NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 405

ตอนที่ 405

บทที่ 405 นี่คือยุทธภพ

หลี่ฝางชะงักอยู่ครู่ แล้วมองส้าวส้วยอย่างไม่ค่อยพอใจ: “นายทำอะไร ฉันยังพูดไม่จบนะ? หูเฟยยังคิดว่าฉันล้อเล่นกับเขาอยู่เลย”

แต่ส้าวส้วยกลับส่ายหน้า มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย นายพูดมากพอแล้ว หูเฟยจะเชื่อหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของเขา”

“ถ้านายพูดต่อ เขาก็คงสงสัยเจ้านาย”

“สงสัยฉัน?” หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างสับสน

“ใช่แล้ว เจ้านาย ถ้าหากฉันไม่แย่งโทรศัพท์นายมา แล้ววางสาย นายคงจะบอกหูเฟยใช่มั้ย ว่าหวางเฉินตายแล้ว แล้วก็พูดซุนจิ้นฆ่า?” ส้าวส้วยมองบนใส่หลี่ฝาง

“ใช่แล้ว” หลี่ฝางพยักหน้าอย่างเอ๋อๆ

บอกหูเฟยเรื่องนี้ งั้นหูเฟยก็จะเชื่อแล้ว ในใจหลี่ฝางคิดแบบนี้

ส้าวส้วยส่ายหน้า และมองหลี่ฝางอย่างผิดหวังเล็กน้อย แล้วพูด: “เจ้านาย หวางเฉินเพิ่งจะตาย นอกจากเหยสง ก็ไม่มีใครรู้ข่าวนี้แล้ว แม้แต่ตระกูลสวีก็ยังไม่รู้ นายบอกหูเฟยไปแบบนั้น หลังจากจบเรื่องหูเฟยต้องถามนายแน่ๆ ว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถึงตอนนั้นนายจะตอบยังไง?”

“หูเฟยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนะ จากความสามารถปะติดปะต่อเรื่องของเขา ไม่นานก็คงเข้าใจได้”

ส้าวส้วยพูด: “ไม่แน่ แค่แป๊บเดียวเขาคงจะเดาออกว่าเบื้องหลังมีคนจัดฉาก”

หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินส้าวส้วยพูดประโยคนี้ ก็สำนึกผิดทันที

ต่อมา สีหน้าของหลี่ฝาง ก็กลายเป็นซีดลงทันที

หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วยอย่างขอบคุณ: “ดีที่มีนาย ถ้านายไม่แย่งโทรศัพท์ไป ฉันคงเผยไต๋ไปจริงๆ ”

ใช่แล้ว ที่หวางเฉินตาย มีกี่คนที่รู้?

ตั้งแต่ที่ซุนจิ้นฆ่าหวางเฉินจนถึงตอนนี้ ผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ แม้แต่ตำรวจก็ยังไม่รู้ว่าตาย แต่ตนกลับรู้

นั่นเห็นได้ชัด ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“เฮ้อ ยังไงก็ตาม คงยากที่หูเฟยจะเชื่อฉัน” หลี่ฝางถอนหายใจ

ในตอนนั้น เหยโก่วก็ยกพวกเข้าไปในบ้านตระกูลสวี จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น ซุนจิ้นก็ปีนกำแพงออกมา

ซุนจิ้นแค่หันมามองทางหลี่ฝางแป๊บเดียว ต่อมาเงาร่างก็หายไป

ไม่มีคนตามซุนจิ้น ถึงยังไงฝีมือของซุนจิ้น นอกจากตัวเหยสง เกรงว่าจะไม่มีใครหยุดเขาได้

“ซุนจิ้นไปไหนแล้ว?” หลี่ฝางถาม

ส้าวส้วยไม่ได้ตอบ ทำราวกับไม่ได้ยินที่หลี่ฝางถาม

หลี่ฝางส่ายหน้า ความรู้สึกที่อะไรก็ถูกปิดบัง ทำให้ไม่ค่อยพอใจจริงๆ

แต่หลี่ฝางก็รู้ ส้าวส้วยไม่พูด ก็เพื่อตัวเขา

ของแบบนี้ ถึงรู้ไป ก็ไม่มีผลดีกับตัวหลี่ฝาง

หลังจากหลี่ฝางวางสายใส่หูเฟย ใจของหูเฟย ก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทันที

ถึงแม้หูเฟยจะไม่เชื่อว่าเหยสงจะกล้าแบบนั้น กล้าพาคนเป็นร้อยบุกเข้าตระกูลสวี แต่หูเฟยยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าหลี่ฝางกำลังล้อเขาเล่น

ในตอนนี้ หลี่ฝางคือผู้ต้องสงสัย……

ผู้ต้องสงสัยหนีคดีคนนึง ถึงกับโทรมาหาผู้บังคับบัญชาการ เพื่อแจ้งข่าวด้วยตัวเอง ปั่นหัวกันเล่นเหรอ?

นี่มันหาทางตายไม่ใช่เหรอ?

หูเฟยที่ไม่วางใจ จึงกดโทรศัพท์โทรหาภรรยาทันที……

แต่เรียกอยู่นานก็ไม่มีคนรับสาย จู่ๆ หูเฟยก็มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี

สวีเถิงเฟยถูกหวางเฉินทำให้เป็นคนพิการ ความสัมพันธ์ของตระกูลสวีกับเหยสง ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่จริงๆ ……

ทันใดนั้นหูเฟยก็นึกได้ว่า

หรือหวางเฉินนั้นมีอันตรายแล้ว

หลังจากหวางเฉินทำสวีเถิงเฟยพิการ ก็หลบหนีไป นายท่านสวีมีคำสั่งจริงๆ หากเจอหวางเฉิน ให้ทำเขาพิการแบบเดียวกัน

“แม่งเอ๊ย หรือว่าคนตระกูลสวีจะเจอหวางเฉินเข้าแล้ว?”

ทันใดนั้นหูเฟยก็ตะโกน: “ตำรวจทุกนายตามฉันมา พกอาวุธของพวกนายไปด้วย!”

ถ้าหากหลี่ฝางไม่ได้ล้อเล่น งั้น……

หูเฟยไม่กล้าคิดต่อ ภรรยาของตนยังอยู่ในบ้านตระกูลสวีนะ

นั่งอยู่บนรถตำรวจ หูเฟยก็โทรหาภรรยาของตน ไม่หยุด: “รับสิ รับสิ……”

หูเฟยพูดพึมพำ ต่อมาก็ยังโทรไม่ติด บนหน้าของหูเฟย เหงื่อค่อยๆ ตก

หูเฟยก็เริ่มโทรหานายท่านสวี แต่ในตอนนี้นายท่านสวี ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว

นายท่านสวีเป็นคนแรกที่ถูกเด็ดหัว

ที่จริงเหยสงอยากจะลากตัวนายท่านสวีมาถามคำถามสักหน่อย หลังจากยืนยันแล้วค่อยลงมือ

แต่ใครจะไปรู้ เหยสงยังไม่ทันเดินไปถึงตัวนายท่านสวี ก็เห็นซุนจิ้นเข้าซะก่อน

เมื่อเห็นซุนจิ้น เหยสงก็สูญสิ้นสติทั้งหมด แล้วเรียกให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ด้านข้างโทรหาเหยโก่ว ให้เหยโก่วยกพวกเข้ามา จากนั้นตนก็ตามซุนจิ้นไป

ถึงแม้ตระกูลสวีจะเป็นคนสั่งการ แต่ซุนจิ้นเป็นคนลงดาบ……แต่เหยสงไม่อยากปล่อยใครไปสักคน

ที่จริงแล้ว เหยสงอยากฆ่าซุนจิ้น ล้างแค้นให้ลูกชายตน แต่ใครจะรู้ สุดท้ายซุนจิ้นควักปืนออกมา แล้วยิงมาที่ตน หนึ่งนัด

ปืนนัดนั้น ทำให้เหยสงกลัวเล็กน้อย ส่วนซุนจิ้นก็ใช้ช่องว่างนั้น หนีไป

เมื่อพวกของเหยสงกรูเข้ามา เป้าหมายของทุกคน เล็งไปที่นายท่านสวี

ใครก็รู้ บนร่างของนายท่านสวีมีแต่ของมีค่า

ถึงแม้ข้างกายนายท่านสวีจะมีบอดี้การ์ด พวกเขาแต่ละคนสามารถต่อกรหนึ่งต่อสิบได้ แต่ว่า พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับคนเป็นร้อยได้

คนนับร้อยกรูเข้าไปในบ้านตระกูลสวี นอกจากฉกของ ก็ได้เด็ดหัวนายท่านสวี

หูเฟยที่นั่งอยู่บนรถตำรวจ ใจก็เริ่มชาทันที

ในตอนนี้ เขาเชื่อทำพูดของหลี่ฝางแล้ว บ้านตระกูลสวี เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

จู่ๆ โทรศัพท์ของหูเฟยก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นว่าเป็นภรรยาของตนโทรมา หูเฟยก็ดีใจที่ผิดคาด ต่อมาก็รีบกดรับสาย ส่วนทางปลายสาย กลับมีเสียงหนึ่งที่ชีวิตนี้ของหูเฟยไม่อยากจะได้ยิน

ปลายสาย มีเสียงร้องครางของสวีจื่อเม่ยดังขึ้น

หูเฟยไม่ได้โง่ เขารู้ได้ทันทีว่าเสียงนี้หมายความว่ายังไง

“หูเฟย นายจำฉันได้มั้ย? ตอนนั้นเพราะว่าแก ฉันถึงต้องโทษสามปี วันนี้ ในที่สุดความแค้นสามปีของฉัน ก็ได้คืนให้กับแก” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากปลายสาย

ด้านหูเฟย เขาโกรธจนเส้นเลือดที่คอปูด

เขากระชากพวงมาลัย จากนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิด รถก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้น

“ลูกพี่ หูเฟยมาแล้ว”

คนที่ข่มขืนสวีจื่อเม่ย สองมือโอบร่างสวีจื่อเม่ย แล้วมาถึงหน้าเหยสง

เหยสงมองไปที่พี่น้องรอบตัว แล้วพูด: “ทุกคนแยกย้าย เป็นพี่ที่ทำให้พวกนายลำบากแล้ว”

“ลูกพี่ พี่พูดอะไร ไม่มีลูกพี่ แล้วพวกเราจะทำยังไง”

“ก็แค่หนีไปไม่ใช่เหรอ? เงินในมือพวกเรา และความสามารถเรา ไปที่ไหนก็เป็นลูกพี่!”

พี่น้องหลายคนพูดอย่างไม่สนใจ: “โอเค ลูกพี่ ดูแลตัวเองด้วย”

ขณะที่เหยสงพาพวกพ้องของตน กำลังจะเดินออกจากบ้านตระกูลสวี รถตำรวจสามคัน ก็ขับเข้ามา

“แม่มึง เหยสง เ**ดทวดมึง!”

หูเฟยตะโกนด่า จากนั้นก็พุ่งเข้าหา เหยสงและคนอื่นๆ

“ถอยไป!”

สีหน้าของเหยสงลนลาน เขาคิดไม่ถึงว่า หูเฟยจะมาเร็วแบบนี้

“ลูกพี่ รีบไป บ้านตระกูลสวีมีประตูหลัง!” ในตอนนี้ มีชายร่างบางคนนึง คว้าแขนของเหยสง จากนั้นก็เริ่มวิ่ง

เหยสงก็ไม่ได้ลังเล เริ่มวิ่งตามชายร่างผอมไป

เหยสงก็วิ่งตามไปติดๆ หลังจากหูเฟยลงจากรถ ก็ควักปืนขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปที่คนที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนหน้า แล้วก็ลั่นไกปืน

ฝีมือยิงปืนของหูเฟยดีมาก ปืนนัดนี้ ยิงโดนหว่างคิ้วของเขาเต็มๆ

ถ้าหากลั่นไกช้าไปหนึ่งวินาที เกรงว่าชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้า จะแทงสวีจื่อเม่ยจนตาย

ตำรวจกลุ่มนึงถือปืน และคุมตัวคนส่วนมากไว้ได้ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มน้อย ที่เสี่ยงอันตรายจากปืน แล้วปืนกำแพงหนีจากบ้านตระกูลสวีออกไป

ส้าวส้วยเห็นภาพนี้ ก็พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ : “หูเฟยไม่ได้โกหก เขาไม่ได้ยิงจริงๆ ฝีมือการยิงปืนของเขาดีขนาดนี้ ถ้าตอนนั้นเขาเป็นคนยิง ต้องยิงโดนพวกเราแน่ๆ ”

จิตใจของหลี่ฝาง หม่นหมองเล็กน้อย

เมื่อเห็นพวกพ้องของเหยสง แต่ละคนถือมีดที่อาบไปด้วยเลือด ในอ้อมแขนหอบของมีค่า ใจของหลี่ฝาง เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย

ถ้าหากไม่ใช่เพราะตน บางทีตระกูลสวี อาจจะไม่ถูกลุงเฉียนคิดบัญชี และก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

“ส้าวส้วย ที่คือยุทธภพเหรอ?” หลี่ฝางพูดเสียงเบา

“ใช่แล้ว นี่ก็คือยุทธภพ……” ส้าวส้วยเอียงหน้ามา มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย พวกเราไปกันเถอะ”

หลี่ฝางเงียบอยู่ครู่ แล้วส้าวส้วยก็ขับรถเบนซ์ เคลื่อนตัวออกไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน