NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 303

ตอนที่ 303

บทที่303 ศัตรูที่น่ากลัวของส้าวส้วย

หลี่ฝางมองเหยสงไปแวบหนึ่ง เห็นว่ามันกำลังจ้องมองตัวเองอยู่

หลบยังไงมันก็หลบไม่พ้นอยู่แล้ว ความหมายนี้ หลี่ฝางก็เข้าใจอยู่

ในเมื่อเหยสงกับเหยโก่วต่างก็รู้จักตัวเอง วันนี้หลบไปแล้ว เกรงว่าวันข้างหน้ามันก็ต้องยุ่งยากกว่านี้อย่างแน่นอน

เข้าไปมันคงทำอะไรไม่ได้มั้ง?

อยู่ในถิ่นของตัวเอง เขาคงไม่กล้าที่จะลงมือหรอกมั้ง?

พูดตามตรง แม้ว่าเหยสงจะเป็นมาเฟียที่มีอำนาจ แต่ตอนนี้ หลี่ฝางก็ไม่ได้มีความกลัวเลย

หลี่ฝางก็เบ่งเหมือนกัน เลิกคิ้วแล้วกล่าว: “เขาหาฉัน ทำไมไม่มาด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ฉันไปหาเขา ทำไม หน้าเขาใหญ่เหรอไง?”

ระยะห่างของหลี่ฝางกับเหยสง จริงๆแล้วก็ไม่ไกล เดินแค่ไม่กี่ก้าวเอง บวกกับเหยสงเป็นคนหูไว คำพูดของหลี่ฝาง ได้เข้าไปในหูของเหยสงแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

จึงได้มองทอดสายตาไป นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลในเมืองแล้ว ยังมีใครกล้าที่จะพูดแบบนี้กับตัวเองเลย

เหยสงหัวเราะเบาๆ ก้าวเท้าออกไป เดินไปทางหลี่ฝาง: “ตรงนี้คุยกันไม่สะดวก คนเดินไปเดินมา มีใครเขาคุยกันตรงหน้าประตูของคนอื่นกันละ นายว่ามั้ย? น้องชาย?”

น้ำเสียงของเหยสงเรียบเฉยมาก มองไม่ออกว่าเป็นมาเฟียเลยแม้แต่นิดเดียว

“ได้ งั้นก็ขยับถอยหลังไปหน่อย”

หลี่ฝางก็ไม่กล้าไปไกล กระซิบบอกฉินวี่เฟย: “เธอรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันไปกับนาย ฉินวี่เฟย” ยิ้มพร้อมกับกล่าว

“เธอไม่กลัวเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ

“มีอะไรน่ากลัวเหรอ?” ฉินวี่เฟยหัวเราะเบาๆ

หลี่ฝางคิดในใจ มันก็ใช่ ฉินวี่เฟยเป็นคุณหนูของตระกูลฉิน ต่อให้เหยสงไม่มีตา ก็คงไม่กล้าที่จะทำร้ายคุณหนูของตระกูลฉินหรอกมั้ง?

ก่อนหน้านั้น แม้ว่าฉินวี่เฟยจะปกปิดฐานะของตัวเองมาโดยตลอด

แต่บัดนี้ ก็ได้เปิดเผยตัวตนแล้ว

เดินไปทางสวนป่า เดินไปประมาณสิบกว่าเมตร หลี่ฝางก็หยุดเดิน: “มีเรื่องอะไร ก็คุยกันตรงนี้แหละ”

“เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย” เหยโก่วกล่าว

“ไม่ไปแล้ว พูดตรงนี้แหละ” หลี่ฝางยืนยันคำเดิม

เหยโก่วหัวเราะเห่อๆ ใบหน้าเผยให้เห็นด้วยรอยยิ้มที่ดูถูก” ทำไม กลัวเหรอ?”

เหยโก่วพูดไม่ผิด หลี่ฝางมีความกลัวจริงๆ

เดินไปข้างหน้าอีก มันก็เกือบจะถึงสวนป่าแล้ว ถ้าหากเหยโก่วหรือเหยสงลงมือ ฉุดตัวเองเข้าไปในสวนป่า เมื่อถึงตอนนั้นตัวเองจะทำยังไง?

หลี่ฝางก็เป็นตรงไปตรงมา พยักหน้ากล่าว: “ใช่ เดินไปข้างหน้าอีก ฉันกลัว ตรงนี้แหละ มันเป็นขีดจำกัดของฉัน”

“พวกนายอยากคุยอะไร ก็คุยตรงนี้แหละ ไม่อยากคุย ฉันก็จะกลับไปนอนแล้ว”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดเสริม: “หากพวกนายกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ ฉันก็จะตะโกนขอความช่วยเหลือ ฉันคิดว่าพวกนายคงไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะลงมือตรงนี้มั้ง?”

สีหน้าของเหยโก่วจมดิ่งลงไป จ้องมองหลี่ฝาง: “หากเราอยากทำร้ายแก โอกาสนั้นมีตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก”

“ไอ้เด็กน้อย นายฉลาดมาก”

เหยสงมองไปที่หลี่ฝาง แล้วยิ้มอย่างกวนๆ

เหยสงอยู่ในสังคมมาสิบกว่าปี คนแบบไหนก็เคยเจอมาหมดแล้ว แต่ว่าประเภทแบบหลี่ฝาง ยังเป็นครั้งแรกที่เหยสงเจอ

หากจะบอกว่าเขาใจเสาะ เขาก็ไม่ได้เห็นตัวเองอยู่ในสายตา

หากจะบอกว่าเขาใจกล้านั้น แม้แต่เดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวเขาก็ไม่กล้า

ยังมีอีกนิดหนึ่ง หลี่ฝางเป็นคนซื่อตรง วัยรุ่นที่อายุอย่างไอ้เด็กนี่ ต่อให้ในใจจะกลัว ก็คงจะไม่กล้ายอมรับออกมา

ใครจะไปเหมือนหลี่ฝาง พูดออกมาตรงๆ ใช่ ฉันก็คือกลัว

เมื่อเป็นแบบนี้ แผนการข่มขู่ที่เหยโก่ววางไว้ตั้งแต่ต้น มันก็ใช้ไม่ได้เลย

เหยสงดูดบุหรี่ไปหนึ่งที แล้วกล่าว: “ขอแนะนำตัวหน่อย ฉันชื่อหวางข่ายสวน เป็นพ่อของหวางเฉิน”

หลี่ฝางคิดในใจ ก็บอกว่าตัวเองเป็นเหยสงก็สิ้นเรื่องแล้ว นี่มันกำลังเล่นตัวถ่อมตนกับตัวเองอยู่เหรอ?

“ที่ฉันหานายมา ก็เพียงแค่อยากจะถามเรื่องของคนคนหนึ่ง คนที่ทำร้ายลูกชายของฉัน มันอยู่ไหน? นายมีเบอร์โทรของเขาหรือเปล่า ถ้ามี ช่วยโทรตามเขาออกมาหน่อยได้มั้ย?” เหยสงใช้น้ำเสียงที่หารือกัน

หน้าตาของเหยสง น่ากลัวน้อยกว่าฉายาของเขา

โดยเฉพาะสำเนียง น้ำเสียง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่อะไรก็ได้

ตอนแรก หลี่ฝางยังนึกว่าเหยสงจะเหมือนกับเหยโก่ว ที่มีหน้าตาที่ดุร้าย ตอนนี้มองดูแล้ว ตัวเองนั้นคิดผิดไปแล้ว

เหยสงไม่เหมือนมาเฟียเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเหมือนนักธุรกิจที่อ่อนโยน

“เห่อๆ คุณอา คุณอาคงจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์มั้ง อาการบาดเจ็บของหวางเฉิน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อนของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดเป็นฝีมือของน้องชายคุณเหยสง”

หลี่ฝางหัวเราะพูดจบ ยังมองไปที่เหยโก่วแวบหนึ่ง แล้วถาม: “ใช่มั้ย เหยโก่ว?”

สีหน้าของเหยโก่ว แน่นอนมันก็ต้องดำคล้ำไปทันที

“ไอ้เด็กน้อย เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะชมว่านายเป็นคนฉลาก”

เหยสงหัวเราะเบาๆ มองไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “แต่วัน ฉันไม่ค่อยชอบเด็กที่ฉลาดเกินไป”

พูดจบ สีหน้าของเหยสง ก็เปลี่ยนไปทันที

สีหน้ามืดมน เปลี่ยนไปจนน่ากลัวมาก

“ฉันของถามนายอีกครั้ง เพื่อนของนาย ตอนนี้อยู่ไหน?” เหยสงจ้องมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่ดุร้าย กลับทำให้หลี่ฝางตกใจจนหดตัวลง

บนตัวของเหยสง แผ่กระจายไปด้วยแรงอาฆาตที่รุนแรงมาก

หลี่ฝางยังไม่ทันได้ตอบ เหยสงก็ยื่นมือออกมา ล็อกคอของฉินวี่เฟยเอาไว้ จากนั้นก็ยกเธอขึ้นมา: “หากยังไม่พูดอีก ฉันก็จะบีบคอของแฟนนายให้หักไปเลย”

“เธอไม่ใช่แฟนฉัน เธอเป็นคุณหนูตระกูลฉิน” หลี่ฝางรีบกล่าว

หลังจากที่เหยสงได้ยิน ก็รีบปล่อยมือจากฉินวี่เฟยทันที

ถึงอย่างไร เหยสงก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินตระกูลฉิน นั่นมันเป็นตระกูลอันดับหนึ่งอันดับสองเลยนะ

เพิ่งจะปล่อยฉินวี่เฟย เหยสงก็ล็อกแขนของหลี่ฝางเอาไว้ทันที แล้วกล่าว: “รีบพูดมา ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะหักแขนนาย”

คำพูดนี้หากพูดก่อนหน้านี้ หลี่ฝางไม่อยากเชื่อจริงๆ

ล็อกแขนของตัวเองไว้ ก็คิดจะหักแขนของตัวเองเหรอ?

คิดว่าตัวเองเป็นแรมโบ้เหรอ!

ตั้งแต่เคยเห็นเจ้าหัวแบน โหจื่อ ส้าวส้วยคนเหล่านี้ที่ต่อสู้แล้ว หลี่ฝางก็เข้าใจมากขึ้น ว่าสังคมนี้ ยังมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย

อีกอย่าง ฝีมือของเหยสง หลี่ฝางก็เคยได้ยินจางกงหมิงพูดถึงนานแล้ว

คนที่เป็นมาเฟียอยู่ในเมืองเอก นอกจากชางสู่ที่วิ่งไปมา ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสู้กับเหยสง

หลี่ฝางปอดแหกแล้ว ก็ได้แสดงความกลัวออกมาทางสีหน้าทันที

“แกอย่าทำร้ายเขานะ เขาเป็นคุณชายของรีสอร์ตนะ” ฉินวี่เฟยรีบกล่าวขึ้นทันที

เหยสงหัวเราะเห่อ แล้วกล่าว: “ขู่ฉันเหรอ!”

“ต่อให้เขาเป็นคุณชายของรีสอร์ตจริงๆแล้วจะทำไม ลูกชายฉันเกิดเรื่องที่รีสอร์ตของพวกเขา ฉันกำลังจะไปทวงความยุติธรรมกับพวกเขาอยู่พอดีเลย”

เหยสงยิ้มอย่างดูแคลน มองหลี่ฝางด้วยสายตาที่โหดร้าย: “ทำไม ยังไม่โทรอีกเหรอ?”

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างจำยอม แล้วโทรหาส้าวส้วย

ไม่นานนัก ส้าวส้วยก็ออกมา

เพียงแต่ว่า ส้าวส้วยได้เปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองแล้ว เสื้อที่เขาใส่ก่อนนั้น ได้ถอดออกมาขายให้กับเฝิงจื่อหลิน ในราคาห้าหมื่น

เมื่อเห็นส้าวส้วย หลี่ฝางก็รีบตะโกนไปทางเขาทันที

“ส้าวส้วย!”

ส้าวส้วยมองมาทางนี้แวบหนึ่ง ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที

“พี่ใหญ่ ก็คือมัน” เมื่อเห็นส้าวส้วย สีหน้าของเหยโก่ว ก็เปลี่ยนทันที

ต่อให้มีเหยสงอยู่ เหยโก่วที่อยู่ต่อหน้าส้าวส้วย ก็ยังคงมีความกลัว

“หาฉันเหรอ?”

เมื่อส้าวส้วยมาถึง ก็มองไปที่เหยโก่วกับเหยสงสองคน แล้วกล่าว: “ในเมื่อหาฉัน งั้นก็ปล่อยเจ้านายฉันเถอะ”

“เขาเป็นเจ้านายแก?”

เหยสงมองหลี่ฝางไปแวบหนึ่ง มีความแปลกใจเล็กน้อย: “นายเป็นคุณชายของรีสอร์ตนี้จริงๆ?”

“พูดมากอยู่ได้ รู้แล้วยังไม่รีบปล่อยฉัน!” หลี่ฝางถลึงตาใส่เหยสง กล่าวด้วยความโกรธ

ถูกเหยสงล็อกแขนเอาไว้ หลี่ฝางรู้สึกว่าแขนของตัวเอง เหมือนจะเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปแล้ว

เหยสงคนนี้ เหมือนจะยังไม่ได้ออกแรงเลย

ถ้าหากออกแรง แขนของตัวเอง ต้องหักอย่างแน่นอน

เหยสงคนนี้ก็ยิ้มที่มุมปาก แล้วกล่าว: “ทำไม เป็นคุณชายของรีสอร์ต ก็แตะต้องไม่ได้แล้วเหรอ?”

“แกกล้าแตะต้องลูกชายฉัน แล้วทำไมฉันจะไม่สามารถแตะต้องเจ้านายแกละ?

มองส้าวส้วยไปแวบหนึ่ง เหยสงก็กล่าวอย่างเย็นชา

หลี่ฝางคิดในใจ แย่แล้ว

ฟังคำพูดของเหยสงแล้ว ไอ้หมอนี่ กำลังจะลงมือทำร้ายตัวเองแล้ว

ยังเป็นคนแรกที่ รู้จักฐานะที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ยังกล้าที่จะทำร้ายตัวเองอีก

หลี่ฝางรู้แล้ว ครั้งนี้หลี่ฝางเจอคนจริงเสียแล้ว

และสีหน้าของส้าวส้วย ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

วันนี้ ขอเพียงใช้มีด แขนของหลี่ฝาง ก็อาจจะขาดทันที ต่อให้ส้าวส้วยจะว่องไวแค่ไหน ก็ยากที่จะช่วยหลี่ฝางเอาไว้ได้

ในขณะที่กำลังวุ่นวาย สายตาของส้าวส้วย ก็ได้มองไปที่ตัวของเหยโก่ว

ในขณะที่เหยสงกำลังจะลงมือนั้น ส้าวส้วยก็หายแวบไปทันที ไปโผล่อยู่ที่ด้านหลังของเหยโก่ว มือข้างหนึ่ง ได้ล็อกที่คอของเหยโก่วเอาไว้

แววตาของเหยสง ทันใดนั้นก็เฉียบคมขึ้นมาทันที

ว่องไวขนาดนี้?

นี่มันทำให้เหยสงรู้ว่า ตัวเองคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวแล้ว

เหยสงขมวดคิ้ว มองไปที่ส้าวส้วย กล่าวอย่างลนลาน: “นายจะทำอะไร?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน