NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 365

ตอนที่ 365

บทที่ 365 หลี่ฝางรู้สึกสับสน

ครึ่งชั่วโมง ลุงเฉียนก็ขับรถมาถึงบ้านตระกูลเฉียน

“เห้อ สามปีแล้ว”

ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฉียน แต่ละก้าวของลุงเฉียน นั้นลังเลอยู่นานมากๆ

สามปีที่แล้ว เขาโมโหแล้วออกจากบ้านไป บอกว่าจากนี้จะไม่กลับมาที่นี่อีก แต่วันนี้เพื่อหลี่ฝาง เขาต้องกลับคำสาบานของตนเอง

พอดีที่ ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนของตระกูลเฉียนเดินออกมาพอดี

เขาคือพ่อของเฉียนเฟิง เมื่อเห็นลุงเฉียน สีหน้าเขาก็ชะงักไปเลย เหมือนกับยืนโง่

“ลุงสอง?” พ่อของเฉียนเฟิงมองลุงเฉียน แล้วก็ขยี้ตาตัวเอง นึกว่าตัวเองตาฝาดไป

เมื่อเขาเข้าใกล้ เขาจึงรู้ ว่าตนไม่ได้มองผิดไป

นี่คือลุงสองของเขา คุณท่านรองเฉียนในปีนั้น

“พ่อ ลุงสองกลับมาแล้ว” เมื่อเห็นลุงเฉียน พ่อของเฉียนเฟิงก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน ไปเรียกพอของตนออกมา

“น้องสอง” หัวหน้าตระกูลเฉียนเฉียนโตโตเมื่อเห็นลุงเฉียน ริมฝีปากก็สั่นเล็กน้อย

ในตอนนั้นเพราะความเห็นไม่ตรงกัน หลังจากลุงเฉียนจึงโมโหแล้วออกจากบ้านไป ตระกูลเฉียนก็แย่ลงทุกวัน

คนในตระกูลเฉียน ล้วนแต่อยากให้ลุงเฉียนกลับบ้าน

และในวันนี้ ในที่สุดก็กลับมา

“พี่ใหญ่ ฉันมาที่นี่เพราะเสี่ยวเฟิง” ลุงเฉียนเดินเข้าไป แล้วตบไปที่บ่าของพี่ใหญ่ และพูด: “ไปเถอะ พวกเราไปคุยกันหน่อย”

……

หลี่ฝางในตอนนี้ ถูกหูเฟยพามายังห้องเล็กๆ ห้องนึง: “หลี่ฝาง ไม่กี่วันก่อนภรรยาของฉันไปเป็นแขกที่บ้านพักตากอากาศของนาย ถูกนายตบหน้าอย่างแรง ใช่มั้ย?”

หูเฟยพูด พลางส่งลำแสงพิฆาตออกมาทางสายตา

ต่อมา หูเฟยก็ยกมือขึ้น แล้วตบไปที่หน้าของหลี่ฝางอย่างจัง

ไม่พูดก็ไม่ได้ ครั้งนี้ หูเฟยตบแรงมากจริงๆ

จนปากของหลี่ฝาง มีเลือดไหล

หลี่ฝางกัดฟัน แล้วมองหูเฟยอย่างโมโห: “นี่นาย ใช่อำนาจหน้าที่ล้างแค้นส่วนตัวนี่”

หูเฟยเหลือบมองหลี่ฝาง: “นายลืมไปแล้วเหรอว่านายทำอะไรลงไปบ้าง ยังต้องให้ฉันย้ำนายมั้ย?”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่ ไหนนายลองย้ำให้ฉันฟังสิ?” หลี่ฝางไม่กลัวหูเฟยเลยสักนิด

“ฉันถามนาย เอาปืนมาจากไหน?” หูเฟยมองหลี่ฝางอย่างเข้มงวด และถามขึ้น

“ปืน ปืนอะไร? ปืนของเล่นหรือว่าปืนฉีดน้ำ ขอโทษด้วยนะ บนตัวฉันไม่มีอะไรเลย นายก็ให้คนมาค้นตัวฉันแล้วนี่?” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะเหอะๆ

“นายคิดว่านายทิ้งปืนไปแล้ว เรื่องจะจบงั้นเหรอ?”

“บนร่างของเฉียนเฟิงมีกระสุนอยู่” หูเฟยมองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างเย็นชา: “ยังไงนายก็หนีไม่รอด”

หลี่ฝางหัวเราะเหอๆ และไม่ได้สนใจ

หลี่ฝางเชื่อใจส้าวส้วย ส้าวส้วยบอกว่าตนจะไม่เป็นไร งั้นตน จะต้องไม่เป็นไรแน่ๆ

แล้วก็ ในตอนนั้นซือถูเฟยก็คิดแบบนั้น

ถึงแม้ตอนนี้หลี่ฝางจะไม่รู้ว่าทำไม……

“ทำไมนายต้องยิงเฉียนเฟิง? หรือว่าเพราะเฉียนเฟิงแย่งแฟนของนายไป?” หูเฟยพูดต่อ

“หูเฟย นายล้อเล่นอะไรเหนี่ย? เมื่อกี้ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่มีปืน นายอย่ามาปรักปรำฉันสิ แล้วเรื่องที่สอง อย่างเฉียนเฟิง เขาแย่งแฟนฉันได้ด้วยเหรอ? เขามีความสามารถนี้ด้วยเหรอ?”

“จะให้พูด คุณชายที่มีเงินหลายแสนล้านอย่างฉัน แฟนเยอะอย่างกับขนวัว เฉียนเฟิงแย่งแฟนฉันคนไหนไปเหรอ? บอกฉันหน่อยได้มั้ย? เป็นฮวนฮวน หยวนหยวน หรือว่าฟางฟาง? หรือว่าสวีจื่อเม่ย??” หลี่ฝางทำหน้าเย็นชาพูดพลางยิ้ม

“นายพูดอีกทีสิ?”

“อย่าใจร้อน ฉันมีแฟนชื่อสวีจื่อเม่ย แต่ไม่ใช่ภรรยานาย ก็แค่ชื่อซ้ำกันเฉยๆ เท่านั้น”

“หูเฟย ฉันว่าที่นายกล่าวหาฉันเหนี่ย เพราะว่าฉันตบภรรยานายใช่มั้ย?” หลี่ฝางถาม

“แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจึงออกปฏิบัติงาน อีกอย่าง ในมือของพวกเรา มีข้อมูลมากพอ”

เมื่อหูเฟยพูดจบ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู และเสียงเคาะประตูก็ดังมากด้วย

หูเฟยเดินไปเปิดประตู หลี่ฝางก็เห็นผู้หญิงที่ชื่อว่าเย่นจื่อ ด้านหลังของเธอมีส้าวส้วยกับชายวัยกลางคนที่สวมแว่นอยู่คนนึง

“ผู้บัญชาการหู ปล่อยคนเถอะ” เย่นจื่อพูดกับหูเฟย

“ปล่อยคน? เธอล้อเล่นอะไรเหนี่ย ไอ้หมอนี่มันยิงคนนะ จะปล่อยมันไปได้ยังไง” หูเฟยมองเย่นจื่อ แล้วตำหนิอย่างรุนแรง

สีหน้าของเย่นจื่อดูลำบากใจเล็กน้อย เธอกดเสียงให้เบาแล้วพูด: “แต่โจทก์ถอนฟ้องแล้วนะคะ”

“เฉียนเฟิงถอนฟ้องแล้ว?”

หลังจากที่หูเฟยได้ยิน ก็มองหลี่ฝาง: “ไม่เลวนี่ จริงตามที่เขาว่าไว้ มีเงินจะทำอะไรก็ได้ เห็นทีแบบนี้ พวกนายคงซื้อตระกูลเฉียนหมดแล้วสินะ ยอมใจ”

หูเฟยมองเย่นจื่อแล้วถามขึ้น: “เฉียนเฟิงล่ะ”

ในขณะนั้น เย่นจื่อก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ : “ผู้บัญชาการหู เฉียนเฟิงย้ายโรงพยาบาลแล้วค่ะ พวกเราหาเขาไม่เจอแล้วค่ะ”

“อะไรนะ? มีตำรวจคอยเฝ้าเขาไว้ไม่ใช่เหรอ?”

“เฝ้าอยู่ค่ะ แต่ว่าเขาถูกพาออกไปทางหน้าต่างค่ะ” เย่นจื่อขมวดคิ้ว: “พวกเขาประมาทไปแล้ว” รอยยิ้มบนหน้าของส้าวส้วยกว้างขึ้น

“งั้นลูกกระสุนที่โรงพยาบาลผ่าออกมาล่ะ?” หูเฟยหน้าซีด

“ทางโรงพยาบาลบอกว่า ไม่เคยรับเคสของเฉียนเฟิงค่ะ ไม่ต้องพูดถึงกระสุนที่นำออกจากร่างของเฉียนเฟิงเลยค่ะ” สีหน้าของเย่นจื่อดูลำบากใจเข้าไปทุกที

“ไร้สาระน่า เป็นพวกเขาที่แจ้งความมา บอกว่ามีคนถูกยิง”

“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลอธิบายว่า ที่โทรแจ้งความเมื่อครู่ เป็นแค่เด็กฝึกงาน สติก็ไม่ค่อยจะดี เพราะงั้นที่เขาโทรมาแจ้งความ ไม่น่าเชื่อถือค่ะ”

“แล้วก็ กล้องวงจรปิดในตอนนั้นก็ซ่อมอยู่ ตอนนี้ในมือเรา ไม่เหลือหลักฐานอะไรเลย” เย่นจื่อส่งสายตาให้หูเฟย แล้วพูด: “ปล่อยคนเถอะ ผู้บัญชาการหู”

พอหูเฟยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็กลายเป็นซีดเผือด

“ทำงานดีนี่ สมบูรณ์แบบมากๆ ไม่มีช่องโหว่เลย”

หูเฟยมองส้าวส้วย: “นายทำเหรอ?”

“ฉันทำอะไร? คุณตำรวจ หลักธงหลักฐานอะไรก็ไม่มี คุณจะกล่าวหาคนบริสุทธิ์มั่วๆ ไม่ได้นะ พวกคุณทำงาน ยึดหลักฐานเป็นหลักไม่ใช่เหรอ? นี่ไม่มีหลักฐาน นี่มันใส่ความกันนี่” ส้าวส้วยพูด

“ไม่ใช่ใส่ความ เป็นใส่ร้าย คุณส้าว คุณมีสิทธิ์จะฟ้องเขาได้ครับ” ทนายคนนั้นเอ่ยปากพูด

“ผมว่านะคุณตำรวจ คุณรีบปล่อยคนเถอะ”

“ทนายใช่มั้ย? พวกเรามีสิทธิ์กักขังผู้ต้องสงสัยเป็นเวลาสิบแปดชั่วโมง เรื่องนี้นายน่าจะรู้นะ?” หูเฟยดูเหมือนจะดิ้นรนสุดชีวิต

“เรื่องนี้แน่นอนว่าผมต้องรู้อยู่แล้ว แต่ว่าฐานะของคุณชายหลี่นั้นพิเศษ อีกอย่างคุณพ่อท่าน กำลังเตรียมทุ่มทุนจำนวนหมื่นล้านให้กับเมืองเอกนะ เพื่อสร้างและพัฒนาเมืองเอก เขายังสัญญาว่าจะสร้างบ้านพักคนชรา สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงเรียน……”

หูเฟยกลืนน้ำลาย เขาเริ่มกลัวแล้ว

ถ้าหากขังหลี่ฝางไว้จริงๆ งั้นเขาคงต้องเผชิญกับคำประณามและแรงกดดันทุกรูปแบบเลย

ผ่านไปสักพัก หูเฟยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดอย่างไม่เต็มใจ: “หลี่ฝาง นายชนะแล้ว”

ในตอนนี้ ทนายวัยกลางคนมองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างลนลาน: “คุณชายหลี่ ที่ปากท่าน ทำไมถึงมีเลือดล่ะ?”

“หรือว่าท่านถูกใช้ศาลเตี้ย?”

หลี่ฝางพยักหน้า ไม่ได้ปิดบัง แล้วชี้ไปทางหูเฟยและพูด: “ใช่แล้ว เขาตบฉัน”

“นี่ถือว่าเป็นการบังคับให้สารภาพมั้ย? ฉันไม่ค่อยเข้าใจกฎหมาย ถ้าหากใช่ ก็ฟ้องเขาหน่อยนะ” หลี่ฝางยกยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางพูด

“แน่นอนว่า หากนายกล้าจะขอโทษฉัน ฉันก็ใจกว้าง ไม่ฟ้องก็ได้” ครู่นึง หลี่ฝางก็มองหูเฟยและพูดขึ้น

ที่หลี่ฝางยอม นั่นก็เพราะว่าหลี่ฝางคิดว่า หูเฟยยังเป็นคนดีคนนึง

ที่เขาตบตนครั้งนี้ เป็นเพราะแค้นที่ไปตบภรรยาเขาแค่นั้น

เมื่อเทียบกับตนที่ยิงเฉียนเฟิงไปสองนัด นั้นเบากว่าเยอะ

หูเฟยหน้าซีด นานแล้วก็ไม่ได้พูดขอโทษ

“คุณชายหลี่ วางใจได้ครับ ผมจะไม่ให้ท่านถูกตบฟรีๆ แน่” ทนายวัยกลางคนพูดขึ้น

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ช่างเถอะ เขาก็ไม่ง่ายเลย”

ที่จริงแล้วตอนที่หลี่ฝางเจอหูเฟย คิดว่าตนจะต้องถูกบีบเค้นให้สารภาพแน่ๆ ใครจะรู้ เขาแค่ตบหน้าไปครั้งเดียวแค่นั้น

หูเฟยมองหลี่ฝางอย่างแปลกใจ: “ทำไมนายถึงปล่อยฉันไป?”

“เพราะว่าฉันรู้สึก ว่านายยังเป็นคนดีอยู่” สองมือของหลี่ฝางตบไปที่บ่าของหูเฟย: “ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็ไม่ทำร้ายคนดีหรอกนะ”

“ถอดกุญแจมือให้ฉันเถอะ?” หลี่ฝางยกมือสองข้างขึ้นต่อหน้าหูเฟย

หูเฟยมองหลี่ฝางอยู่นาน: “นายไม่ใช่คนดี นายทำผิดกฎหมาย”

“หลักฐานล่ะ?” คำพูดของหลี่ฝาง ทำเอาหูเฟยพูดไม่ออก

หูเฟยส่ายหน้า และล้วงกุญแจขึ้นมาอย่างเอือมๆ จากนั้นก็ถอดกุญแจมือให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางออกมาจากห้องสอบปากคำ ก็พบหลินชิงชิง

“พี่ฉิงฉิง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่มั้ย?” หลี่ฝางรีบพูดขึ้น

“เปล่า” หลินชิงชิงส่ายหน้า แล้วใช้มือเช็ดเลือดที่ปากของหลี่ฝาง: “นายต่างหาก เหมือนจะโดนต่อยมานะ”

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร จับมือหลินชิงชิง แล้วเดินออกไป

จากนั้นก็ขึ้นรถเบนซ์G-Classของตน หลี่ฝางมองไปที่ปืนที่อยู่บนรถ แล้วพูดกับส้าวส้วย: “นายนี่กล้าจริงๆ ไม่รู้จักเก็บๆ หน่อย?”

ส้าวส้วยจึงเก็บปืนไป

“เจ้านาย พวกเราจะไปดื่มเหล้าหรือว่า?” ส้าวส้วยถามหลี่ฝาง

“ไปโรงพยาบาลเถอะ ไปดูว่าลู่หลุ่ยอาการเป็นไงบ้าง แล้วก็ ถือโอกาสไปอธิบาย” หลี่ฝางหัวเราะอย่างไม่เต็มใจ: “ถึงแม้จะเลิกกัน ก็จะเลิกกันแบบค้างคาไม่ได้”

หลี่ฝางพูดถึงตรงนี้ ก็มองไปที่หลินชิงชิง

หลี่ฝางคิดว่า ถ้าหากเลิกกับลู่หลุ่ยจริงๆ ควรจะคบกับใครดี

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน