NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 302

ตอนที่ 302

บทที่ 302 เหยโก่วเหยสงขวางทาง

จากปากของตัวเอง หลังจากที่ได้รู้สถานะที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้ว สวีจื่อเม่ยนอกจากจะตกใจแล้ว ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

สวีจื่อเม่ยเคยเห็นรูปถ่ายของหลี่ฝาง และก็เคยสำรวจเขา จากตัวเขา มองไม่ออร่าของคุณชายเจ้าสำราญเลย ออร่าของลูกมหาเศรษฐีเลย

เขาทำไมถึงเป็นหลานของหลี่เจียเฉินละ?

เพียงแต่ว่าเมื่อคิดถึงตอนที่พ่อบ้านเฉียนตบบ้องหูของตัวเอง สวีจื่อเม่ยก็เชื่อแล้ว

“ฝ่ามือนั้นของพ่อบ้านเฉียน ไม่เพียงแต่ตบพี่ แต่มันเท่ากับตบตระกูลสวีทั้งตระกูล ทำให้ตระกูลสวีของเราทั้งตระกูลไม่มีทางลง เมื่อกี้พี่ยังคิด พ่อบ้านเฉียนทำไมต้องทำแบบนี้……เขาเป็นเพียงพ่อบ้านคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมจึงกล้าลงมือกับพี่ ที่แท้ พี่ได้ล่วงเกินคนชายของตระกูลหลี่ไปแล้วนี่เอง”

“มิน่าล่ะซุนจิ้นไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ที่แท้……..”

ตอนนี้ สวีจื่อเม่ยก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

เพียงแต่ เมื่อเห็นน้องตัวเองที่ร้องไห้แบบนี้ สวีจื่อเม่ยก็ลูบไปที่ไหล่ของสวีเถิงเฟย อดไม่ได้จนร้องไห้ขึ้นมา: “ดูนายสิกลัวจนดูไม่ได้เลย ต่อให้เป็นหลานของหลี่เจียเฉินแล้วจะทำไม? เขาจะกินเนื้อพวกเราเหรอ?”

“เราก็ไม่ได้ทำอะไรเขานี่นา?”

“มากสุดตระกูลสวีกับตระกูลหลี่ ก็ไม่สามารถที่จะร่วมงานกันได้อีก มีอะไรน่าร้องไห้ละ? ตอนที่ตระกูลหลี่ไม่ปรากฏตัว ธุรกิจของตระกูลสวี ก็ดำเนินการได้อย่างราบรื่นไม่ใช่เหรอ?”

สวีจื่อเม่ยกล่าวอย่างไม่แยแส

สวีเถิงเฟยเช็ดน้ำตาจนแห้ง มองพี่สาวตัวเองแล้วกล่าว: “พี่ ถ้าหากผมจะบอกพี่ว่า ผมได้ส่งคนไปลอบฆ่าหลี่ฝางละ?”

“อะไรนะ!”

“เถิงเฟย นายพูดอีกครั้งซิ!” สวีจื่อเม่ยตกใจจนตัวหดลงไปสักพัก

“พี่ครับ ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่าหลี่ฝางเป็นลูกคนธรรมดา ก่อนหน้านั้นเขาได้ล่วงเกินผมไปหลายครั้ง ครั้งนี้ผมก็ได้วางแผนกับหวางเฉินคิดอยากจะฆ่าเขาให้ตาย พอดีในมือของหวางเฉิน มีคนชื่อชุนเซิง เดือดร้อนเรื่องเงิน ผมให้ราคาสามแสน ซื้อชีวิตของหลี่ฝาง ไอ้ชุนเซิงก็ตกลง สรุป กลุ่มของชุนเซิง ไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีข่าวคราวแม้แต่นิดเดียว โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด” สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม

หลังจากฟังจนจบ ใบหน้าของสวีจื่อเม่ย ก็ซีดขาวทันที

ไม่เพียงแต่สวีเถิงเฟยที่ร้องไห้ เวลานี้ แม้แต่สวีจื่อเม่ยก็อยากจะร้องไห้

“จบแล้ว จบแล้ว เถิงเฟย ครั้งนี้นายได้ก่อเรื่องใหญ่แล้ว ตระกูลหลี่ ไม่มีทางที่จะปล่อยตระกูลสวีอย่างแน่นอน” สวีจื่อเม่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่กลัวๆ

สวีเถิงเฟยหมายจะเอาชีวิตหลี่ฝาง ตระกูลหลี่ จะไม่แกล้งแค้นได้อย่างไร?

นี่มันเป็นตระกูลที่มีทรัพย์สินหลายแสนล้าน ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล ก็คงไม่อาจจะสู้ได้มั้ง?

“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ ไปบอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ให้คุณปู่หาวิธีถึงจะถูก” สวีจื่อเม่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“พี่ครับ เรื่องนี้หากคุณปู่รู้เข้า ท่านจะตีผมมั้ย?” สวีเถิงเฟยเช็ดน้ำตา แล้วถาม

สวีจื่อเม่ยไม่ได้ตอบ

แม้ว่าท่านปู่สวีจะเอ็นดูสวีเถิงเฟย แต่ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ เกรงว่าต่อให้เอ็นดู ก็คงมีลงไม้ลงมือบ้างละ

ไม่ตีให้ตาย ก็นับว่าบุญแล้ว

ถึงอย่างไร พฤติกรรมครั้งนี้ของสวีเถิงเฟย มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้ตระกูลสวีเข้าสู่ทางตัน

……

หน้าประตูวิลล่า

เหยโก่วกับเหยสงทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ใครที่ใจกล้าขนาดนี้ กล้าทำร้ายหนุ่นน้อยของตระกูลสวีจนแบบนี้? ไม่กลัวว่าท่านปู่สวีจะไปเอาเรื่องที่บ้านกันเหรอ” เหยโก่วพลางสูบบุหรี่ พลางกล่าว

ช่วงก่อน ท่านปู่สวีเรียกเหยสงเข้าไปพบ ได้ให้เช็คสิบล้านกับเขาหนึ่งใบ

สำหรับเรื่องดอกเบี้ย เหยสงไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงมันเลย…….

เหยสงรู้ดี หากสวีส้าวชิวโกรธแล้ว หากตัวเองกล้าขอดอกเบี้ยกับตาแก่คนนี้ เกรงว่าตาแก่คนนี้ อาจจะลงมือจัดการตัวเอง

แม้ว่าสวีส้าวชิวจะไม่พูด แต่ว่าเขาต้องโกรธอย่างแน่นอนเรื่องที่เหยสงยืมเงินให้กับสวีเถิงเฟย

ถึงอย่างไรเรื่องการกู้ยืมเงินนอกระบบ ไม่ใช่เรื่องที่ดี

ก็เพราะหลังจากเรื่องนี้แล้ว เหอสงเหอโก่วสองพี่น้อง จึงรู้ว่าไอ้หนุ่มอย่างสวีเถิงเฟยนั้น เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของสวีส้าวชิวมาก

“แปลกอยู่นะ”

เหยสงดับบุหรี่ที่อยู่ในมือ: “เมื่อกี้ตอนที่สวีเถิงเฟยจากไปนั้น ลุกลี้ลุกลน ท่าทางเหมือนกับว่ากลัวมาก”

“อีกอย่าง บนใบหน้าของสวีจื่อเม่ย ยังมีรอยฝ่ามือ”

“ใครนะที่ช่างใจกล้าขนาดนั้น กล้าทำร้ายสวีจื่อเม่ยกับสวีเถิงเฟยทั้งสองคน?”

“เหยโก่ว แกไปสืบดูหน่อย” เหยสงกล่าว

พอดีเวลานี้ มีคุณชายท่านหนึ่งเดินออก

เหยโก่วเดินเข้าไป ไปสอบถาม ก็ได้รู้ความจริง

หลังจากกลับมาเล่าให้เหยสงฟังแล้ว เหยสงก็หัวเราะเห่อๆ: “คุณชายสวีคนนี้ ไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร กลับถูกส้งเคอ หวงเจ๋จางเฉียงและพวกทำร้ายเอา”

“ตอนนี้ คุณชายสวีคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีความลำบากแต่พูดออกไม่ได้ ต่อให้ท่านปู่สวีจะเอ็นดูเขามากแค่ไหน ก็คงไม่สามารถที่จะไปคิดบัญชีตามแต่ละบ้านได้มั้ง?”

“ก็ไม่รู้ว่าคุณชายสวีไปก่อเรื่องอะไรเข้า”

เหยโก่วกับหวงสง หัวเราะอยู่ในลำคอ ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ

“ไอ้หมอนั่น ทำไมยังไม่ออกมา?”

เหยโก่วกำลังรอให้ส้าวส้วยออกมา

เพราะว่า เหยสงจะแก้แค้นให้กับลูกชายของตัวเอง

เขาไม่กล้าลงมือข้างในวิลล่า ทำได้เพียงรออยู่ด้านนอกวิลล่า รอไปเรื่อยๆ

ในวิลล่า หลังจากที่สวีเถิงเฟยกับสวีจื่อเม่ยโดนล่าออกไปแล้ว หลี่ฝางอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

หลี่ฝางก็ได้ดื่มเหล้ากับพวกส้งเคอ ดื่มไปหลายแก้ว

รอจนกระทั่งฉินหยีหรันจากไปแล้ว หลี่ฝางจึงได้ลุกขึ้น แอบๆไปถึงด้านหน้าของฉินวี่เฟย

“แผลเธอคงไม่เป็นอะไรนะ? ถูกพี่สาวเธอกระชากมาทั้งวัน แผลคงไม่ปริใช่นะ” หลี่ฝางกล่าวด้วยความเป็นห่วง

ฉินวี่เฟยส่ายหัว แล้วกล่าว: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้พี่สาวฉันจับฉันไปหลายครั้ง เจ็บไม่เบาเลย ไม่งั้นนายก็ช่วยฉันดูหน่อยสิ”

“ดูยังไงละ?” หลี่ฝางถามกลับไปหนึ่งประโยค

“โง่เหรอ ก็ต้องหาที่ที่ไม่มีคนไง” ฉินวี่เฟยทำท่ามองบนใส่หลี่ฝาง

หลี่ฝางคิดๆ แล้วกล่าว: “ไป ไปวิลล่าของฉันเถอะ”

ฉินวี่เฟยพยักหน้าตกลง

“ดู คนนั้นคุณหนูฉินใช่มั้ย? ไปกับคุณชายหลี่แล้ว” ส้งเคอเห็นภาพนี้ ก็หัวเราะเห่อๆ

เฝิงจื่อหลินมองดูฉินวี่เฟย แววตาแฝงไว้ด้วยความชื่นชม: “สมกับที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจริงๆ รูปร่างหน้าตาช่างสวยงามหรือเกิน”

“นายว่าเธอจะมีอะไรกับคุณชายหลี่หรือเปล่า? เมื่อกี้เห็นพวกเขาสองคนคุยกัน เหมือนกิ๊กกันเลย ดูแล้วต้องมีอะไรอย่างแน่นอน” ส้งเคอหัวเราะ

หวงเจ๋พยักหน้า แล้วกล่าว: “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

“พวกนายเข้าใจผิดแล้ว”

ในเวลานี้ จางเฉียงก็กล่าวขึ้น: “ฉันจะบอกความลับพวกนายอย่างหนึ่ง แต่พวกนายห้ามไปเล่าต่อโดยเด็ดขาด”

“ความลับอะไร?” ตาหลายคู่ จ้องไปที่จางเฉียงพร้อมกัน

จางเฉียงหัวเราะ แล้วกล่าว: “คุณหนูฉินคนนี้ เป็นดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้ว”

“ใคร?” ทุกคนถามพร้อมกันด้วยความแปลกใจ หวงเจ๋

“มู่เสี่ยวไป๋มั้ง จางเฉียงหัวเราะเสียงดัง ในเมืองเอกนอกจากมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ยังมีใครที่เหมาะสมกับคุณหนูฉินอีก?”

“ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล ลึกลับมาโดยตลอด มู่หรงฉางเฟิงที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา ก็ถูกท่านปู่ฉินดึงตัวไป กลายเป็นลูกเขยที่รักใคร่เอ็นดูของพ่อตาแม่ยาย วันนี้ ฉินวี่เฟยคนนี้ก็โตเป็นสาวแล้ว ได้เวลาที่จะแต่งงานแล้ว”

“จางเฉียง ข้อมูลของนายเชื่อถือได้หรือเปล่า?” ส้งเคอถามอย่างสงสัย

“ไร้สาระ ฉันได้ยินมากับหู คุณปู่ของฉันเป็นพยานในงานแต่งงาน สองสามวันก่อนท่านปู่ฉินได้ไปบ้านฉัน ถามปู่ของฉันว่าอีกสองสามวันมีเวลาว่างมั้ย ฉันที่แอบเดินผ่าน ก็ฟังไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวที่ฮอตระเบิดแบบนี้”

“เฮ้ย น่าเสียดายจริงๆ”

“พวกนายว่าไง หากตอนนี้คุณชายหลี่กับฉินวี่เฟยได้เสียกันแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องสนุกหรือเปล่า?” จู่ๆหวงเจ๋หัวเราะ แล้วกล่าว

“ฉันก็ว่าน่าสนุก”

“ก็ว่านะ มู่เสี่ยวไป๋ไอ้หมอนี่มันโอหังมากขนาดนั้น ก็สมควรที่จะมีคนมากำราบมันเสียบ้าง ส้งเคอกล่าว

พวกส้งเคอแล้ว จริงๆแล้วไม่ค่อยถูกกับมู่เสี่ยวไป๋

หลี่ฝางกับวี่เฟย ไหล่ชนไหล่เดินไปที่วิลล่าด้วยกัน ก็ไม่ได้เจาะจงที่จะปกปิดคนอื่นๆ

เวลานี้ ฉินวี่เฟยอยากที่จะให้คนอื่นเห็นเธออยู่กีบหลี่ฝางมาก และฝั่งหลี่ฝาง หลังจากที่ฉินวี่เฟยรับมีดแทนตัวเองแล้ว ก็เต็มใจที่จะให้เธอหลอกใช้

ออกมาจากวิลล่า ก็เห็นเหยสงกับเหยโก่ว

เหยโก่วมองหลี่ฝางไปแวบหนึ่ง ใบหน้าก็แสดงความโหดออกมา

“พี่ใหญ่ มันก็คือหลี่ฝาง” ใช้คางชี้ไปที่หลี่ฝาง เหยโก่วกล่าว

หลี่ฝางเห็นเหยโก่ว ใจก็กลัวขึ้นมาทันที

“ยอดฝีมือคนนั้นละ?” เหยสงพยักหน้า แล้วถาม

“เหมือนจะไม่ได้ออกมา” เหยโก่วส่ายหัว

เหยสงส่งสายตาให้กับเหยโก่ว แล้วกล่าว: “แกไปเรียกไอ้หมอนั่นมานี่สิ ถามมันดู”

เหยโก่วเดินไปทางหลี่ฝาง และหลี่ฝางเห็นว่าไม่ดีแล้ว ก็อยากจะหนี

แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ฉินวี่เฟยบาดเจ็บอยู่ หากวิ่งหนีขึ้นมา มันง่ายต่อที่แผลจะฉีกขาด

ช่างเหอะ หลี่ฝางคิดในใจ อยู่ที่นี่ เหยโก่วยังจะกล้าลงมือกับตัวเองเหรอ?

“ไอ้หนุ่ม พี่ใหญ่ฉันเรียกนาย” เหยโก่วเดินเข้ามา กล่าวกับหลี่ฝางอย่างเย็นชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท