NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 451

ตอนที่ 451

บทที่ 451 หลี่ต๋าคางมาแล้ว

ที่จริงหมาทิเบตันแพ้จนหมดท่าแล้ว

แต่วันนี้ เขาที่รู้ความจริง ทำให้บนใบหน้ายิ่งไร้ความรู้สึก

ส้าวส้วยถึงกับใส่เสื้อผ้าหนักห้าสิบกว่ากิโล ต่อให้ตน

นอกจากหมาทิเบตันจะละอายใจแล้ว ยังรู้สึกประหลาดใจมากกว่า

คนฝีมือดีแบบนี้ ตนยังหาทางจะแก้แค้น รนหาที่ตายจริงๆ

นึกถึงตอนแรกที่ตนยั่วโมโหเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หมาทิเบตันยิ่งรู้สึกว่าตนเองเหมือนตัวตลกกระโดดโลดเต้นไปมา

คนคลุมหน้าทั้งสี่ก็เห็นภาพนี้ด้วยเช่นกัน

คนคลุมหน้าทั้งสี่คนนั้น ก็ช็อกอยู่ครู่

เมื่อกี้ พวกเขาตกใจ ในความสามารถของส้าวส้วยสุดๆ

ในวันนี้หลังจากที่พวกเขาเห็นส้าวส้วยถอดชุดที่หนักห้าสิบกว่ากิโลนั่นออก ก็ยิ่งมีความคิดที่จะหนีผุดขึ้นมา

ส้าวส้วยคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

สีหน้าของคนคลุมหน้าทั้งสี่ เปลี่ยนกันหมด

ส้าวส้วยคลุมชุดธรรมดากลับ กระโดดอยู่หลายครั้ง ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเบาขึ้นมาทันที

“สบายดีจริงๆ !”

ส้าวส้วยรู้สึกราวกับตนสามารถบินได้อย่างไงอย่างนั้น

ต่อมา ส้าวส้วยก็มองไปทางคนคลุมหน้าทั้งสี่ และยิ้มอย่างดูแคลน: “ถ้าหากพวกนายคิดว่าฉันให้พวกนายเข้ามาพร้อมกันเป็นการดูถูกพวกนายละก็ งั้นดี พวกนายเข้ามาทีละคนแล้วกัน”

บนหน้าของคนคลุมหน้าทั้งสี่นั้นหมดคำพูด

ส้าวส้วยเปิดเผยความสามารถที่น่าตกใจ ในตอนนี้ คนคลุมหน้าทั้งสี่ไม่มีใครกล้าวางใจ

ถึงแม้พวกเขาจะเก่งกว่าหมาทิเบตัน แต่ก็เก่งกว่าไม่ได้มากมายอะไร

ถ้าหากเข้าไปทีละคน เกรงว่าจะถูกส้าวส้วยฆ่าทิ้งทุกคน

แต่ถ้าทั้งสี่คนรุมเข้าไปพร้อมกันละก็ พวกเขาก็ดันรู้สึกว่ามันน่าขายหน้า

ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคนขอสำนักหยิ่งซา เป็นกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก

ในฐานะที่เป็นคนของกลุ่มนักฆ่ามือหนึ่ง บนตัวพวกเขาก็ถือว่ามีเกียรติอยู่

“พี่ พวกเราเข้าไปพร้อมกันเถอะ”

คนที่เด็กที่สุดเดินนำขึ้นมา แล้วพูดกับพี่ใหญ่

“ใช่แล้ว พี่ เข้าพร้อมกันเถอะ” น้องรองก็เอ่ยปากพูด

“พี่รอง นายคิดว่าไง?” พี่ใหญ่มองไปทางพี่รอง

พี่รองพยักหน้า: “ถึงแม้พวกเราจะร่วมมือกันฆ่าคนๆนึง จะทำให้เสียชื่อไปหน่อย”

“แต่……เข้าไปพร้อมกันเถอะ”

เรื่องศักดิ์ศรี เรื่องหน้าตา จะไปสำคัญกว่าชีวิตได้ยังไงกัน

ทั้งสี่คนพอมองออก ถ้าหากลุยเดี่ยวเข้าไป ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วย

ถ้าหากทั้งสี่คนร่วมมือกัน ยังพอมีโอกาสชนะอยู่หกส่วน

แน่นอนว่า โอกาสชนะหกส่วนนั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์กันเอง

“โหจื่อ พาเจ้านายออกไปก่อนเถอะ”

ส้าวส้วยหันหน้าไปพูดกับโหจื่อ: “สี่คนนี้ไม่ใช่เล่นๆ นายมีปืนกระบอกเดียว อย่างมากก็ยิงร่วงได้แค่คนเดียว ถ้าเกิดพวกมันลงมือกับเจ้านาย……”

“อาจารย์ระวังตัวด้วย” โหจื่อพยักหน้า และไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อต่อ ก็พาหลี่ฝางออกไป

แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว โหจื่อก็ชนเข้ากับคนๆ นึง

หลี่ต๋าคาง

“ลูกพี่ใหญ่ ท่านมาได้ยังไง?” โหจื่อมองหลี่ต๋าคางอย่างตกใจ

ที่จริงแล้วหลี่ต๋าคางติดตามการเคลื่อนไหวของคนคลุมหน้าทั้งสี่นี้มาตลอด

หลี่ต๋าคางพยักหน้า: “มาดูหน่อย”

ยังไงหลี่ต๋าคางก็มาแล้ว งั้นโหจื่อก็ไม่จำเป็นต้องพาหลี่ฝางออกไปแล้ว

โหจื่อหยุดฝีเท้า และหันหลังกลับไป และพิงเข้ากับต้นไม้ต้นนึง เตรียมตัวดูเรื่องสนุก

หลี่ฝางทักทายกับพ่อของตน และไม่ได้พูดอะไรต่อ

มาที่ส้าวส้วย หลังจากที่เขาเห็นหลี่ต๋าคาง ใบหน้าก็แสดงถึงความเคร่มขรึม

ส้าวส้วยก้มหน้า ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิด

“ลูกพี่ใหญ่ ผม……” ส้าวส้วยก้มหน้า และพูดอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วน

“ฉันไม่ได้คิดจะโทษนาย ฉันรู้ว่านายคันไม้คันมือ ถึงขนาดนี้แล้ว งั้นก็ตามสบาย ขยับหน่อยแล้วกัน”

หลี่ต๋าคางพูดด้วยสีหน้านิ่ง

วันที่กลับมาจากต่างประเทศ หลี่ต๋าคางก็ตรวนส้าวส้วยไว้

มันก็แค่ชุดที่หนักร้อยกิโลเท่านั้นเอง

และยังสั่งส้าวส้วยว่า อยู่ในประเทศ ห้ามถอดเสื้อผ้าบนร่างออกมาโดยเด็ดขาด

นอกจากจะเจอศัตรูที่เก่งกาจ แล้วไม่มีทางเลือก

แต่ในวันนี้ ส้าวส้วยไม่ได้แสดงฝีมือทั้งหมดของตัวเองออกมา ไม่ได้ถูกทำให้หมดหนทางเลยสักนิด

แต่ส้าวส้วยกลับผิดคำสัญญาที่ให้ต่อหลี่ต๋าคางไว้ แล้วถอดชุดบนร่างของเขาออก

ทันใดนั้น หลี่ต๋าคางก็พูดขึ้นอีก: “ไม่ต้องให้เหลือรอดชีวิต”

“ไม่งั้น ความสามารถที่แท้จริงของนาย จะโดนพวกสำนักหยิ่งซาจดจำไว้”

“แบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดี” หลี่ต๋าคางพูดเตือน

“ครับ ลูกพี่ใหญ่”

ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วพูด: “ผมจะไม่ให้เหลือรอดไปได้ครับ”

คนคลุมหน้าทั้งสี่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของส้าวส้วย สีหน้าก็เหี้ยมขึ้นทันที

“วางใจแล้วไปเถอะครับ”

หลี่ต๋าคางปัดมือ แล้วพูด: “ฝั่งนี้มีฉันอยู่”

ส้าวส้วยอืม หลี่ต๋าคางมาแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

หรือว่า คนคลุมหน้าสี่คนนี้ จะสามารถฆ่าหลี่ฝางต่อหน้าหลี่ต๋าคางได้เหรอ?

น่าขำสิ้นดี

“ลูกพี่ใหญ่ คนคลุมหน้าสี่คนนี้เป็นใครมาจากไหน?” โหจื่อถามอย่างสงสัย

“สี่ผีแห่งหยางโจว”

หลี่ต๋าคางส่ายหน้าพลางหัวเราะ: “อีกไม่นาน พวกนั้นก็กลายเป็นผีไปจริงๆ ”

“สำนักหยิ่งซาในประเทศยังมีลูกศิษย์อีกมากมายครับ” โหจื่อหัวเราะ แต่ก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย

สี่ผีแห่งหยางโจว ชื่อเสียงระดับประเทศไม่ถือว่าดังสักเท่าไหร่

แต่ว่าฝีมือของพวกเรา กลับทำให้หมาทิเบตันถึงกับต้องกลืนน้ำลาย

ฝีมือของทั้งสี่คนมารวมกัน มันเทียบได้กับหัวหน้าสำนักหยิ่งซาที่ซ่อนตัวอยู่ได้เลย

และความเข้ากันของทั้งสี่คนนี้เข้ากันได้โดยปริยาย พวกเขาคือแฝดสี่

พวกเขามีจิตสัมผัสถึงกัน พวกเขาไม่ต้องใช้คำพูด ขอแค่ใช้สายตา ก็สามารถร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม

พี่ใหญ่ของสี่ผีแห่งหยางโจว ค่อยๆ เดินขึ้นหน้ามา

เดินมายังด้านหน้าของหมาทิเบตัน พี่ใหญ่มันมองหมาทิเบตัน และพูดขึ้น: “หมาทิเบตัน ขอยืมดาบของนายหน่อยนะ”

“เออ”

หมาทิเบตันตอบตกลง และยื่นดาบขึ้นมา

หลังจากที่หมาทิเบตันยื่นดาบให้ ก็พลิกตัว

แขนของเขา ได้รับบาดเจ็บอย่างมากจากการถูกยิง จำเป็นต้องพันแผลเองก่อน

ที่จริงหมาทิเบตันอยากจะหลบมุม แล้วก็พันแผลให้ตัวเอง แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ช่วงอก มีแสงบางอย่าง

ดาบเล่มนั้น ฟันผ่านร่างของเขาไป ผ่าไปที่หัวใจของเขา

“ไอ้ไร้ประโยชน์!”

พี่ใหญ่มันพูดอย่างเย็นชา: “มีนายอยู่บนโลกนี้ เป็นความอัปยศที่สุดของสำนักหยิ่งซา”

หลี่ฝางรู้สึกหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้

แม้แต่คนของตนเองยังฆ่าลง!

ส้าวส้วยยิ้มตาหยี: “ขอบใจนายที่ช่วยจัดการ แบบนี้ ฉันก็ฆ่าคนน้อยลงไปคนนึง”

“ที่จริงต้องฆ่าห้าคน ตอนนี้ ฉันฆ่าแค่สี่คนก็พอแล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างชิวๆ

“ฆ่าพูดเราสี่คน? ไม่ปล่อยให้รอดไป?”

สี่ผีแห่งหยางโจวหัวเราะอย่างเย็นชา

ถึงแม้จะเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดบนแผ่นดินนี้ ก็คงไม่กล้าพูดแบบนี้หรอกมั้ง

ถึงแม้จะสู้ไม่ชนะ หรือว่า ยังจะหนีไม่ได้เหรอ?

“ใช่แล้ว”

“นายไม่เชื่อเหรอ!”

“งั้นก็ดี ฉันจะฆ่าให้นายดู!”

ส้าวส้วยหัวเราะ พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดิน

ความเร็วของส้าวส้วย ไวสุดๆ

พี่ใหญ่มันคนนั้นยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ส้าวส้วยก็พุ่งเข้าไปแล้ว

“เร็วมาก!”

พี่ใหญ่มันยกดาบขึ้น และเริ่มแกว่งดาบทันที

แต่ว่า ส้าวส้วยหลบพี่ใหญ่ของมัน แล้วพุ่งไปทางพี่รองที่อยู่ด้านหลังของพี่ใหญ่แทน

พี่รองจ้องไปที่พี่ใหญ่ เขาคาดไม่ถึง ว่าตนอยู่ห่างจากส้าวส้วยที่สุด แต่กลับถูกทำร้ายเป็นคนแรก

ทันใดนั้นเขาก็ควักมีดขึ้นมาทันที จากนั้นก็กำมันไว้ในมือ

และในวินาทีนั้น ร่างของส้าวส้วย ก็มาอยู่ตรงหน้าของพี่รองแล้ว

ส้าวส้วยคว้าแขนพี่รองไว้ แล้วยิ้มตาหยี: “ลาก่อนนะ พวก!”

เสียงดังปั้ก

ส้าวส้วยใช้ร่างของเขา กระแทกเข้าไปที่พี่รองจนเขากระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร

พี่รองนอนกองอยู่บนพื้น และกระอักเลือดออกมาเยอะมาก

“หมัดป่าจี๋?” คนคลุมหน้าคนนึงนึกขึ้นได้

ส้าวส้วยพยักหน้า: “รอบรู้ดีนี่!”

หมัดป่าจี๋ หรือที่เรียกว่าหมัดเข้าซาน

สำหรับการต่อสู้ระยะประชิด นี่คือท่าไม้ตายเลยทีเดียว

ถ้าฝึกหมัดป่าจี๋จนถึงขั้นสูงสุด พูดได้เลยว่าสามารถชนต้นไม้ที่มีอายุเป็นสิบๆ ปี ให้ล้มลงได้เลย

พี่รองในตอนนั้น นอนกองอยู่บนพื้น คลานขึ้นมาไม่ได้แล้ว

กระดูกซี่โครงของเขา แตกสลายหมดแล้ว

ไม่ใช่แค่กระดูกซี่โครง แม้แต่เครื่องในของเขา ก็ได้รับบาดเจ็บด้วย

นอกจากว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้น มากสุดเขาก็ทนได้แค่สิบนาที ก็ตายแล้ว

คนคลุมหน้าที่เหลืออีกสามคน ทุกคนโดนฝีมือของส้าวส้วย ทำให้ตกใจจนหน้าซีดเผือด

ความเร็วของส้าวส้วยเร็วเกินไปแล้ว มาถึงจุดที่เทียบกับผีได้เลย

“พี่ใหญ่ พวกเราเอาไงกันดี?”

หลังจากที่เห็นพี่รองตายไป น้องเล็กก็รู้ได้ว่า ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วยเลย

พี่รองเก่งกว่าน้องเล็กมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังโดนส้าวส้วยฆ่าในพริบตา

“พวกเราจะหนี หรือว่าสู้?”

น้องเล็กมองไปที่พี่ใหญ่แล้วถาม

พี่ใหญ่โมโหเลือดขึ้นหน้า และพูดอย่างหนักแน่น: “ทำให้ดีที่สุด สู้จนตัวตาย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท