” หลี่ฝางถาม

“ไม่เหมือน แต่ว่าเจ้านาย ทำไมที่คอของเจ้านายรอยดูดล่ะ?” ส้าวส้วยหัวเราะฮี่ๆ : “ไปโดนใครดูดมาเหรอ? คงไม่ใช่ฆาตกรหรอกใช่มั้ย”

หลี่ฝางหมดคำจะเอ่ย นี่มันเวลาไหนแล้วเหนี่ย ไอ้ส้าวส้วยคนนี้ ทำไมถึงยังไม่จริงจังที?

และขณะนั้นส้าวส้วยก็ถามขึ้น: “เจ้านาย สรุปแล้วใครต้องการฆ่านาย? ตระกูลมู่เหรอ?”

“ไม่ใช่”

หลี่ฝางฝืนหัวเราะ เห็นที ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่สงสัยตระกูลมู่ ถึงยังไงตระกูลมู่ก็ดูน่าสงสัยที่สุด

“งั้นเป็นใคร?”

“สวีเถิงเฟย” หลี่ฝางพูดขึ้น

“เป็นเขา?” สีหน้าของส้าวส้วย เย็นชาลงทันที

“เป็นมันนี่เอง เมื่อกี้ผมเจอมันด้วย แต่ว่าพอมันเห็นผม ก็เหมือนกันหนูเห็นแมว วิ่งหนีไปทันที”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็มองไปที่หลี่ฝางกับลุงเฉียน: “พวกท่านพูดเถอะ อยากให้มันตายยังไงดี?”

“รอก่อนค่อยลงมือ พ่อฉันกำลังมา”

หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ : “รอพ่อฉันมาก่อน แล้วค่อยปรึกษากัน”

“ก็แค่แมลงตัวนึง ยังต้องปรึกษาลูกพี่ใหญ่? แค่ผมกระดิกนิ้ว ก็ฆ่ามันได้แล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างอวดเก่ง

“งั้นตระกูลสวีล่ะ? นายอย่าลืมสิ ด้านหลังสวีเถิงเฟย มีตระกูลใหญ่หนุนอยู่”

“ถ้าสวีเถิงเฟยตาย ตระกูลสวีคงต้องกล่าวโทษบ้านพักตากอากาศของพวกเรา ถึงตอนนั้นบ้านพักตากอากาศของพวกเรา ก็ซวยน่ะสิ” หลี่ฝางพูดอย่างรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

ส้าวส้วยเบ้ปาก ไม่พูดอะไร

ทั้งสามมายังร้านกาแฟ ดื่มกาแฟ แล้วรอครึ่งชั่วโมง

ในที่สุด หลี่ต๋าคางก็มาถึง

หลี่ต๋าคางมาถึงอย่างรวดเร็ว พอเห็นหลี่ฝางนั่งดื่มกาแฟอย่างใจเย็น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

หลี่ต๋าคางเรียกหลี่ฝางออกมาในที่ที่ไม่มีคน แล้วควักบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งซอง จากนั้นก็หยิบให้หลี่ฝางหนึ่งมวน: “รับไปเถอะ ฉันรู้ว่าแกสูบ”

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ แล้วก็รับมา

“เรื่องนั้น ฉันรู้แล้ว”

หลี่ต๋าคางจุดบุหรี่ให้ตน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ: “ที่จริง ฉันอยากจะไปหาไอ้สวีเถิงเฟย แล้วฆ่าไอ้เด็กนั่นเลย”

“แต่ว่า ฉันเห็นเหมือนว่าแกมีวิธีอื่น?” หลี่ต๋าคางถาม

“พ่อ ผมอยากให้ตระกูลสวี……ถูกกำจัดให้สิ้นซาก” หลี่ฝางพูด

หลี่ต๋าคางพยักหน้า แล้วพูดอย่างนิ่งๆ : “ฉันเข้าใจความหมายของแก”

“ให้เดาก็พอรู้ ถ้าฆ่าสวีเถิงเฟย ก็จะนำมาซึ่งความโกรธของตระกูลสวี……แน่นอน ว่าความโกรธนั้น ฉันทำอะไรนิดหน่อย ก็ดับไฟโกรธพวกนั้นได้แล้ว ไม่ต้องคิดให้มากความ”

“แต่แค่ มันจะมีผลกระทบต่อบ้านพักตากอากาศ และการพัฒนาในอนาคตของตระกูลหลี่ของเรา”

หันกลับมา หลี่ต๋าคางมองไปที่หลี่ฝาง แล้วพูด: “เสี่ยวฝาง พ่อมีทางเลือกให้แกสองทาง”

“ถ้าหากแกอดทนไหว ก็ปล่อยให้ไอ้เด็กตระกูลสวีนั่นกระโดดโลดเต้นไปอีกสองวัน พ่อรับประกัน ว่าพ่อจะกำจัดตระกูลสวีให้ถึงรากถึงโคน”

“แต่ถ้าหากแกทนไม่ไหว งั้นพ่อจะไปฆ่าไอ้เด็กนั่นเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็พาคน ไปที่ตระกูลสวี แล้วฆ่าล้างโคตรให้หมด”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท