NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 353

ตอนที่ 353

บทที่353 ส้าวส้วยที่ร้ายกาจ

เฉินฝูเซิงกล้าโทษส้าวส้วยที่ไหน

ส้าวส้วยทะเลาะเบาะแว้ง อย่างมากก็ขังไม่กี่วัน แต่ตัวเองล่ะ?

ตัวเองค้าขายอาวุธปืน ถูกจับไป ไม่แน่ว่าอาจจะตัดสินอยู่หลายปี

เฉินฝูเซิงรีบพูด“เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าเข้าใจผิด ผมล้มเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”

“หนุ่มน้อย ลุงตำรวจยืนอยู่หลังคุณ ผมบอกให้ คุณไม่ต้องกลัว ถ้าเขารังแกคุณจริงๆ คุณบอกผมมา ดูว่าผมจะจัดการเขาอย่างไร”ตำรวจพูดถึงส้าวส้วย

ตำรวจอีกคนก็เสริม:“ใช่ หนุ่มน้อย มีอะไรก็ว่ามาเลย ไม่ต้องปิดบัง”

“ตอนนี้สังคมมีกฎหมาย ไม่ต้องกลัวพวกอำนาจมืด ที่จริงพวกเราเห็นจากหน้าประตูแล้ว”

ในใจของเฉินฝูเซิงหมดคำพูด พูดถึงอำนาจมืด พ่อเขาไม่ใช่อำนาจมืดที่ใหญ่ที่สุดเลยเหรอไง?

เฉินฝูเซิงบิดคอ หันหน้าไปพูด:“เห็นแล้วไงล่ะ?เขาคือพี่ชายผม ผมเล่นกับพี่ชายผมเฉยๆ”

“หนุ่มน้อย อย่าหลอกตัวเองเลย เล่นกันตบจนคุณเลือดออกเนี่ยนะ?”

“หนุ่มน้อย มีพวกเราตำรวจอยู่ ไม่มีใครขู่คุณได้”

“เขาคือพวกนักเลงเหรอ?ถ้าใช่ตอนนี้ผมจะจับเขา สอบปากคำอย่างเคร่งครัดเลย”ตำรวจถามเรื่อยๆ

เฉินฝูเซิงพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง:“ลุงตำรวจทั้งสอง รบกวนพวกคุณอย่ามากวนผมได้ไหม?ผมไม่ได้บอกพวกคุณแล้ว เขาคือพี่ผม ผมทำผิด พี่ชายผมเลยสั่งสอนผมเอง”

“ทำไม พี่ชายสั่งสอนน้องชายก็ผิดกฎหมายเหรอครับ?”เฉินฝูเซิงถาม

ตำรวจก็ไม่โง่ ไม่ถูกเฉินฝูเซิงหลอก

“พวกคุณคือพี่น้องเหรอ ก็เอาบัตรประชาชนมาให้ผมดู”ตำรวจยื่นมือไปพร้อมกับพูด

“พี่น้องบุญธรรม ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน”เฉินฝูเซิงกลอกตาใส่

“พี่น้องร่วมสาบานเหรอ?”ตำรวจเข้าใจทันที เดินมาที่ส้าวส้วย:“ผมเตือนคุณนะ ถึงน้องชายคุณไม่ฟ้องคุณ คุณก็ไปทำร้ายใครมั่วๆไม่ได้ เข้าใจไหม?ถ้าทำร้ายจนเขามีอันเป็นไป ผมจับคุณแน่”

ส้าวส้วยไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มนิ่งๆ

“โหดร้ายไปแล้ว”

เห็นรอยยิ้มที่ใบหน้าส้าวส้วย ตำรวจออกไปจากห้องคนไข้อย่างไร้เรี่ยวแรง

เฉินฝูเซิงผู้ถูกกระทำไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจก็หมดอำนาจ

ส้าวส้วยยิ้มอย่างพอใจ:“ผมคือพี่ชายคุณ?”

“แท้ซะยิ่งกว่าแท้”เฉินฝูเซิงแลบลิ้นหัวเราะออกมา

“งั้นเขาล่ะ?”ส้าวส้วยชี้ไปที่มู่เสี่ยวไป๋บนเตียงคนไข้

“พี่ ผมไม่รู้จักเขา เขาคือใครเหรอ?”เฉินฝูเซิงมองมู่เสี่ยวไป๋ที่อยู่บนเตียง แล้วส่ายหน้า

“เฉินฝูเซิง คุณทำบ้าอะไรเนี่ย?ถูกตบไปยกหนึ่ง ทำไมเสียความทรงจำได้?”มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว พูดอย่างโกรธเล็กน้อย

“มู่เสี่ยวไป๋ เห็นแก่ที่ความสัมพันธ์ของบ้านเราสองคนไม่เลว ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ เมื่อกี๊พี่ชายผมตบผมจนเข้าใจดีแล้ว คุณไม่ให้ผมไป ไม่ใช่อยากให้ผมอยู่เที่ยวอีกสองวัน แล้วขาคุณก็หักแล้ว จะพาผมไปเที่ยวไหนได้?วันๆอยู่เล่นไพ่นกกระจอกกับคุณที่นี่?ที่จริงคุณกำลังหาโอกาส ทำให้มีปัญหาระหว่างผมกับคุณชายหลี่สินะ”

“ฝูเซิง คุณเข้าใจพี่ผิดไปได้ไง พี่ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ……”

“หยุดหยุดหยุด……”เฉินฝูเซิงตัดบทมู่เสี่ยวไป๋ พูดว่า:“พอแค่นี้เถอะ อย่ามาไม้นี้กับผมหน่อยเลย มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนแบบไหน ผมไปถามๆดู ก็รู้ทันที ทำไม จนตอนนี้ยังไม่ยอมรับอีก?”

“มู่เสี่ยวไป๋ มิตรภาพของเราสองคน หยุดอยู่แค่นี้เถอะ”

เฉินฝูเซิงหันหลัง โบกมือให้มู่เสี่ยวไป๋

จากนั้น เฉินฝูเซิงก็ไปตรงหน้าส้าวส้วย:“พี่แท้ๆ บันทึกเสียงในโทรศัพท์นี้ ลบได้ไหม?ถ้าพี่ลบ ผมจะเอาสองกระบอกให้พี่เล่นฟรีๆ ว่าไง?”

“โทรศัพท์ไม่ได้ให้คุณแล้วเหรอไง?อยากลบก็ลบ”

ส้าวส้วยพูดอย่างใจกว้าง:“คุณดูความชอบธรรมของผมสิ เหมือนคนที่ขี้ฟ้องตำรวจเหรอ?”

“ความชอบธรรมของพี่ชายแท้ๆ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่”เฉินฝูเซิงหัวเราะ เล่นโทรศัพท์ของส้าวส้วย

“พี่ชายแท้ๆ โทรศัพท์คุณมีรหัส……”

“เหลวไหล ยุคนี้โทรศัพท์ใครไม่มีรหัสบ้าง!”ส้าวส้วยกลอกตาใส่เฉินฝูเซิง

“งั้นรหัสของคุณคือ?”

“ห่า เฉินฝูเซิง บอกว่าคุณโง่คุณยังไม่เชื่ออีกเหรอ รหัสบัตรเอทีเอ็มของคุณบอกคนอื่นมั่วๆได้เหรอ?”ส้าวส้วยถาม

เฉินฝูเซิงส่ายหน้า

“งั้นก็จบนะ รหัสโทรศัพท์ผม บอกคุณได้เหรอ?”ส้าวส้วยดูถูก

ในใจของเฉินฝูเซิงหมดคำพูด:งั้นคุณบอกผมอยากลบก็ลบเนี่ยนะ?ผมเปิดโทรศัพท์ไม่ได้ จะลบยังไง!

ส้าวส้วยแย่งโทรศัพท์ในมือของเฉินฝูเซิงกลับมา พูดว่า:“โอเค ยังไงซะคุณก็เชื่อผมขนาดนั้น ที่อัดเสียงนี้ ไม่ต้องรีบลบละกัน รอตอนไหนที่คุณเอาปืนมาให้ผม ผมค่อยลบให้ โอเคไหม?”

ใบหน้าเฉินฝูเซิงไม่ค่อยพอใจ ได้แต่รับปากอย่างทำอะไรไม่ได้:“โอเค”

ใครให้ส้าวส้วยสู้เก่งกว่าเขาล่ะ?

เฉินฝูเซิงถือว่าเรียนกังฟูจากกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพ่อของเขามาหลายปี ถ้าเจอคนที่อายุรุ่นเดียวกัน เฉินฝูเซิงไม่เคยแพ้

แต่อยู่ต่อหน้าส้าวส้วย แม้แต่โอกาสสู้กลับยังไม่มี

ส้าวส้วยตบไหล่ของเฉินฝูเซิง:“คุณเรียกผมว่าพี่แท้ๆ เสียเปรียบผมไปแล้ว พ่อคุณเป็นถึงกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่มีคุณสมบัตินี้ รู้ไหม?”

“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่คุณรู้เรื่อง ผมก็จะรับคุณเป็นน้องชายละกัน ตอนดึกผมเป็นเจ้าภาพ เลี้ยงเหล้าเต้นดิสโก้คุณเอง……”ส้าวส้วยตบอกพูด

“อย่า พี่แท้ๆ ผมเลี้ยง ผมเลี้ยงเอง”เฉินฝูเซิงชิงพูด

“ได้ คุณเลี้ยงก็เลี้ยง คุณคือน้องชายแท้ๆของผม ผมต้องเกรงใจคุณด้วยเหรอ?ตอนดึกจองสถานที่ได้ ผมจะส่งข้อความหา”

ส้าวส้วยกับเฉินฝูเซิง ทิ้งเบอร์ไว้ให้กัน

เห็นแบบนี้ หลี่ฝางกับมู่เสี่ยวไป๋ ต่างตะลึงงัน

ใครจะไปคิดว่า สองคนที่สู้กันเมื่อกี๊ ตอนนี้กลายเป็นพี่น้องแท้ๆกันซะแล้ว?

เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ หลี่ฝางก็ดีใจ

มีเพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่ง มักจะดีกว่าศัตรูเพิ่มมาอีกคนเสมอ

แต่มู่เสี่ยวไป๋กังวลสุดๆ ผู้ช่วยที่ตัวเองดึงมาอย่างยากเย็น ตอนนี้กลับวิ่งไปหาฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว ……

“เจ้านาย ไปเถอะ”

ตอนนี้เรื่องจัดการเรียบร้อย ส้าวส้วยโบกมือให้หลี่ฝาง

ไม่นานนัก เฉินฝูเซิงก็วิ่งตามออกมา หลังจากคุยไม่กี่คำกับส้าวส้วย ก็ถูกส้าวส้วยไล่ไป

“เด็กคนนี้ตามใจพ่อ ที่จริงแล้วเป็นกำลังสนับสนุน คุณรวย เขาไม่ยอมรับคุณ คุณมีอำนาจ เขาไม่ยอมรับคุณ คุณมีหัวคิด เขาก็ไม่ยอมรับคุณ แต่คุณต้องสั่งสอนเขาแรงๆ เขาก็จะยอมรับคุณ เป็นคนที่ไม่รู้จักเคารพตัวเองไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี”ส้าวส้วยนั่นในรถ หัวเราะเหอะเหอะ พูดอธิบาย

หลี่ฝางหัวเราะตาม:“อำนาจของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่น้อย ไม่สร้างศัตรูได้ อย่าสร้างศัตรูเลยซะดีกว่า”

“ใช่สิ ต่อไปพวกเราจะไปไหน?กลับสถานตากอากาศ หรือว่า?”หลี่ฝางหันไปถามส้าวส้วย

“นอนในรถสักพัก……เดี๋ยวจะมีคนมาหาพวกเรา”

ส้าวส้วยนอนลงที่นั่งข้างคนขับ หรี่ตาลง

หลี่ฝางถามส้าวส้วยว่าใคร ส้าวส้วยก็ไม่พูด

“นี่มันลึกลับมาก”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ หรี่ตาลงสักพักเช่นกัน

เมื่อคืนนอนกับฉินจื่อยี่เตียงเดียวกัน หลี่ฝางก็ไม่ได้พักผ่อนมากเท่าไหร่นัก

ไม่รู้ว่าหรี่ตาไปนานแค่ไหน ก็มีเสียงดังปังปัง เอะอะจนปลุกหลี่ฝางกับส้าวส้วย

“ทำไมเป็นเธอ?”

มองเห็นเสี่ยวเหลียน ส้าวส้วยนั่งขึ้นมาทันที เปิดประตู ให้เสี่ยวเหลียนเข้ามา

“ส้าวส้วย ขอบคุณคุณจริงๆ ไม่มีคุณ ฉันก็หาเงินมากขนาดนี้ไม่ได้”

เสี่ยวเหลียนหยิบบัตรเอทีเอ็มมาจากกระเป๋าตัวเอง ยื่นให้ส้าวส้วย:“นี่คือแสนหนึ่งที่คุณให้ฉัน เอาคืนคุณไปเถอะ”

“มู่เสี่ยวไป๋ให้คุณเท่าไหร่?”ส้าวส้วยรับเข้ามา เลิกคิ้วขึ้น

“หนึ่งล้าน ฉันไปดาวน์บ้าน ก็ยังเหลือ ถึงตอนนั้นจะซื้อรถสักคัน”ใบหน้าของเสี่ยวเหลียน เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสุขใจ

หลี่ฝางมองส้าวส้วยกับเสี่ยวเหลียนอย่างตะลึง ถามว่า:“คุณสองคนใครอธิบายให้ผมได้บ้าง นี่คืออะไร?”

“เจ้านาย เสี่ยวเหลียนคือคนของผม……ไม่สิ ต้องพูดว่า เสี่ยวเหลียนคือคนที่ผมส่งไป”

จากการอธิบายของส้าวส้วย หลี่ฝางจึงเข้าใจ ที่แท้เสี่ยวเหลียนก็เป็นนักเต้นของผับตัวเอง เธอมีภูมิหลังครอบครัวไม่ดี เมื่อก่อนเคยขึ้นเวที ดังนั้นส้าวส้วยก็ใช้วิธีการบางอย่าง เอาเสี่ยวเหลียนไปอยู่ข้างกายมู่เสี่ยวไป๋

รายละเอียดที่เฉินฝูเซิงกับมู่เสี่ยวไป๋แลกเปลี่ยนซื้อขายปืน ก็เป็นเสี่ยวเหลียนก็บอกส้าวส้วย

เมื่อกี๊ในห้องคนไข้ ส้าวส้วยจงใจเหน็บแนมเสี่ยวเหลียน ที่จริงเพื่อให้มู่เสี่ยวไป๋ซื้อบ้านสักหลังให้เสี่ยวเหลียน ……

หลี่ฝางฟังจบก็หัวเราะ ต้องพูดว่า ส้าวส้วยนี้ ร้ายกาจจริงๆ

หลังจากได้รับรายงานจากปากของเสี่ยวเหลียน หลี่ฝางก็ให้เสี่ยวเหลียนไป

“ต่อไปพวกเราจะทำไง?ได้ยินความหมายของเสี่ยวเหลียน มู่เสี่ยวไป๋คิดจะนอนอยู่ในโรงพยาบาล ยิ่งเวลาที่เขาอยู่โรงพยาบาลนานเท่าไหร่ ตัวแปรก็มากตาม……”หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“วางใจเถเอะ เจ้านาย ผมจัดการไว้แล้ว สองสามวันนี้ มู่เสี่ยวไป๋ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

ส้าวส้วยยิ้มอย่างมีเลศนัย:“ไปเถอะ พวกเราไปดูชุนเซิง”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดตรงๆ หลี่ฝางยังไม่วางใจชุนเซิง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท