NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 428

ตอนที่ 428

บทที่ 428 แผนการของมู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงเป็นตัวละครแบบไหน?

เขาแตกต่างจากซือถูเฟย ซือถูเฟยเกิดมาก็ถูกครอบครัวซือถูทอดทิ้ง ถูกนำตัวไปอยู่ในครอบครัวที่ยากจน

ก่อนจะอายุยี่สิบ ซือถูเฟยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง……

แต่มู่หรงฉางเฟิง ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นคุณชายใหญ่ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนแปลง

กังฟูของเขา เรียนรู้จากกรงแปดเหลี่ยม

ในกรงแปดเหลี่ยมไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้มู่หรงฉางเฟิง

ดังนั้น มู่หรงฉางเฟิงสามารถมีชีวิตรอดมาได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ตระกูลมู่หรงมีทายาทหลายคน ซึ่งทุกคนต่างเสียชีวิตในกรงแปดเหลี่ยม

สิ่งที่เรียกว่ากรงแปดเหลี่ยม ก็คือคนสองคน ต้องต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยมเพื่อให้รู้ถึงชัยชนะและความพ่ายแพ้ เพื่อต้องการเอาชนะ สามารถฆ่ากันเองได้

ฉินเสี่ยวหู่ถูกมู่หรงฉางเฟิงใช้ปืนจ่อที่หัว ใบหน้าแสดงความกลัวเล็กน้อย แต่ลึกๆในใจของเขา แปลกใจมากกว่า

ฉินเสี่ยวหู่มองมู่หรงฉางเฟิงอย่างสงสัย “ทำไมปืนถึงอยู่ในมือของนาย?”

“ฉินเสี่ยวหู่นายไม่กลัวเลยเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิงถาม

“กลัวเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิง นายรู้วิธียิงปืนเหรอ?”

ฉินเสี่ยวหู่มองมู่หรงฉางเฟิงด้วยความรังเกียจ และถาม นายกล้ายิงเหรอ?”

ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินเสี่ยวหู่ มู่หรงฉางเฟิงก็เหนี่ยวไกปืน โดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด

กระสุนผ่านหูของฉินเสี่ยวหู่ สะเทือนจนฉินเสี่ยวหู่ล้มลงไปด้านข้างบนโซฟาทันที

ฉินเสี่ยวหู่รู้สึกว่ามีเสียงดังแว่วเข้ามาในหู มู่หรงฉางเฟิงวางปืนไว้ตรงหน้า และยิ้ม “เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ยิง แม้แต่หูยังยิงไม่ถูก”

“มู่หรงฉางเฟิง แม่งเอ้ย แม่งแม่มึง……”

ก่อนที่ฉินเสี่ยวหู่จะพูดจบ มู่หรงฉางเฟิงก็หยิบปืนขึ้นมา แล้วเล็งปืนไปที่หูของฉินเสี่ยวหู่แล้วเหนี่ยวไกปืนทันที

มีเสียงเปรี้ยงหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นหูของฉินเสี่ยวหู่ก็เต็มไปด้วยคราบเลือด

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่อย่างเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาต “นายเป็นใครมาจากไหน ยังกล้ามาพูดดูหมิ่นฉันแบบนี้?”

มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้ว ถ้าไม่ใช่ฉินเสี่ยวหู่คนนี้ยังพอมีประโยชน์ ยิงปืนนัดนี้ คงจะไม่ใช่ยิงไปที่หูของฉินเสี่ยวหู่แน่นอน

แต่คงยิงเข้าที่หัวใจหรือศีรษะโดยตรง นัดเดียวก็ทำให้เขาเสียชีวิตทันที

ฉินเสี่ยวหู่รู้สึกหวาดกลัวมาก ก่อนหน้านี้ฉินเสี่ยวหู่คิดเพียงว่ามู่หรงฉางเฟิงเป็นเพียงคุณชายในตระกูลหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่า เขาจะมีด้านที่โหดร้ายเช่นนี้

ฉินเสี่ยวหู่ปิดหูของตัวเอง และถามด้วยความกลัว “คุณชายมู่หรงมาที่นี่ มีคำสั่งอะไร?”

เมื่อเห็นฉินเสี่ยวหู่ยอมแล้ว มู่หรงฉางเฟิงก็วางปืนลง และพยักหน้า “นายท่านฉินตายแล้ว นายรู้ไหม?”

“คุณปู่ตายแล้วเหรอ?”

ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ไม่อยากเชื่อ “ร่างกายของคุณปู่แข็งแรงมาตลอด เขาจะตายได้ง่ายๆได้อย่างไร?”

มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัวเล็กน้อย พูดไม่ออก

นี่หลานชายแท้ๆหรือเปล่า?

ตายไปหลายชั่วโมงแล้ว ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ?

เมื่อกี้ฉินเสี่ยวหู่กำลัง(เล่นผง) ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับโทรศัพท์มือถือของเขา และทุกสายที่พ่อแม่ของเขาโทรมา ฉินเสี่ยวหู่ก็ไม่สนใจ

วิดีโอที่แพร่ในอินเทอร์เน็ต ฉินเสี่ยวหู่ก็ไม่เห็น

มู่หรงฉางเฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดวิดีโอที่นายท่านฉินกระโดดแม่น้ำ และยื่นให้เขา “ดูเอาเอง”

“นี่คือ……คุณปู่ของฉัน?”

เมื่อเห็นผู้ที่ยืนอยู่บนสะพาน ดวงตาของฉินเสี่ยวหู่ก็เบิกกว้าง

จากนั้น เมื่อฉินเสี่ยวหู่เห็นนายท่านฉินกระโดดลงจากสะพาน ฉินเสี่ยวหู่ก็ใจสั่น “นี่……คุณปู่ฆ่าตัวตายจริงเหรอ?”

“นายดูอีกรอบ ดูให้ชัดเจน”

มู่หรงฉางเฟิงเหล่ตาของเขา และกดให้ให้ฉินเสี่ยวหู่ดูอีกครั้ง “ดูท้องของนายท่านฉินให้ดีๆ”

“มันคือเลือด……ทำไมเลือดมากขนาดนั้น”

ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว และถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“นี่ยังดูไม่เข้าใจอีกเหรอ ปู่ของนายถูกคนฆ่าตาย กระโดดลงแม่น้ำ เป็นสถานการณ์ที่สร้างขึ้นมา”

“คนที่ทำให้คุณปู่ของนายตาย อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ เปิดร้านกาแฟ ชื่อเลิฟคอร์เนอร์คาเฟ่”

“นายอยากล้างแค้นให้ปู่ของนายหรือไม่?”

มู๋หรงฉางเฟิงเลิกคิ้วและถาม

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเสี่ยวหู่ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ไอ้เฒ่าคนนี้ ตายแล้วก็ช่างมันเถอะ เกี่ยวอะไรกับฉัน”

“เขาเป็นไอ้เฒ่าที่ลำเอียง เป็นลูกชายเหมือนกัน พ่อของฉันก็ใช่ อาคนที่สามก็ลูกชาย แต่ไอ้เฒ่าคนนี้เอาทุกอย่าง ให้ลุงของฉัน ฮึ่ม และยังมีฉินจื่อยี่คนนั้น เขาเป็นใคร เขามีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับฉัน ถ้าจะเปรียบเทียบกับฉัน แม้แต่เศษสวะมันยังเทียบไม่ได้”

“แต่ว่า ทุกครั้งที่ครอบครัวรับประทานอาหารค่ำพร้อมกัน ไอ้เฒ่าคนนี้มักจะปฏิบัติกับฉันอย่างไร้ค่า แต่ก็ยกย่องไอ้เศษสวะคนนั้นมาก”

ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างไม่เต็มใจ “ต้องการให้ฉันล้างแค้นให้เขา ฮ่าฮ่า ฉันยังอยากจะขอบคุณคนที่ฆ่าเขาด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

จุดประสงค์การมาในครั้งนี้ของมู่หรงฉางเฟิง คือการยืมมือคนอื่นฆ่าคนอย่างไม่มีใครต้องสงสัย

ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็รู้ว่า เถ้าแก่เนี้ยของเลิฟคอร์เนอร์คาเฟ่คงเป็นคนของหลอซ่า

เมื่อสามปีก่อน เพียงแค่หลอซ่าคนเดียวก็สามารถทำให้วงการนี้นองเลือด เพื่อที่จะขับไล่เขาออกไป ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ต้องได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดอย่างหนัก

บุคคลนี้ ไม่ควรประมาท

สามปีผ่านไป หลอซ่ากลับมาแล้ว มู่หรงฉางเฟิงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ

ดังนั้นมู่หรงฉางเฟิงต้องการให้ฉินเสี่ยวหู่ ช่วยตัวเองในการสืบหาหนทาง

แต่ใครจะรู้ ฉินเสี่ยวหู่ไม่สนใจการตายของนายท่านฉินเลย

แผนการนี้ไม่ได้ผล มู่หรงฉางเฟิงต้องหยิบไม้เด็ดออกมา “แล้วนายรู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าบ้านตระกูลฉินคนปัจจุบันคือใคร?”

“จะเป็นใครอีกล่ะ ไอ้เฒ่าคนนั้นต้องมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้ลุงของฉันแน่นอน”

“ทำไมเหรอ เป็นไปได้ไหมที่จะมอบให้พ่อของฉัน”

ฉินเสี่ยวหู่ตะคอก และพูดอย่างประชดประชัน “ถ้าไอ้เฒ่าคนนั้นยินยอมมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้พ่อของฉัน ฉันจะพาคนไปทุบร้านกาแฟ และล้างแค้นให้ไอ้เฒ่า”

“ตำแหน่งเจ้าบ้านไม่ได้ให้ลุงฉินของนาย” มู่หรงฉางเฟิงพูดเบาๆ

“มอบให้ใคร?”

ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรือให้พ่อของฉันจริงๆ?”

นอกจากฉินเพ่ยแล้ว คนที่มีความสามารถยึดครองตระกูลฉินได้มากที่สุด ก็คือพ่อของฉินเสี่ยวหู่ ฉินซ่างเสียน

ลูกชายคนที่สามฉินชิงจือ ชอบเปียโนหมากรุกการอ่านและศิลป์ ไม่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และไม่มีความทะเยอทะยาน

“มอบให้ฉินวี่เฟย”

มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างเหยียดหยาม “นางเด็กอมมือ”

“แม่ง มันเป็นไปได้ยังไง ฉินวี่เฟยยังไม่จบการศึกษาจากวิทยาลัย ให้เธอเป็นเจ้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหรอ?”

“ไอ้เฒ่าคนนี้ มาเลอะเลือนก่อนตายหรือไง?”

ฉินเสี่ยวหู่ตะคอก “ฉินวี่เฟยเป็นใครมาจากไหน ฉันไม่ยอม!”

ถ้าเป็นฉินเพ่ย ฉินเสี่ยวหู่ก็ยังคงหวาดกลัวเล็กน้อย

ตอนนี้ฉินวี่เฟยเป็นเจ้าบ้าน ฉินเสี่ยวหู่ไม่พอใจแน่นอน

“ใช่สิ มันไร้สาระสิ้นดี จะให้ผู้หญิงมาเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ยังไง”

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่ฉินเสี่ยวหู่และพูดว่า “ฉันถามนาย ฉินเสี่ยวหู่นายอยากเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินหรือไม่?”

“นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกเหรอ อยากเป็นแน่นอน”

ฉินเสี่ยวหู่ตะคอก จากนั้น แววตาเป็นประกาย เงยหน้าขึ้นมองมู่หรงฉางเฟิง “คุณชายมู่หรง นายคงไม่ใช่ต้องการให้ฉันเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินมั้ง”

“ฉันต้องการอย่างนี้ เพียงแต่ว่า นายเต็มใจหรือไม่” มู่หรงฉางเฟิงยิ้ม

“เต็มใจๆ ฉันจะไม่เต็มใจได้อย่างไร” ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า ด้วยความตื่นเต้น “คุณชายมู่หรง นายพูดมาสิ ขอเพียงสามารถทำให้ฉันเป็นหัวหน้าตระกูลฉิน นายต้องการให้ฉันทำอะไรก็ได้?”

“แม้ว่าจะต้องฆ่าฉินวี่เฟย ฉันก็เต็มใจ” ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างเย็นชา

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่อย่างสับสน เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่า ฉินเสี่ยวหู่เป็นคนโหดเหี้ยม

ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉินเสี่ยวหู่คนนี้ ถึงจุดที่บ้าคลั่งไปแล้ว

“ฆ่าฉินวี่เฟยไม่ได้ ถ้าฆ่าฉินวี่เฟยแล้ว เจ้าบ้านตระกูลนี้จะไม่ใช่ของนาย ถึงตอนนั้น หัวหน้าตระกูลนี้จะเป็นของฉินเพ่ยจัดการกับฉินวี่เฟยนั้นง่ายมาก จัดการกับฉินเพ่ย นายไหวไหม?”

มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลฉิน ฉินเพ่ยเป็นคนดูแลมาตลอด รวมถึงบริษัททั้งหมด ทุกเรื่องฉินเพ่ย ทำทุกอย่างได้ดีมาตลอด ถ้าให้เขามาเป็นเจ้าบ้าน คงมีไม่กี่คนที่ไม่พอใจ แม้ว่านายและพ่อของนายจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครร่วมมือกับนายเพื่อเอาชนะฉินเพ่ย”

“แต่ถ้าฉินวี่เฟยเป็นหัวหน้าตระกูลฉิน เรื่องราวมันก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง”

“นางเด็กอมมือที่ไร้เดียงสา ใครจะไปพอใจ?”

“ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของตระกูลฉิน จะยินยอมได้หรือไม่?”

มู่หรงฉางเฟิงยกมุมปากยิ้ม และพูดว่า “อย่างน้อย ตระกูลมู่หรงของเราก็ไม่ยอมรับ”

“อย่าลืมนะ ตระกูลมู่หรงของเราเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของตระกูลฉิน โดยถือหุ้น 30% ของตระกูลฉิน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท