NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 296

ตอนที่ 296

บทที่ 296 เพื่อนของสวีเถิงเฟย

เมื่อเห็นหลี่ฝางปรากฏตัวอย่างปลอดภัยในงานปาร์ตี้ ใบหน้าของคนกลุ่มนี้ เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เมื่อกี้พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน คุณชายใหญ่ของต้าหัวกรุ๊ป ถูกหลี่ฝางทุบตีอย่างบ้าคลั่ง

ปากมีเลือดไหลออกมา

ตามหลักการแล้ว แม้ว่าหลี่ฝางจะไม่ถูกทำร้ายจนตาย หรือถูกตีจนส่งโรงพยาบาล ก็ควรถูกไล่ออกจากสถานตากอากาศแห่งนี้?

ทำไมสถานการณ์กลับเป็นเช่นนี้

หลี่ฝางกลับมาอย่างปลอดภัย แต่หยิ่นเหล่ยกลับหลบหนีกลับไป

และพวกเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่หยิ่นเหล่ยจากไป บนหน้าผากยังมีเขียนคำว่าสวะ และยังเดินวนไปรอบๆสถานตากอากาศแห่งนี้!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีใครบีบบังคับ ใครจะกล้าเขียนคำว่าสวะบนหน้าผาก

ก่อนจากไปยังต้องเดินวนรอบๆวิลล่า?

ตามความคิดปกติ สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล

เว้นแต่ว่าหยิ่นเหล่ยบ้าไปแล้ว!

เมื่อดูจากลักษณะของหยิ่นเหล่ยแล้ว เขาก็ค่อนข้างปกติ

ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองเหล่านี้ ก็ไม่ใช่คนโง่ และในเวลาอันรวดเร็ว พวกเขาก็เข้าใจทันที หลี่ฝางคนนี้ ต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่

เขาต้องบังคับให้หยิ่นเหล่ยเขียนคำว่าสวะบนหน้าผาก แล้วเดินวนไปรอบๆวิลล่า

หลังจากทำความเข้าใจแล้ว คนกลุ่มนี้ก็อยู่ห่างจากหลี่ฝาง เพราะกลัวว่าอาจยั่วโมโหผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้

แม้แต่คุณชายใหญ่อย่างหยิ่นเหล่ย ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ฝาง นับประสาอะไรกับพวกเขา?

“หลี่ฝาง นายบอกว่านายเป็นคุณชายใหญ่ของสถานตากอากาศแห่งนี้ ทำไมถึงปิดบังพวกเรา?”

“ในเวลานี้ หวางเสี่ยวโก๋พูดด้วยความข้องใจเล็กน้อย “ถ้านายพูดก่อนหน้านี้ เมื่อกี้ฉันก็จะได้ไม่ตกใจกลัวขนาดนั้น?

เมื่อกี้ผู้ชายสุภาพอ่อนโยนวิ่งไปข้างๆหยิ่นเหล่ย และได้เรียกว่าคุณชาย ทำให้หวางเสี่ยวโก๋ตกใจมาก

หลี่ฝางยิ้ม และพูดว่า “นายคิดว่ามีฉันคนเดียวที่ปิดบังตัวตนเหรอ?”

หวางเสี่ยวโก๋หันหัวมา มองหลี่ฝางด้วยความประหลาดใจ

หวางเสี่ยวโก๋ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของประโยคนี้

เขารีบถามทันที “ทำไม ในกลุ่มของพวกเรา ยังมีคนปิดบังตัวตนอยู่อีกเหรอ?”

“ฉินวี่เฟย เป็นคุณหนูสามของตระกูลฉิน” หลี่ฝางพูดเบาๆ

“ว้าว ที่แท้ฉินวี่เฟยเป็นสาวงานอันดับหนึ่งในตำนานของเมืองเอก! ตอนนั้นพวกเรายังเคยคุยกัน ว่าสาวงามอันดับหนึ่งในตำนานคนนี้ กับดาวในมหาลัยของเรา ใครสวยกว่ากัน”

“ปรากฏว่า พวกเธอเป็นคนเดียวกัน!” หวางเสี่ยวโก๋เข้าใจอย่างโจ่งแจ้ง ก็หัวเราะทันที

ในขณะนี้หวางเสี่ยวโก๋ ยืนเชิดอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

หลังจากรู้ว่าหลี่ฝางเป็นคุณชายใหญ่สถานตากอากาศแห่งนี้ ชั่วขณะ หวางเสี่ยวโก๋ก็มีความมั่นใจมาก

แต่เดิม เขายังคงมีอาการหวาดกลัวกับสถานที่

อย่างไรก็ตามวิลล่าแห่งนี้ เต็มไปด้วยทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง แม้ว่าครอบครัวของตัวเองก็ใช้ได้ แต่เมื่อเปรียบกับชายกลุ่มนี้ ก็เทียบอะไรไม่ได้เลย

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นน้องชายของคุณชายใหญ่สถานตากอากาศแห่งนี้ ฐานะตัวตนนี้ ก็สามารถเข้ามาในวิลล่านี้อย่างสบายใจ

“โก่เอ๋อล่ะ?” หลี่ฝางกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่พบร่องรอยของโก่เอ๋อ

“เธอเหรอ? ดูเหมือนว่าจะไปหาโจวเจ๋หลุนแล้ว” หวางเสี่ยวโก๋พูด

หลังจากพูดจบ หวางเสี่ยวโก๋และหลี่ฝางสองคน ก็มาที่ถึงใจกลางวิลล่า

ฉินวี่เฟยถูกฉินหยีหรันดึงไป และกำลังบอกเล่าสัมพันธภาพระหว่างบุคคล

เหยนเสี่ยวน่า เดินตามหลังพ่อของเขาอย่างเชื่อฟัง และได้พบปะรู้จักผู้คนที่ร่ำรวยมากมาย

อันที่จริง โรงกลั่นเหล้าของเหยนเสี่ยวน่า ไม่ถือว่าใหญ่

แม้ว่าเธอจะเข้าร่วมงานปาร์ตี้ระดับสูงมากมาย แต่เธอเป็นประเภทที่ไม่ค่อยมีใครจดจำ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป

เครื่องดื่มและเหล้าของสถานตากอากาศแห่งนี้ สถานตากอากาศออกครึ่งหนึ่ง ตระกูลเหยนออกอีกครึ่งหนึ่ง

ความร่วมมือระหว่างสถานตากอากาศและตระกูลเหยน ทำให้สถานะตระกูลเหยนในความคิดของทุกคน สูงขึ้นทันที… …

หลายคนเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า ตระกูลเหยนและตระกูลหลี่ ต้องมีมิตรภาพที่เหนียวแน่น

เพราะว่า มีโรงกลั่นเหล้ามากมายให้เลือก ทำไมสถานตากอากาศแห่งนี้จึงต้องเลือกตระกูลเหยน?

อันที่จริง เบื้องหลังมันเป็นผลงานของหลี่ฝาง หลี่ฝางเป็นคนที่แนะนำโรงกลั่นเหล้าของตระกูลเหยน ลุงเฉียนเลยโทรติดต่อพ่อของเหยนเสี่ยวน่าด้วยตัวเอง

“หลี่ฝาง นายคิดว่าถ้าพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายและฉินวี่เฟย จะมีปฏิกิริยาอย่างไร?” หวางเสี่ยวโก๋โน้มตัวไปข้างหน้าหลี่ฝาง อดไม่ได้ที่จะถาม

“พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของนายรู้จักตัวตนของฉินวี่เฟยแล้ว นายไม่เห็นเหรอ พวกเธอกล่าวทักทายกันแล้ว พี่สาวของนายตกใจมาก… …”

ในขณะที่คุยกัน จู่ๆมีคนหลายคน เดินตรงมาหาหลี่ฝาง

“นี่ไม่ใช่หวางเสี่ยวโก๋เหรอ? ฮ่าฮ่า นายมาได้ไง?”

“หวางเสี่ยวโก๋ ทำไมนายถึงมาในสถานที่แบบนี้? นายแอบเข้ามาได้อย่างไร!”

“ดูการแต่งตัวของนาย แม้แต่พนักงานเสิร์ฟที่นี่ยังแต่งตัวดีกว่านาย”

ทันทีที่คนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็เยาะเย้ยหวางเสี่ยวโก๋ทันที

สีหน้าของหวางเสี่ยวโก๋ ดูอับอายเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพูดอย่างกล้าหาญว่า “เกี่ยวอะไรกับพวกนาย!”

“กูอยากใส่อะไรก็ใส่ เกี่ยวอะไรกับพวกนาย? ขอเพียงกูต้องการ ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ก็ยังได้” หวางเสี่ยวโก๋พูดด้วยความโกรธ

“หวางเสี่ยวโก๋ นายรู้ไหมว่านายกำลังพูดกับใคร?”

“คนข้างๆของฉันท่านนี้ ชื่อส้งเคอ นายอาจไม่รู้ว่าส้งเคอคือใคร แต่ตระกูลของส้งเคอเพิ่งจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ชื่อไทรอัมพ์ซิตี้นายน่าจะคุ้นหูใช่ไหม?”

ครอบครัวหวางเสี่ยวโก๋ มีบ่อทรายขนาดใหญ่

บ่อทรายนี้กำลังประมูลเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างไทรอัมพ์ซิตี้

หากทำให้ส้งเคอขุ่นเคือง ธุรกิจนี้ ก็หมดกันพอดี

บ่อทรายของหวางเสี่ยวโก๋ มีทรายสะสมเป็นจำนวนมาก หากสามารถรับงานธุรกิจนี้ ปีนี้จะมีกำไรก้อนโต

ในทางตรงกันข้ามหากประมูลไม่ได้ คิดว่าบ่อทรายของหวางเสี่ยวโก๋ จะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก

ดังนั้น เมื่อได้ยินตัวตนของฝ่ายตรงข้าม หวางเสี่ยวโก๋ก็ไม่กล้าที่จะเถียง ก้มหัวแล้วยิ้ม “ที่แท้ก็คือคุณชายส้งนี่เอง น่าเคารพๆ

“มา คุณชายส้ง ผมขอดื่มให้คุณแก้วหนึ่ง” หวางเสี่ยวโก๋นำแชมเปญสองแก้วมาจากพนักงานเสิร์ฟ และส่งให้ส้งเคอหนึ่งแก้ว

หวางเสี่ยวโก๋ยื่นแชมเปญด้วยมือข้างหนึ่ง และแชมเปญอีกแก้วหนึ่ง ก็เอาเข้าปากตัวเอง

หลังจากดื่มจนหมดหวังเสี่ยวโก๋ก็เงยหน้าขึ้น แต่พบว่าใบหน้าของส้งเคอ แสดงรอยยิ้มเหยียดหยาม และเขาไม่ได้รับแก้วแชมเปญในมือของตัวเอง

ในขณะนี้ ใบหน้าของหวางเสี่ยวโก๋ เต็มไปด้วยความอับอาย

ตัวเองได้ดื่มเหล้าไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับแก้วเหล้าไปด้วยซ้ำ นี่แสดงว่า อีกฝ่ายไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“สถานะอะไร มีคุณสมบัติพอที่จะดื่มกับฉันหรือ?”

ส้งเคอยิ้มเยาะ และพูดด้วยท่าทางดูถูก “แม้แต่หวางปั้นเฉิงพ่อของนายมาที่นี่ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะดื่มเหล้าแก้วนี้กับฉัน นายเข้าใจหรือเปล่า?”

“ในสายตาของฉัน นายเป็นแค่พนักงานเล็กๆเท่านั้น ความรู้สึกที่ส้งเคอมีต่อหวางเสี่ยวโก๋ คือการเยาะเย้ย

เมื่อหวางเสี่ยวโก๋ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าก็ร้อนวูบวาบ

ถูกคนเยาะเย้ยในที่สาธารณะและทำอะไรไม่ได้ มันอึดอัดใจจริงๆ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น หวางเสี่ยวโก๋สามารถตอบโต้ได้

แต่อีกฝ่าย คือส้งเคอ ผู้ก่อตั้งธุรกิจไทรอัมพ์ซิตี้!

ช่วงนี้พ่อของตัวเองไปบ้านตระกูงส้งทุกวัน เพียงเพื่อต้องการทำธุรกิจนี้ ถ้าตัวเองทำให้ส้งเคอขุ่นเคือง ถ้างั้นการทุ่มเททำงานลำบากมาหลายวันของพ่อ ก็คงจะสูญเปล่า?

ในเวลานี้ หลี่ฝางยื่นมือไปที่หวางเสี่ยวโก๋ เพื่อรับแก้วแชมเปญมา

ตั้งแต่เริ่มต้น หลี่ฝางก็เห็นความจริงอย่างชัดเจน

ส้งเคอและคนเหล่านี้ เข้ามาเพื่อจับผิด

เมื่อกี้ ส้งเคอและคนเหล่านี้ กำลังคุยกับสวีเถิงเฟยอย่างมีความสุข เมื่อสวีเถิงเฟยเห็นหลี่ฝางแล้ว ข้างหูของส้งเคอและคนอื่น เขาก็กระซิบสองสามคำ

จากนั้น ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็เดินมาหาหลี่ฝางและหวางเสี่ยวโก๋

ดังนั้น พวกเขาเป็นเพื่อนของสวีเถิงเฟย

พวกเขาเดินมา ไม่ใช่จงใจมาหาเรื่องหวางเสี่ยวโก๋ ให้หวางเสี่ยวโก๋อับอาย

เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา ควรเป็นตัวเองมากกว่า

หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย “มองไปที่ส้งเคอและคนอื่นๆ และพูดว่า “ในเมื่อนายคิดว่าหวางเสี่ยวโก๋ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดื่มกับนาย ถ้างั้นฉันมีคุณสมบัติไหม?”

“นาย? ฮึ่ม แล้วนายเป็นใคร!”

“ฉันคิดว่านายยังเทียบหวางเสี่ยวโก๋ไม่ได้” ส้งเคอมองหลี่ฝาง พูดด้วยความเหยียดหยาม

หลี่ฝางยังคงยิ้ม “ในเมื่อนายไม่รู้ตัวตนของฉัน ถ้างั้นฉันจะแนะนำตัวเองให้นายรับรู้”

“ฉัน ชื่อหลี่ฝาง สถานตากอากาศแห่งนี้ ตระกูลของฉันเป็นผู้บุกเบิก พูดง่ายๆคือ วิลล่านี้ สถานตากอากาศแห่งนี้ เป็นของตระกูลฉัน” หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา

“ในฐานะเจ้าของสถานตากอากาศแห่งนี้ ดื่มเหล้าแก้วนี้ นายคิดว่ามีคุณสมบัติพอไหม?” หลี่ฝางมองไปที่ส้งเคอพลางถาม

“ฮ่าฮ่า น่าขำจริงๆ ฉันว่าหลี่ฝาง นายช่างใจกล้ามาก นายอย่าคิดว่านายมีนามสกุลหลี่ ก็สามารถปลอมตัวเป็นหลานของ

หลี่เจียเฉินนายท่านหลี่ได้ … …” ส้งเคอพูดอย่างเหยียดหยาม

“ไม่เชื่อใช่มั้ย? ถ้างั้นฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็น” หลี่ฝางพูดเสร็จ ก็โทรหาลุงเฉียน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน