NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 328

ตอนที่ 328

บทที่ 328 การโต้กลับของโหจื่อ

มู่เสี่ยวไป๋ล้มลงบนพื้นและสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด

บาดแผลของเขายังไม่หายดี ลูกเตะครั้งนี้ของหลี่ฝาง ทำให้แผลเขาปริอีกครั้ง

“ทำไม ยังไม่ยอมแพ้? นายไม่ยอมแพ้ก็ลุกขึ้นมา ถ้าคิดว่าตัวเองไหว พวกเราก็ลองมาสู้กันให้สุดสักครั้ง?” หลี่ฝางจ้องไปที่มู่เสี่ยวไป๋และเอ่ยยั่วยุเขา

มู่เสี่ยวไป๋บ่นพึมพำ คล้ายกับกำลังด่าหลี่ฝางอยู่

หลี่ฝางก้มตัวลง และตบลงบนใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋เจ็บจนแทบจะร้องไห้ออกมา นั่นเพราะใบหน้าเขาเพิ่งจะถูกหลี่ฝางใช้เข็มขัดฟาดไปมากกว่าสิบครั้ง จนเป็นรอยแดงเต็มไปหมด

“พึมพำอะไร ด่าฉันหรือไง” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นมองและจ้องมองหลี่ฝางอย่างเคียดแค้น เขาเอ่ย “แกมันไม่เหมือนลูกเศรษฐีเลยสักนิด ป่าเถื่อนไร้การควบคุม อย่างกับพวกอันธพาล!”

หลี่ฝางหัวเราะกลับอย่างไม่โกรธ “เหอะเหอะ นายพูดถูก ฉันมันก็แค่พวกอันธพาลคนหนึ่ง ฉันไม่ใช่แค่หลอกคู่หมั้นของนาย แต่ยังหลอกคนที่นายชอบด้วย เอาสิ ลุกขึ้นมาฆ่าฉันสิ”

หลี่ฝางย่อมรู้ความหมายของคำว่าอันธพาลของมู่เสี่ยวไป๋หมายถึงพฤติกรรมเกเรหลี่ฝาง อันธพาลตัวน้อยที่มือเท้าอยู่ไม่สุข

พวกคุณชายเศรษฐีทั้งหลายส่วนใหญ่ จะมีสักกี่คนที่เหมือนหลี่ฝาง เอะอะก็ตบอีกฝ่ายเข้าให้?

แต่หลี่ฝางจงใจบิดเบือนความหมายของมู่เสี่ยวไป๋ และยั่วยุให้เขาโกรธ

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันแน่น เขาพูดด้วยความโกรธ “ความกล้าของพวกคนโง่”

“นายกล้าด่าฉันว่าโง่?” หลี่ฝางกลับไม่คิดว่าคำนี้เป็นคำด่าอะไร แต่ก็รู้สึกอย่างอัดมู่เสี่ยวไป๋ขึ้นมาบ้างแล้ว

หลี่ฝางรู้สึกว่า ความสุขที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในชีวิตของเขาคือการได้อัดมู่เสี่ยวไป๋

เสียงเพี้ยะดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ตบลงบนหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋เจ็บแต่ไม่กล้าร้อง ทำได้แค่ข่มอารมณ์เอาไว้

“ฉันถามนาย พวกเราสองคนใครเป็นคนไม่มีสติปัญญา?” หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา

“ฉันเองที่โง่ ฉันโง่ พอใจแล้วยัง”

หลังจากการประมือกันมาหลายครั้ง มู่เสี่ยวไป๋ก็นับว่าเข้าใจอารมณ์ของหลี่ฝางอย่างถ่องแท้แล้ว หากตกอยู่ในมือของหลี่ฝาง คุณต้องเชื่อฟัง ถ้าไม่เชื่อฟังคำพูดของเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมาน

ดังนั้น กับหลี่ฝาง ไม่จำเป็นต้องหน้าบาง ต้องมีศักดิ์ศรี

เพราะสุดท้ายคุณจะจบอย่างไร้ศักดิ์ศรี

หลี่ฝางหัวเราะหึหึ เขาเอ่ย “ได้ ในเมื่อนายเป็นคนโง่ ก็ให้ฉันได้เห็นความกล้าของพวกคนโง่หน่อย”

หลี่ฝางคว้าคอเสื้อของมู่เสี่ยวไป๋แล้วดึงเขาขึ้นมา

“เอาสิ”

หลี่ฝางจัดการมู่เสี่ยวไป๋เสียจนเขาไม่มีอารมณ์โกรธอีกต่อไป

“ฉันผิดเอง หลี่ฝาง นายช่วยยกโทษให้ฉันเถอะได้ไหม?” มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างน่าสงสาร

หลี่ฝางหัวเราะและคว้าคอเสื้อของมู่เสี่ยวไป๋ “ได้สิ รอนายตายแล้ว ฉันไม่เพียงแค่ยกโทษให้ แต่ยังจะเผากระดาษเงินกระดาษทองที่หน้าหลุมศพของนายด้วย”

“บัญชีของฉินวี่เฟย เดี๋ยวฉันค่อยมาคิดกับนายทีหลัง” ”

หลี่ฝางชี้ไปที่จมูกของมู่เสี่ยวไป๋และเอ่ยเตือน “นับจากนี้ไป ถ้านายยังมาพูดจาบีบบังคับฉันอีก ฉันจะบ้องหูนาย ได้ยินรึเปล่า?”

มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดเสียงอ่อน “ได้ยินแล้ว”

หลี่ฝางอยากจะเห็นเจ้าหัวแบนและโหจื่อสู้กันอย่างจริงจังสักครั้ง

ดูว่าพวกเขาใครกันแน่ที่เก่งกาจ

มู่เสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านหนึ่งหากตะโกนเอะอะขึ้นมาจะต้องส่งผลต่อเจ้าหัวแบนอย่างแน่นอน

หลี่ฝางไม่ได้เข้าข้างเจ้าหัวแบน แต่เขาแค่อยากให้เจ้าหัวแบนสู้กับโหจื่ออย่างยุติธรรม

ดวงตาของมู่เสี่ยวไป๋ จับจ้องไปที่เจ้าหัวแบนอย่างแน่นิ่ง

“สู้ๆ สู้ๆ” มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันแน่น และเอ่ยให้กำลังใจเบาๆ

เสียงฝ่ามือดังขึ้น หลี่ฝางตบเจ้าที่กะโหลกของมู่เสี่ยวไป๋ “คิดในใจก็พอ ถ้านายออกเสียง ฉันจะตบนาย”

ลำคอของมู่เสี่ยวไป๋ขยับไปมา ท่าทางบ่นพึมพำ แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงออกมา

ในเวลานี้ โหจื่อกำลังโค้งตัวลงและพุ่งเข้าใส่เจ้าหัวแบน

ช่วงเวลาที่โหจื่อก้มตัวลงนั้น เขาราวกับเสือก็มิปาน แม้ว่าเล็บของเขาจะไม่ยาวนัก แต่เขาก็สามารถจับตัวเจ้าหัวแบนจนเกิดเป็นรอยเลือดขึ้นมาได้

ไม่นานนัก เสื้อผ้าบนตัวของเจ้าหัวแบน ก็ขาดกระจุยออกมา

รอยเลือดเป็นแถบๆ เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

สัมผัสนั้นลึกจนกระทั่งผิวเนื้อเปิดเผยออกมา เลือดสดๆ ไหลออกมาจากตัวของเจ้าหัวแบน

แน่นอนว่า โหจื่อเองก็ยังไม่ยอมถอย ในระหว่างการโจมตี เขาถูกเจ้าหัวแบนต่อยเข้าหลายครั้ง หนึ่งในหมัดนั้น กระแทกเข้าที่ปอดของโหจื่อ

โหจื่อไอออกมา มุมปากมีเลือดไหลออกมา

หลี่ฝางขมวดคิ้วและตะโกนมองไปที่โหจื่อ “อย่าฝืน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยอมแพ้ไป”

โหจื่อแสยะยิ้มและพูดกับหลี่ฝาง “เจ้านายน้อย ผมจะทำให้อาจารย์ขายหน้าไม่ได้”

พูดไป โหจื่อก็เข้าโจมตีต่อ

อีกทั้งยังรุนแรงกว่าเดิมด้วย

หลี่ฝางหันไปมอง เห็นส้าวส้วยและหมาทิเบตันกำลังเดินเคียงบ่าเคียงไหล่มาทางด้านนี้

มองแวบแรก หมาทิเบตันและส้าวส้วยดูราวกับเป็นเพื่อนกัน

แต่อันที่จริงแล้ว ทั้งสองกลับเป็นศัตรูกัน

หลี่ฝางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน หรือว่า ส้าวส้วยเกลี้ยกล่อมหมาทิเบตันได้แล้ว?

“หมาทิเบตัน! ”

เมื่อเห็นหมาทิเบตัน มู่เสี่ยวไป๋ก็รู้สึกลนลานขึ้นมาอยู่บ้าง

เมื่อเห็นหมาทิเบตันและส้าวส้วยอยู่ด้วยกัน มู่เสี่ยวไป๋ก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากฝีมือของหมาทิเบตันมู่เสี่ยวไป๋ก็เคยเห็นมาแล้ว เจ้าหัวแบนและหมาทิเบตันเคยสู้กันมาก่อน

หมาทิเบตันยืนนิ่งไม่ไหวติง ส่วนเจ้าหัวแบนกลับไม่สามารถทำอะไรหมาทิเบตันได้เลยแม้แต่น้อย

ท้ายที่สุด เจ้าหัวแบนก็ถูกหมาทิเบตันบีบคอ หากไม่ใช่เพราะมู่เสี่ยวไป๋เข้ามาห้ามไว้ทัน เกรงว่าเจ้าหัวแบนก็คงถูกหมาทิเบตันฆ่าตาย

หลังจากนั้น หมาทิเบตันก็ได้ให้คำประเมินต่อเจ้าหัวแบนสองคำ ขยะ

ในตอนนั้น มู่เจิ้งถังเก็บสีหน้าไม่อยู่อยู่บ้าง นั่นเพราะก่อนที่หมาทิเบตันจะมาที่ตระกูลมู่ของพวกเขา เจ้าหัวแบนถือเป็นไพ่ใบเด็ดของตระกูลมู่

ฝีมือของเขา ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี

เหตุผลที่มู่เสี่ยวไป๋สามารถจับเสือได้ ทั้งหมดล้วนอาศัยเจ้าหัวแบน

ตราบใดที่เจ้าหัวแบนอยู่ เสือก็จะไม่กล้าทำตัวบาตรใหญ่

“คุณชาย คุณเป็นอะไร? ใบหน้าไปถูกใครตีมา?” หมาทิเบตันวิ่งเข้ามาและทำเป็นมีสีหน้ากังวลอย่างเจ้าเล่ห์เสแสร้ง

อันที่จริง ความเป็นตายของมู่เสี่ยวไป๋ หมาทิเบตันไม่สนใจเลยสักนิด

ก็แค่ตระกูลเล็กๆ เท่านั้น ไม่คุ้มกับหมาทิเบตันที่จะยึดติด และไม่คุ้มค่าแก่การยอมให้ตัวเองอยู่ในอาณัติ

เขาก็แค่ต้องการปกปิดตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น

หลี่ฝางได้อ่านข้อมูลหมาทิเบตันมาก่อน เขาเป็นทหารรับจ้าง อีกทั้งยังเป็นมีค่าหัวด้วย มีองค์กรใต้ดินหลายแห่งที่คิดจะล่าตัวเขา

ของรางวัลคือเงิน 30 ล้าน

เงินรางวัล30 ล้าน พูดได้ว่านี่คือเงินจำนวนมาก

เงินมากขนาดนี้ ทั้งชั่วชีวิตของใครหลายคนใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดเสียด้วยซ้ำ

เมื่อสาธารณชนรู้ตัวตนของหมาทิเบตันแล้ว ใครหลายคนอาจยอมเสี่ยงตายเพื่อลองดูสักครั้ง

“ฉันถูกทุบตี”

มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง ขณะพูดก็เหลือบมองไปที่หลี่ฝางด้วย

เขากำลังจะบอกหมาทิเบตันว่า บาดแผลบนใบหน้าเขา ล้วนเป็นเพราะหลี่ฝางทั้งหมด นายจงไปแก้แค้นให้ฉันซะ

หมาทิเบตันเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่ฝาง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร

นั่นเพราะส้าวส้วยยังคงอยู่ที่นี่

ต่อให้หมาทิเบตันโง่ยิ่งกว่านี่ เขาก็ยังคงไม่กล้าลงมือในรีสอร์ต

ส้าวส้วยวิ่งเข้ามาและหยุดลงตรงหน้าหลี่ฝาง เขาหัวเราะฮี่ฮี่ “เจ้านาย ลงมือเบาไปหน่อยรึเปล่า?”

“นั่นน่ะสิ ที่สำคัญคือฉันกลัวว่าเขากระดูกอ่อน แถมยังเป็นคนป่วย เกิดลงมือแรงเกินไปแล้วตายขึ้นมาจะทำยังไง? ที่นี่เป็นเขตของเรา เกิดไปเอาชีวิตใครเข้า จะเกิดผลกระทบไม่ค่อยดี”

“ความพ่ายแพ้ในวงการนี้ ตีใครตายก็เหมือนกับช่วยลดภาระให้ประชาชน”

หลี่ฝางและส้าวส้วยคนหนึ่งเอ่ยคนหนึ่งรับประสานเสียงกัน จนทำให้มู่เสี่ยวไป๋โกรธจนหน้าเขียว

ในเวลานี้ มู่เสี่ยวไป๋หันหน้าไปมองหมาทิเบตันอย่างเย็นชาและด่าขึ้นมาประโยคหนึ่ง “นายทำอีท่าไหน นายไม่ได้เก่งกาจนักหรือไง? กับอีแค่พนักงานบริการธรรมดาๆ คนหนึ่งทำไมยังจัดการไม่ได้?”

ทันใดนั้น สายตาของหมาทิเบตันก็มีรังสีฆ่าฟันผ่านวาบไป

แต่มันก็ถูกกลบไปอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขาโกรธขึ้นมาแล้ว นั่นเพราะคุณชายตัวเล็กๆ อย่างมู่เสี่ยวไป๋ หมาทิเบตันฆ่ามาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

“คุณชาย รอให้พวกเราออกไปก่อนค่อยลงมือ” หมาทิเบตันกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อย

“แกยังมาพูดอีกว่าเสี่ยวโจวเป็นขยะ ฉันว่าแกก็เหมือนกับเสี่ยวโจว เป็นขยะเหมือนกัน” มู่เสี่ยวไป๋แค่นเสียงใส่อย่างเย็นชา

หมาทิเบตันเลียริมฝีปากของตน ในใจมีความคิดที่จะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋

แม้แต่มู่เจิ้งถังยังให้ความเคารพต่อหมาทิเบตัน และมองเขาในฐานะแขก แต่มู่เสี่ยวไป๋คนนี้กลับหยิ่งผยอง หมาทิเบตันเรียกเขาว่าคุณชาย แต่เขากลับมองว่าตนเป็นสุนัขไปจริงๆ และมองว่าตนเองเป็นเจ้าของสุนัขเสียด้วย

ไม่รู้จักสถานะของตนเองยังไม่พอ มู่เสี่ยวไป๋กลับขุดหลุมฝังตัวเองอีกต่างหาก

ส่วนเจ้าหัวแบนและโหจื่อ ต่อสู้กันเสียจนเรียกได้ว่ายากที่จะแยกออกจากกันแล้ว ครั้งนี้ เจ้าหัวแบนเองก็ใช้กำลังทั้งหมดที่มี ส่วนโหจื่อเองก็ไม่ยอมอ่อนข้ออีกต่อไป

เพียงแต่ เห็นได้ชัดว่าโหจื่อมีลมหายใจไม่สม่ำเสมออยู่บ้าง และเริ่มเหนื่อยเล็กน้อย

ส่วนเจ้าหัวแบน เป็นเพราะเห็นแก่ชะตากรรมของแม่ของตน ดังนั้นจึงรักษาสภาพตื่นตัวเอาไว้อยู่ตลอดเวลา

หลังจากต่อสู้กันไปได้ประมาณสองนาที จู่ๆ โหจื่อก็หย่อนตูดลงกับพื้นและพูดกับเจ้าหัวแบนว่า “ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว ผมยอมแพ้!”

มือข้างหนึ่งของโหจื่อเหงื่อแตก อีกข้างดึงผ้าขนหนูสีขาวออกจากกระเป๋าเสื้อ เท่ากับว่ายกธงขาว ยอมจำนนแล้ว

หลี่ฝางหมดคำพูดอยู่บ้าง โหจื่อไปเอาผ้าขาวมาจากไหนกัน?

แค่พกติดตัวไว้ หรือเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้?

“ชนะแล้ว?”

เมื่อเห็นโหจื่อหมอบลงกับพื้นอย่างยอมจำนน มู่เสี่ยวไป๋ก็ดีใจอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะแผลบนตัว เขาคงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว

หลังจากเสียเปรียบไปมากมาย ในที่สุดมู่เสี่ยวไป๋ก็กอบกู้หน้าตาเอาไว้ได้บ้างเล็กน้อย

แต่สีหน้าของหมาทิเบตัน กลับไม่มีความยินดีอยู่เลยแม้แต่น้อย

แต่กลับมีรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าของเขา

มู่เสี่ยวไป๋รีบเดินไปที่ตรงหน้าเจ้าหัวแบน เขาเอ่ย “เสี่ยวโจว แกลืมสิ่งที่ฉันพูดกับนายรึเปล่า?”

“อะไร?” เจ้าหัวแบนหันไปถาม

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว “เวรเอ๊ย แม่งขี้ลืมฉิบหาย ฉันบอกแกไปไม่ใช่หรือไง ถ้าแกชนะไอ้ลิงผอมแห้งนี่ แกก็ทำให้มันพิการซะ เหมือนพี่ชายของฉัน”

“รีบไปเดี๋ยวนี้” มู่เสี่ยวไป๋ผลักเจ้าหัวแบน

เจ้าหัวแบนไม่ขยับ สีหน้าแสดงออกถึงความลำบากใจ

แม้ว่าโหจื่อจะยอมจำนน แต่เมื่อมองดูท่าทีของเขากลับไม่เหมือนคนที่เหนื่อยจนไม่ไหวจริงๆ

“ทำไม ต้องให้ฉันโทรหาที่บ้านให้ได้ใช่ไหม ให้คนที่นั่นโยนยายเฒ่านั่นออกมา?” มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าเย็นชา จากนั้นจังงัดไม้ตายของตัวเองออกมาทันที

เจ้าหัวแบนกัดฟัน แม่ของเขาเป็นหัวใจของเขา

ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ ตอนนี้เขากำลังกุมหัวใจของเจ้าหัวแบน

เจ้าหัวแบนได้แต่เดินมาตรงหน้าโหจื่ออย่างช่วยไม่ได้ เขาเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันขอโทษ โหจื่อ”

“พี่โจว คุณขายชีวิตให้คนแบบนี้ ในใจเสียใจบ้างไหม ไอ้เวรนี่ขยับหน่อยก็หยิบยกแม่ของคุณมาขู่ นี่เขายังเป็นคนอยู่รึเปล่า?”

โหจื่อส่ายหัว จากนั้นจึงลุกขึ้นมา

เสี่ยวโจวส่ายหัว “เรื่องบางอย่าง ฉันไม่อยากคิด ไม่ก็ไม่ทำไม่ได้”

มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะ เขาเอ่ย “อย่ามัวแต่พูดพร่ำ รีบลงมือซะ”

“ไอ้ลิงผอม ฉันก็เป็นคนตัวเล็กใจร้ายและร้ายกาจแบบนี้แหละ นายจะทำอะไรฉันได้?”

มู่เสี่ยวไป๋โชว์ออฟจบ เขาก็พูดกับเจ้าหัวแบน “เสี่ยวโจว ลงมือ ถ้าภายในสามวินาทีนายไม่ลงมือ ฉันจะโทรแล้ว”

“ไอ้เชี่ยเอ๊ย เอะอะก็โทร เอะอะก็โทร มีแค่นายที่มีโทรศัพท์หรือไง?” ”

โหจื่อสะบัดมือ ทันใดนั้นปืนก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขาจากนั้นจึงเล็งไปที่หัวของมู่เสี่ยวไป๋ “มา นายมาลงมือสิ!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท