NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 450

ตอนที่ 450

บทที่450 กำลังที่แท้จริงของส้าวส้วย

ถึงแม้สำนักหยิ่งซาจะเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับ 1 ของโลก แต่จำนวนคนไม่ได้เยอะ

แป๊บเดียวมาตั้งสี่คน แล้วยังมาสถานที่เล็กๆอย่างเมืองเอก จุดนี้ กลับทำให้ส้าวส้วยแปลกใจหน่อยๆ

“มาตั้งเยอะขนาดนี้ในคราวเดียว……”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ มองที่หมาทิเบตัน“คุณอยู่ที่สำนักหยิ่งซาของพวกคุณ ตำแหน่งนี่สำคัญมากนะ”

ความพร้อมฆ่าในแววตาของส้าวส้วยค่อยๆหายไป

คนของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คน ส้าวส้วยรู้สึกได้ถึงความกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน

ถึงแม้ทั้งสี่คนยังไม่ลงมือ แต่ก็มองความลึกของพละกำลังไม่ออก

แต่ตอนที่งุนงงอยู่นั้น ส้าวส้วยคิดว่าทั้งสี่คนไม่ธรรมดา

อย่างแรก เมื่อกี๊ตอนที่สู้กัน ส้าวส้วยไม่ได้รู้สึกถึงการมาของสี่คนนี้

อย่างที่สอง ส้าวส้วยโชว์พละกำลังของตัวเองแล้ว สี่คนนี้ยังกล้าเสนอหน้า หมายความว่า พละกำลังของสี่คนนี้ จะต้องมั่นใจว่าเอาชนะส้าวส้วยได้

ส้าวส้วยหัวเราะ“คนน่ะผมไม่ฆ่าแล้ว พวกคุณเอาไปเถอะ”

“กลัวเหรอ?”หูเฟยขมวดคิ้ว

เมื่อกี๊ที่ตัวส้าวส้วย ยังแสดงความพร้อมที่จะฆ่าฟันออกมา หูเฟยยังคิดว่าครั้งนี้หมาทิเบตันต้องตายแน่

แต่หูเฟยไม่รู้ว่าสำนักหยิ่งซาสุดยอดแค่ไหน เขาก็แค่ผู้บัญชาการตำรวจตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะไปรู้จักเรื่องระหว่างชาติได้ไง?

ที่จริงส้าวส้วยไม่ได้กลัว ก็แค่ไม่อยากขัดใจกับสำนักหยิ่งซาเท่านั้น

“พวกเราไปเถอะ”

ส้าวส้วยมาตรงหน้าหลี่ฝาง พยักหน้าพูด

หลี่ฝางมองสี่คนที่สวมหน้ากากนี้ ในใจเต็มไปด้วยความกลัว ทันใดนั้นก็หมุนตัวตามส้าวส้วยออกไป

แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น

“เดี๋ยว”

คนสวมหน้ากากคนหนึ่งพูด เขาเดินหน้าเข้ามา“พวกเราไม่ได้มาเพื่อหมาทิเบตัน”

พูดตรงๆ หมาทิเบตันก็แค่คนธรรมดาตัวเล็กๆคนหนึ่งของสำนักหยิ่งซา

หลังจากภารกิจล้มเหลว ชื่อเสียงเขาในแวดวงทหารรับจ้าง กับตำแหน่งในสำนักหยิ่งซา ก็ดิ่งลง

เพื่อช่วยหมาทิเบตัน ปรากฏตัวสมาชิกของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คน ไม่คุ้มค่าเลย

สี่คนนี้มา มีจุดประสงค์อื่น

ส้าวส้วยหยุดคิ้วลง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย“ทำไม พวกคุณก็อยากจะสู้กับผมเหรอ?”

คนสวมหน้ากากทั้งสี่คนไม่พูด

ส้าวส้วยส่งสายตาให้โหจื่อ“พาเจ้านายออกไปก่อน”

หมาทิเบตันคนเดียว ส้าวส้วยสามารถบดขยี้ได้ง่าย

แต่ปรากฏตัวคนของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คนในคราวเดียว ส้าวส้วยต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ฟุ้งซ่านไม่ได้

“จุดประสงค์ที่พวกเรามา ก็ไม่ใช่คุณ”

คนสวมหน้ากากคนนั้นพูดอีกครั้ง

พอคนสวมหน้ากากคนนี้พูดจบ คิดเล็กน้อยแล้วพูดอีก“ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเราเปลี่ยนแผนแล้ว”

“ตอนนี้ เป้าหมายที่พวกเรามาที่นี่ ก็คือคุณ”

ที่แท้ เป้าหมายที่ทั้งสี่คนนี้มาคือหลี่ต๋าคาง

เขาอยากลองความลึกซึ้งของพละกำลังของหลี่ต๋าคางกำลัง

สำนักหยิ่งซารับหน้าที่มาหนึ่งอย่าง ค่าตอบแทนมหาศาลมาก และเป้าหมาย ก็คือหลี่ต๋าคาง

แต่พละกำลังของหลี่ต๋าคางไปไม่ถึงจุดที่ลึกมานานแล้ว

ก่อนสำนักหยิ่งซารับ ก็ส่งทั้งสี่คนมาที่เมืองเอก มาสู้กับหลี่ต๋าคาง

ผลการรบของหลี่ต๋าคางในต่างประเทศ เรียกได้ว่ามีน้อยมาก

อย่างเดียวที่ทำให้สำนักหยิ่งซาคุ้มค่าจะสนใจ ก็คือส้าวส้ว โหจื่อ หลิงหลงเป็นต้น

พวกเขาทุกคนมีทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่กลับยอมจำนนต่อหลี่ต๋าคางที่ธรรมดาอย่างเต็มใจ

ทำให้สำนักหยิ่งซาคิดว่าหลี่ต๋าคางจับต้องไมได้เล็กน้อย

แต่เมื่อกี๊ส้าวส้วยแสดงกำลังอย่างน่าทึ่งออกมา ทำให้ทั้งสี่คนเปลี่ยนแผนเดิม

ตามความเข้าใจของสำนักหยิ่งซา พละกำลังของส้าวส้วยนี้ ก็พอๆกับหมาทิเบตันเท่านั้น

แต่ตอนนี้ดูแล้ว สติปัญญานั้นผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด

หมาทิเบตันอยู่ต่อหน้าส้าวส้ว สู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำย

ฆ่าหลี่ต๋าคาง จะต้องผ่าด้านของส้าวส้วยก่อน

ถ้าแม้แต่ส้าวส้วยยังจัดการไม่ได้ หน้าที่ที่ต้องฆ่าหลี่ต๋าคาง ก็ไม่ต้องคิดเลย

หรือว่า จะให้เจ้าสำนักของสำนักหยิ่งซาลงมือเอง?

“คุณเมื่อสักครู่นี้ น่าจะไม่ได้โชว์กำลังที่แท้จริงของคุณออกมาสินะ?”

คนสวมหน้ากากมองส้าวส้วย ถามเบาๆ“คุณกำลังรักษากำลัง ใช่ไหม?”

อีกคนก็ขมวดคิ้วมากขึ้น ดูเหลือเชื่อหน่อยๆ“หรือว่า คุณเห็นพวกเรา?”

ส้าวส้วยส่ายหน้า“ผมไม่เห็นพวกคุณ พวกคุณซ่อนตัวดีมาก”

“ส่วนพละกำลังเหรอ ผมไม่ได้จงใจรักษากกำลังไว้ ก็แค่คู่ต่อสู้อย่างหมาทิเบตัน ไม่คุ้มค่าที่ผมจะลงแรงไปทั้งหมด”

ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ มองคนสวมหน้ากากทั้งสี่คน“ดูเหมือน พวกคุณจะลงมือกับผมนะ?”

คนสวมหน้ากากทั้งสี่คนมองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน

“มาทีละคน หรือจะมาพร้อมกันหมด?”ส้าวส้วยถามนิ่งๆ

“พร้อมกันทั้งสี่เหรอ?”

สีหน้าของคนสวมหน้ากากทั้งสี่คน ก็เปลี่ยนทันที

ส้าวส้วยก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งของตระกูลหลี่เท่านั้น และลูกน้องคนหนึ่ง มาพูดจาถากถางแบบนี้ ให้พวกคุณทั้งสี่คนของสำนักหยิ่งซาเข้ามาพร้อมกัน นี่ไม่ได้ดูถูกเหรอไง?

มองดูพวกแวดวงทหารรับจ้าง มีสักกี่คนที่กล้ามีความกล้า พูดจาจองหองได้ขนาดนี้?

“คุณกล้าดูถูกพวกเราแบบนี้เหรอ?”

“คุณรู้ไหมคนที่ดูถูกพวกเราสำนักหยิ่งซา จะต้องชดเชยเสียยังไงให้?”คนสวมหน้ากากพูด

ส้าวส้วยหัวเราะอย่างผ่อนคลาย“สำนักหยิ่งซา ฆ่าคนเป็นหลัก”

“พวกคุณไม่ชอบทรมานคน ในหัวคิดแต่ จะใช้วิธีไหนมาฆ่าอีกฝ่าย”

“สิ่งที่ต้องชดเชยที่ดูถูกพวกคุณ ก็ต้องถูกพวกคุณฆ่าตายเท่านั้น”

ส้าวส้วยพูด“ผมเข้าใจพวกคุณดี”

“ผู้ชายโอหัง”คนสวมหน้ากากที่นำหน้าพูดวิจารณ์

“ใช่ ผมโอหังมาก”

ส้าวส้วยพูดไป แล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเอง“จนถึงตอนนี้ นอกจากลูกพี่แล้วผมไม่เคยยอมใคร”

“ถ้าหากผมคือคนที่เดินอยู่เส้นทางยุทธภพคนเดียวล่ะก็ ผมจะต้องบุกสำนักหยิ่งซาของพวกคุณแน่ ไปจัดการเจ้านายของพวกคุณ น่าเสียดาย ที่ตัวผมมีการใช้งานอีกมากมายที่แบกไว้อยู่ ยังทำตัวเท่ขนาดนั้นไม่ได้”

ส้าวส้วยพูดไปอยู่นั้น ก็เอาเสื้อผ้าของตัวเอง ทิ้งไปที่พื้น

“โหจื่อ เอาเสื้อผ้าของคุณมาให้ผมสิ”

ถอดเสร็จ ส้าวส้วยก็พูดกับโหจื่อ

โหจื่อตอบรับ แล้วเอาเสื้อ กางเกงของตัวเอง ยื่นให้ส้าวส้วย

โหจื่อค่อนข้างผอม เสื้อผ้าเขาสวมไปที่ตัวของส้าวส้วย ก็กลายเป็นชุดต่อสู้ที่แนบเนื้อ

หลี่ฝางกับหูเฟยมองดูไม่ค่อยเข้าใจ

สู้ก็สู้สิ ทำไมก่อนสู้ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ?

หมายความว่ายังไงอ่ะอันนี้?

เวลานี้ โหจื่อหยิบเสื้อผ้าที่ส้าวส้วยถอดออก ทันใดนั้นหูเฟยก็ตาเบิกโต มองไปที่พื้น

เมื่อกี๊ตำแหน่งที่ส้าวส้วยทิ้งเสื้อผ้า ปรากฏหลุมหนึ่งขึ้นมา

ถึงหลุมไม่ใหญ่ แต่ชัดมาก

หลี่ฝางก็สังเกตเห็น

ถ้าเป็นเสื้อผ้าธรรมดา วางไว้ที่พื้น ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อพื้นแน่นอน

นอกจาก เสื้อผ้าชุดนี้ของส้าวส้วย จะมีอะไรบางอย่างอยู่

หูเฟยเดินหน้าเข้าไป ถามโหจื่อ“เอาเสื้อผ้า ให้ผมอุ้มไว้ได้ไหม?”

โหจื่อพยักหน้าอย่างไม่แคร์ ยื่นมือเข้ามา แล้วพูดเตือน“งั้นคุณถือดีๆนะ”

“อือ”หูเฟยตอบรับไป

ตอนหูเฟยใช้มือรับเสื้อผ้าของส้าวส้วย ทันใดนั้น ร่างของหูเฟยก็โน้มไปด้านหน้า ทั้งคนและเสื้อผ้า ก็ล้มลงไปจับกบ

“ให้คุณถือไว้ดีๆไง”โหจื่อมองหูเฟยที่ล้มอย่างน่าละอาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

สีหน้าของหลี่ฝาง เปลี่ยนไปทันที“โหจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”

โหจื่อหัวเราะเหอะเหอะ พูดกับหลี่ฝาง“เจ้านาย เสื้อผ้าชุดนี้ของอาจารย์ผม หนักกว่าห้าสิบกิโลกรัมเลยนะ”

“ดูไปถึงแม้จะเหมือนธรรมดา แต่ความเป็นจริง ด้านในใส่เต็มไปด้วยปรอท”

“หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัม?”หลี่ฝางกลืนน้ำลาย ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก“ความหมายของคุณคือ ทุกวันส้าวส้วยจะสวมเสื้อผ้าที่หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัมเคลื่อนไหวตัวเนี่ยนะ?”

“ใช่”โหจื่อพยักหน้า แล้วพูด“เดิมทีเป็นร้อยกิโลกรัม แต่ตั้งแต่อาจารย์เป็นบอดี้การ์ดของคุณ ลูกพี่ก็ให้เขาลดไปครึ่งหนึ่ง”

หลี่ฝางสูดหายใจอีกครั้ง

ทุกวันจะสวมเสื้อผ้าหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย ถึงเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ ก็กลัวว่ายากที่จะรับเหมือนกัน?

แต่ส้าวส้วย เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่มีความผิดปกติใดๆ

หูเฟยยืนขึ้นมา อุ้มเสื้อผ้าห้าสิบกว่ากิโลกรัม เขาถอนหายใจยาวๆ มองที่ส้าวส้วย ในสายตาปรากฏความประหลาดใจ“เขาทำได้ยังไง?”

“ง่ายๆ”

โหจื่อหัวเราะ พูดว่า“ทุกวันคุณแบกก้อนหินไปปีนภูเขาไท่ครั้งหนึ่ง ทุกหนึ่งเดือน จะเพิ่มน้ำหนักหินสองกิโลกรัมครึ่ง สามปีถัดมา คุณก็เกือบจะสวมเสื้อผ้าได้ยี่สิบห้ากิโลกรัม”

“งั้นหนึ่งร้อยกิโลกรัมคงไม่ใช่ว่า ……”หูเฟยกลืนน้ำลาย

“ใช่ อาจารย์ผมแบกของหนักมาตั้งแต่เด็กแล้ว สิบกว่าปีแล้ว”โหจื่อพยักหน้า พูด

คำนี้พูดออกไป หมาทิเบตันที่อยู่ข้างๆ กล้ามเนื้อที่ใบหน้า ก็กระตุกแรงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน