NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 317

ตอนที่ 317

บทที่ 317 มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาล

ก่อนหน้านี้จางกงหมิงโกรธเคืองหลี่ฝาง หากเขาไม่มีเรื่องใหญ่อะไร คงไม่ติดต่อหลี่ฝางแน่นอน

เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา สีหน้าของหลี่ฝางพลันเคร่งเครียดขึ้น เพราะเขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

ลังเลอยู่ชั่วขณะ หลี่ฝางวิ่งออกมาจากร้านขายโจ๊กเย็น เมื่อมาถึงมุมไร้ผู้คน จึงกดรับสาย

“สะดวกคุยไหม?” จางกงหมิงเอ่ยเสียงเบา

เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลี่ฝางรู้ว่าจางกงหมิงต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

พูดตามจริง หลี่ฝางกลัวที่สุดว่าจางกงหมิงและหลินชิงชิงจะเกิดอะไรขึ้น

คนหนึ่งอยู่ใต้อำนาจมู่เสี่ยวไป๋ คนหนึ่งถูกมู่เสี่ยวไป๋กัดไม่ปล่อย หลี่ฝางคิดฆ่าไอ้ลูกหมามู่เสี่ยวไป๋ทิ้งเสียจริง

“พี่หมิง ตอนนี้สะดวกแล้ว ฟังจากเสียงพี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลี่ฝางกังวล

“ช่างเถอะ อย่ามัวห่วงฉันเลย ฉันทำงานสายนี้มาหลายปี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก นายห่วงตัวเองเถอะ” จางกงหมิงเอ่ยจบ เอ่ยเสียงเครียดว่า “มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

“เร็วขนาดนี้ นี่เพิ่งไม่กี่วันเอง ไหนบอกว่าแผลสองมีดนั้น ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว นอกเหนือจากความคิดไม่ถึง ยังรู้สึกกดดันอีกด้วย

ตระกูลมู่ ถือเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร้ายกาจที่สุดในเมืองเอก

และถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง ยากจัดการของหลี่ฝาง

รวมทั้งตอนนี้ต้องการกำจัดตระกูลสวี จัดการเหยสง เวลานี้มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาลแล้ว สำหรับหลี่ฝางถือว่าไม่ใช่เรื่องดี

หากกลุ่มอำนาจสามกลุ่มนี้ร่วมมือกัน หลี่ฝางปวดหัวแน่

“มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาลจริง อาการบาดเจ็บของเขา ปู่ของเขาทำการรักษาให้เป็นพิเศษ ต้องพูดว่านายท่านมู่คือหมอเทวดา กระทั่งผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลยังบอกว่าเขาคือเทวดา เห็นชัดว่าอย่างน้อยอีกหนึ่งอาทิตย์มู่เสี่ยวไป๋ถึงจะลงจากเตียงได้ ตอนนี้เดินได้แล้ว”

“ฉันบอกแกตามตรง มู่เสี่ยวไป๋ออกมา วันเวลาของฉันก็ไม่ดีแน่ ช่วยเหลืออะไรแกไม่ได้ บัญชีของเสือนั้น เขาต้องจัดการกับฉันแน่ นี่มันเป็นธรรมดา หากฉันเกิดเรื่อง เขาก็คงสอบถามเสือ แต่ข้างกายมู่เสี่ยวไป๋ไม่มีอัจฉริยะที่ร้ายกาจ มีแค่ฉันแล้ว ผ่านไปสักระยะ เขาต้องเห็นความสำคัญของฉันอีกครั้งแน่”

“ที่โทรหานาย ไม่ได้พูดแค่เรื่องพวกนี้กับนาย ฉันอยากบอกแกว่าอาศัยความเข้มแข็ง รังแกคนอ่อนด้อยกว่า หลักการนี้นายคงเข้าใจสินะ?”

“มู่เสี่ยวไป๋ซื้อมีดเถื่อนมาหลายกระบอก จากการคาดเดาของฉันและเสี่ยวโจว น่าจะเอาไปจัดการแก”

“นายต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้ถูกยิงหัวล่ะ ไม่งั้นพี่คงไม่ได้เจอแกแล้ว” จางกงหมิงเอ่ย

“แม่ง ผมเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง คุ้มค่าให้มันคิดถึงขนาดนั้นเหรอ จะจัดการผมยังต้องใช้ปืน” หลี่ฝางปวดหัว เพราะปืนไม่ใช่อาวุธที่ป้องกันได้

หากวันไหนเดินอยู่บนถนน มีคนยิงตนจากด้านหลัง ยิงที่ขาหรือแขนยังพอว่า อย่างมากแค่พิการ

แต่หากยิงหัวดังที่จางกงหมิงพูดนั้น ชั่วชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้ว

หลี่ฝางหนังศีรษะชาวาบ “พี่หมิง มู่เสี่ยวไป๋รู้สถานะของผมหรือเปล่า?”

“ไม่รู้ แต่คงเดาสถานะของแกได้แปดส่วนว่าไม่ธรรมดา หมายหัวแกครั้งแล้วครั้งเล่า ยังถูกนายท่านบังคับให้ขอโทษนาย มู่เสี่ยวไป๋แม้จะโง่ สามารถเดาอะไรออกมาได้ สรุปแล้ว นายต้องระวัง เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามกับนายแล้ว มีคนจับตาดูฉันอยู่ ฉันวิ่งออกมาขี้ แอบโทรหานาย เบอร์นี้ใช้ไม่แล้ว นายจำเบอร์ใหม่ฉันไว้ 136XXXXXXXXX”

“จำได้หรือยัง?” จางกงหมิงเอ่ยถาม

“จำได้”

ตู้ดหลังวางสาย จางกงหมิงล้วงซิมโทรศัพท์ออกมา หักเป็นสองท่อน แล้วทิ้งลงไปในชักโครก

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ จางกงหมิงสวมชุดผู้ป่วย บริเวณพันด้วยผ้าพันแผล

“พี่หมิง ทำไมขี้นานขนาดนี้ หรือทำอะไรลับหลังนายน้อย” คนยากไร้คนหนึ่งตรงประตู มองจางกงหมิงอย่างยิ้มไม่ยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า “นายน้อยให้ผมดูพี่ พี่อย่าทำร้ายผมเลย”

สีหน้าจางกงหมิงเย็นยะเยือก ค่อยๆ เดินไปที่ห้องพักฟื้นของตน

หลังวางสาย หลี่ฝางมักรู้สึกไม่ดี ความจริงยังคิดถามว่าหลินชิงชิงเป็นอย่างไร สุดท้ายไม่คิดว่าจางกงหมิงจะวางสายเร็วขนาดนี้

ก่อนหน้านี้บอกแล้วว่า จางกงหมิงสามารถโทรหาหลี่ฝางได้ แต่หลี่ฝางจะโทรหาจางกงหมิงไม่ได้ ไม่งั้นจะเกิดเรื่องขึ้นได้ง่าย

เพราะจางกงหมิงไม่ได้สะดวกตลอดเวลา

หลี่ฝางเพิ่งหันหลัง เตรียมตัวกลับไป กลับเห็นส้าวส้วยอยู่ด้านหลังตน

หลี่ฝางตกใจ จนรีบตบหน้าอกของตน “แม่ง นายคิดทำให้ตกใจตายหรือไง ให้แกอยู่หลิวจินหยางไว้ ทำไมวิ่งมาที่นี่?”

“เถ้าแก่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ส้าวส้วยเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

หลี่ฝางลังเลชั่วขณะ แล้วไม่พูดอะไร

“สถานตากอากาศคือถิ่นของเรา คิดหาเรื่องกับไอ้เด็กนั้น เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมื่อกี้เห็นคุณรับโทรศัพท์ สีหน้าดูไม่ปรกติ และยังวิ่งมารับในมุมลับตาคน เถ้าแก่ ใครโทรมากันแน่ ถึงทำให้คุณเครียดขนาดนี้?” ส้าวส้วยเอ่ยถามต่อ

“จางกงหมิงโทรมา”

หลังคิด หลี่ฝางไม่ปิดบังส้าวส้วย จึงเอ่ยตรง ๆ ออกไป “มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาลแล้ว และยังซื้อปืนเถื่อนอีกหลายกระบอก น่าจะเตรียมจัดการฉัน”

สีหน้าส้าวส้วย พลันเคร่งเครียดลง เผยไอสังหารออกมาหลายส่วน

แม้จะรู้จักกับส้าวส้วยได้ไม่นาน แต่หลี่ฝางกลับรู้สึกถึงความจงรักภักดีที่เขามีต่อตนได้เป็นอย่างดี

เพียงได้ยินว่ามีคนจะจัดการตน ส้าวส้วยคนนี้ ต้องรีบออกมาปกป้องแน่

“อีกเดี๋ยวต้องบอกพี่ใหญ่ ให้พี่ใหญ่ตัดสินใจว่าจะทำยังไง เพราะสถานะของมู่เสี่ยวไป๋ค่อนข้างพิเศษ” ส้าวส้วยเอ่ย

หลี่ฝางพยักหน้า รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะต้องพูดคุยกับบิดาของตน

ทันใดนั้น หลี่ฝางกลับรู้สึกว่ากำจัดตระกูลสวีไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น เรื่องที่ต้องรีบจัดการ คือจัดการมู่เสี่ยวไป๋ถึงจะถูก

แม้ต่างหมายเอาชีวิตตน แต่คุณสมบัติกลับแตกต่างกันอย่างมาก

สวีเถิงเฟยต้องการกำจัดตน เพียงเพราะตนมีภาพลับของเขาอยู่ในมือหลายใบ ยังกดดันเขา รวมทั้งเขาคิดว่าตนคือผู้ชายธรรมดา ไม่มีพิษสง ดังนั้นจึงคิดเอาชีวิตตน

ตอนนี้หากให้ความกล้าของสวีเถิงเฟยอีกสิบครั้ง เขาคงไม่กล้าจ้างนักฆ่ามาเอาชีวิตตน

แต่มู่เสี่ยวไป๋ต่างออกไป เกรงว่าเขารู้สถานะของตน ยังคงจะฆ่าตน

ดังนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว มู่เสี่ยวไป๋จึงอันตรายมากกว่า

เมื่อกลับมาที่ร้านโจ๊กเย็น หลิวจินหยางและหูเสี่ยวน่าวหายไป หลี่ฝางมองลู่หลุ่ยพร้อมถามว่า “หมาตัวผู้ตัวเมียคู่นั้นล่ะ หนีไปไหนแล้ว?”

“ไม่รู้ ส้าวส้วยออกไป พวกเขาหนีไปแล้ว คิดว่าคงกลัว”

ลู่หลุ่ยเอ่ยจบก็เบ้ปาก “แต่นายต้องระวังไว้หน่อย หูเสี่ยวน่าวบอกว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ เธอจะมาจัดการนาย”

“งั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงไปหาเธอ”

หลี่ฝางหัวเราะเฮอะเฮอะ อย่างดูแคลน

เมื่อเดินถึงล็อบบี้ หลี่ฝางใช้นิ้วเคาะโต๊ะ เรียกเถ้าแก่เข้ามา เถ้าแก่จึงเอ่ยถามว่า “น้องชาย แฟนของนายจ่ายเงินแล้ว”

“ไม่ใช่เรื่องเงิน” หลี่ฝางส่ายหน้า

“งั้นน้องชายมีเรื่องอะไรกับฉัน?” เถ้าแก่เอ่ยถาม

หลี่ฝางเลิกคิ้ว ชี้ไปที่กล้องวงจรปิดด้านบน พร้อมเอ่ยว่า “ผมอยากได้ภาพเมื่อกี้จากกล้องวงจรปิด คุณช่วยคัดลอกให้ผมได้หรือเปล่า”

เถ้าแก่สีหน้าเคร่งเครียด รีบเอ่ยขึ้นว่า “น้องชาย ฉันทำการค้าเล็กๆ น้อย จะบาดหมางกับคนใหญ่คนโตไม่ได้”

“ฉันรู้นายคิดทำอะไร แต่วิดีโอประเภทนี้ ไม่ได้กระทบอะไรหูเฟยมากหรอก อย่างมากไม่มีที่ลงให้เขา ฉันกลัวว่าเวลานั้น หูเฟยจะมาแก้แค้นกับฉัน งั้นคงจบเห่พอดี” เถ้าแก่เอ่ยพล่ามยาว ดูแล้วคงเป็นคนในพื้นที่ และรู้จักหูเฟยแน่นอน

“น้องชาย ฟังคำเตือนของลุงเถอะ เขาไม่เอาเรื่องเรา ถือว่าดีพอแล้ว อย่าเอาตัวเองลงไปพัวพันเลย นายสู้เขาไม่ได้หรอก”

หลี่ฝางไม่พูดพล่าม ล้วงการ์ดของตนออกมา เพื่อแสดงฐานะของตน จากนั้นหัวเราะขึ้น “จริงเหรอ?”

เมื่อเห็นการ์ด สายตาของเถ้าแก่เป็นประกาย ก่อนเผยความตกใจออกมา

“ที่แท้คือคุณชายหลี่ ผมสายตาไม่ดี ผมจะจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดให้ครับ”

เถ้าแก่ยิ้มอย่างเก้อเขินให้หลี่ฝาง พลันตัดต่อวิดีโอสั้นๆ ออกมาจากคอมพิวเตอร์ แล้วส่งให้หลี่ฝาง

มีวิดีโอนี้ หลี่ฝางไม่กังวลว่าจะจัดการหูเฟยคนนี้ไม่ได้

หลี่ฝางกล้ามั่นใจว่าเบื้องหลังการเงินของหูเฟยไม่สะอาดแน่นอน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท