NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 307

ตอนที่ 307

บทที่ 307 ยัยเฉิ่มไสหัวออกไปจากวิลล่าของฉัน

……..ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ใบหน้าของหลี่ฝางเต็มไปด้วยเหงื่อ เวลาของตัวเอง ยิ่งอยู่ยิ่งนานขึ้นแล้ว

นอนอยู่ข้างกายฉินวี่เฟย หลี่ฝางมองเธอแวบหนึ่ง ใบหน้าของฉินวี่เฟยแดงมากทีเดียว

หลี่ฝางอาบหน้าเสร็จ เตรียมตัวจะนอน………

ป้างๆๆ!

สรุปเวลานี้ ด้านนอกวิลล่า มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“แม่ง ใครน่ะ ดึกๆดื่นๆมาเคาะประตูของตัวเอง?” หลี่ฝางลืมตาขึ้น ไม่รู้จะยังไงดี

หลี่ฝางมีความโกรธเล็กน้อย เพิ่งจะหลับไปเองแท้ๆ ก็ถูกปลูกให้ตื่น หากโดนกับใคร มีเหรอจะไม่โกรธ?

“เป็นพวกเหยสงหรือเปล่า?” ฉินวี่เฟยก็ลืมตาขึ้นมา ถามด้วยความกลัว

“เป็นไปได้”

หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึม

ด้านนอกประตูวิลล่า เหยสงเกือบจะหักแขนของตัวเองแล้ว ก็หมายความว่าเหยสงมีความกล้าที่จะทำร้ายตัวเอง

เป็นไปได้ว่าเป็นเหยสงที่มา หลี่ฝางกลัวจนกลืนน้ำลายลงคอ

“ฉันไปดูก่อน หากเป็นเหยสงจริงๆ ฉันจะตะโกนให้คนมาจัดการให้เศษสวะคนนี้!”

หลี่ฝางคิดในใจ ตรงนี้เป็นถิ่นของตัวเอง ส้าวส้วย โหจื่อ ลุงเฉียน พ่อของตัวเองก็อยู่นี่ทั้งนั้น

หากเหยสงกล้ามาหาเรื่องถึงที่นี่ งั้นตัวเองก็จะเรียกพวกเขามาทันหมด จัดการเหยสงทีเดียว

เมื่อมองผ่านตาแมว หลี่ฝางมองไปแวบหนึ่ง

เพียงแวบเดียว หัวใจของหลี่ฝาง เกือบหยุดเต้นทันที

“แม่งเอ๊ย!”

หลี่ฝางตกใจจนหน้าซีด กลับเข้าไปในห้องนอนอย่างลนลาน ปลูกฉินวี่เฟยให้ลงจากเตียง

“เธอกลับไปที่ห้องของเธอ แล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” หลี่ฝางกล่าวด้วยสีหน้าที่ผิดปกติ

ฉินวี่เฟยพยักหน้า กลับไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพียงแต่ตอนที่เธอเดินออกมาจากในห้องนอน มือของเธอ ก็ได้ถือมีดไว้ด้ามหนึ่ง

“เอามาจากไหน?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

“มีดที่แทงฉันเมื่อกลางวัน ฉันเก็บมันเอาไว้ หนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึก สองเอาไว้ป้องกันตัว ตอนนี้ให้นาย ฉันรู้สึกว่านายต้องการใช้มันมากกว่า”

ขณะที่ฉินวี่เฟยพูดอย่างจริงจัง ก็ได้ยื่นมีดไปที่มือของหลี่ฝาง

“ไม่ใช่เหยสง” หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าว

“ไม่ใช่เหยสง?” ฉินวี่เฟยตกใจไปสักพัก ก็ถามขึ้น: “แล้วทำไมนายถึงกลัวมากเลยละ?”

“ใช่แล้ว ในเมื่อไม่ใช่เหยสง แล้วใครเป็นคนเคาะประตู ดึกๆดื่นๆว่างมากหรือไง? นอนก็ไม่นอน?” ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่สงสัย แล้วถาม

ป้างๆๆ

เวลานี้ เสียงเคาะประตูด้านนอกยิ่งแรงขึ้น

“เธอไปดูเองละกัน” หลี่ฝางลังเลไปสักพัก ผลักฉินวี่เฟยไปหนึ่งทีแล้วกล่าว

ฉินวี่เฟยตั้งสติ เดินไปที่หน้าประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองผ่านตาแมวไปแวบหนึ่ง

ปฏิกิริยาตอบสนองของฉินวี่เฟยนั้นยิ่งกว่าหลี่ฝาง เธอถอยหลังไปหลายก้าว หายใจเสียงดัง แล้วกล่าว: “ทำไมถึงเป็นพี่สาวฉัน เธอมาได้ยังไง?”

หลี่ฝางส่ายหัว กล่าวด้วยสีหน้าที่งงๆ: “เธอถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใคร? ดึกๆดื่นๆเขามาที่นี่ ก็ต้องรู้ว่าเธออยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”

ฉินวี่เฟยก็เข้าใจอย่างมาก ฉินหยีหรันมาที่นี่ ก็ต้องมาหาเธออย่างแน่นอน

ประเด็นสำคัญคือ จะสามารถให้เธอเข้ามาได้มั้ย?

ทำยังไงดี? จะเปิดหรือไม่เปิด? หลี่ฝางขอความเห็นจากฉินวี่เฟย ไม่ว่ายังไงก็เป็นพี่สาวของเธอ

“หากเธอไม่อยากเปิดประตู งั้นเราก็ไม่เปิด เราก็อุดหู แล้วก็กลับไปนอน……..ไม่ว่ายังไงพี่สาวเธอก็คงไม่กล้าที่จะตะโกนเสียงดัง เขาก็คงรู้จักปกป้องชื่อเสียงของเธอ”

“เขาคงเคาะไม่นานหรอก มากสุดก็คงสิบนาที เขาก็คงไปแล้ว” หลี่ฝางกล่าวอย่างมั่นใจ

“กระดาษห่อไฟไม่มิด คนอย่างพี่สาวฉัน ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ หากเธอไม่มั่นใจว่าฉันอยู่ที่นี่ เธอไม่มีทางที่จะกล้าเคาะประตูของนาย ไม่อย่างนั้น เธอที่เป็นคนมีสามี มาเคาะประตูของคุณชายหลี่ เธอจะกลายเป็นตัวอะไร? ฉินวี่เฟยขมวดคิ้ว แล้วกล่าว: “เธอมาดึกๆดื่นๆ หากไม่ให้เธอเข้ามา ถูกคนอื่นเห็นเข้า แล้วถูกลือถึงหูของตระกูลมู่หรง พี่สาวฉันก็จบแน่”

“คงไม่สามารถที่จะให้เขาเคาะไปเรื่อยๆแบบนี้”

ฉินวี่เฟยขณะที่พูด ก็เดินไปเปิดประตู ให้ฉินหยีหรันเข้ามา

เสียงเพี้ยดังขึ้นหนึ่งที

ฉินหยีหรันเหยียบเข้ามาแล้ว ก็ตบหน้าฉินวี่เฟยหน้าทันที

หลังจากที่ตบหน้าแล้ว ฉินหยีหรันยังได้ชี้ด่าไปที่หน้าของฉินวี่เฟย: “ วี่เฟย สิ่งที่ฉันพูดกับเธอเมื่อกี้ เธอลืมไปหมดแล้วเหรอ?” “เธอพูดมาสิ เธอที่เป็นคุณของตระกูลฉิน กลับมามั่วกับผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้ หากแพร่งพรายออกไป หน้าตาของตระกูลฉิน ถูกเธอทำลายไปหมดแล้ว”

“ยังมีอีก ในไม่ช้าเธอก็จะหมั้นกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว คุณปู่ของตระกูลมู่ จะตรวจร่างกายเธอด้วย เมื่อถึงตอนนั้น…….ไม่รู้จะผ่านด่านของท่านปู่ตระกูลมู่ได้มั้ย? คุณปู่ของเราหาคนจะมาเป็นพยานในงานแล้ว แขกสำคัญเหล่านี้ ก็ได้ส่งการ์ดเชิญไปเรียนเชิญล่วงหน้าแล้ว ฉินวี่เฟยนะฉินวี่เฟย เธอทำอะไรกันแน่?”

“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำแบบนี้ มันจะทำให้ตระกูลฉินพังพินาศได้?” ฉินหยีหรันกล่าวอย่างเย็นชา

“พี่คะ ฉันผิดไปแล้ว” ฉินวี่เฟยกล่าวด้วยเสียงเบา

“เธอผิดไปแล้ว? แค่คำว่าเธอผิดไปแล้ว จะชดเชยอะไรได้? สามารถทำให้เธอกลับมาเป็นสาวบริสุทธิ์มั้ย? สามารถทำให้เธอกับมู่เสี่ยวไป๋ หมั้นกันเหมือนเดิมได้มั้ย?”

สีหน้าของฉินหยีหรัน นั้นมืดมนอย่างมาก

พูดตามตรง การที่ฉินหยีหรันโกรธก็เป็นเรื่องปกติ

หากงานหมั้นหมายถูกยกเลิก ตระกูลฉินกับตระกูลมู่ ก็จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ

“เธอ เธอทำไมไม่รักตัวเองเลย เธอลืมจุดจบของพี่สาวของเธอแล้วเหรอ?” มองฉินวี่เฟย ฉินหยีหรันพูดอย่างโมโห และสงสาร

“เธอรู้หรือเปล่า เธอทำแบบนี้ จุดจบน่าจะแย่กว่าของพี่ หากคุณปู่ของเราโกรธ ไม่แน่อาจจะไล่เธอออกไปจากตระกูลฉิน ให้เธอไปนอนกลางถนน”

“และตระกูลมู่ ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยเธอ” ฉินหยีหรันกัดฟัน กล่าวอย่างปวดหัว

ฉินวี่เฟยก้มหน้าไม่พูดไม่จา ตอนนี้ฉินวี่เฟยละอายใจและวิตกกังวลมาก

เหมือนถูกจับได้ว่าเล่นชู้ยังไงอย่างนั้น

เธอฝันยังฝันไม่ถึงเลย ว่าพี่สาวของตัวเองจะมาที่นี่!

ฉินหยีหรันมองหลี่ฝางไปแวบหนึ่ง ก้าวเข้ามาด้วยความดุดัน

ฉินหยีหรันกัดฟัน แล้วกล่าว: “แกไอ้สารเลว แกรู้ทั้งๆรู้ว่าน้องสาวของฉันได้หมั้นหมายกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว แกยังแตะต้องตัวเธอ……ยังพาเธอมาที่ห้อง แกอยากทำให้น้องฉันตายใช่มั้ย?”

“ผมไม่ได้ทำร้ายเธอ ผมกำลังช่วยเธอ”

มองไปที่ฉินหยีหรัน หลี่ฝางพูดจาอย่างสงบเยือกเย็น: “คนที่จะทำร้ายฉินวี่เฟย คือพวกคุณ ทุกคนในตระกูลฉิน”

“ไม่ต้องมาพูดให้ผิดกลายเป็นถูกเลยนะพี่สาว” หลี่ฝางเบ้ปาก กล่าวอย่างดูถูก

“พี่? แกไม่ต้องเอาทองไปแปะที่หน้าแกเลย แกมันคืออะไร ต่อให้แกคบกับน้องสาวฉันจริงๆ แกก็ไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าพี่”

“งั้นฉันไม่เรียกเธอว่าพี่ เรียกเธอว่ายัยเฉิ่มดีมั้ย?”

เมื่อเห็นฉินหยีหรันที่ทั้งทำร้ายและต่อว่าฉินวี่เฟย หลี่ฝางก็โมโหไม่น้อย ได้ชี้ไปที่หน้าของฉินหยีหรันโดยตรงแล้วกล่าว: “ยัยเฉิ่ม รบกวนเธอไสหัวออกไปจากวิลล่าของฉันด้วย ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะไม่เกรงใจกับเธอแล้ว”

แกกล้าด่าฉันว่ายัยเฉิ่ม? สีหน้าของฉินหยีหรัน ก็ดุร้ายขึ้นมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท