NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 452

ตอนที่ 452

บทที่ 452 ของขวัญสุดพิเศษ

ในฐานะนักรบรับจ้าง และยังเป็นคนขององค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก ยังไม่ทันได้เริ่มสู้ ก็จะหนีซะแล้ว เรื่องแบบนี้ มันน่าขายหน้าเกินไป

ถึงแม้จะสามารถหนีออกไปได้ แต่สำนักหยิ่งซา ก็ต้องไล่ฆ่าเขาอยู่ดี

สำนักหยิ่งซา ไม่ยอมให้คนที่หนีไปมีชีวิตรอดหรอก

น้องรองกับน้องเล็กมองตากัน แล้วพยักหน้า: “ได้ งั้นก็สู้ตาย”

หลี่ต๋าคางหยิบบุหรี่ขึ้นมา แล้วจุดให้ตัวเอง: “โหจื่อ นายว่าอาจารย์ของนายเมื่อไหร่จะจำกัดพวกลูกกระจ๊อกนี่ให้หมดสักที?”

“ลูกพี่ใหญ่สูบบุหรี่มวนนี้เสร็จ ผมคิดว่าน่าจะประมาณนั้น” โหจื่อหัวเราะ พูดด้วยสีหน้าชิวๆ

ได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของอาจารย์ตนเอง โหจื่อก็รู้สึก ตื่นเต้นเอามากๆ

นานมากแล้ว ที่โหจื่อไม่ได้เห็นส้าวส้วยออกโรง

โหจื่อเลิกคิ้ว: “ลูกพี่ใหญ่ เมื่อไหร่ทานจะออกโรงสักที ให้ผู้น้อยได้เห็นเป็นบุญตา?”

หลี่ต๋าคางหัวเราะ: “เมื่อมีโอกาส”

“สำนักหยิ่งซาเล็งฉันไว้อยู่”

หลี่ต๋าคางถอนหายใจ: “ที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากลงมือกับสี่ผีแห่งหยางโจวหรอก”

“เฮ้อ แต่พวกมันรนหาที่ตายเอง”

ขณะที่กำลังพูด พี่ใหญ่ของสี่ผีแห่งหยางโจว ก็ได้ยกดาบขึ้นมาแล้ว

ดาบเล่มนี้ แกว่งได้ดีกว่าหมาทิเบตันมาก

รวดเร็ว เพียงพริบตา

ส้าวส้วยถูกทำให้ถอยหลังไปเกือบสิบก้าว ส่วนน้องรองและน้องเล็กก็ไปอยู่ที่ด้านหลังของส้าวส้วยแล้ว เตรียมลอบโจมตี

น้องรองและน้องเล็กอยู่ซ้ายคนขวาคน และพุ่งเข้าไปหาส้าวส้วย

ทั้งสองคนชูหมัดที่กำแน่น แล้วชกไปทางหน้าทางซ้ายและขวาของส้าวส้วย

ใช้ตามองหมัดของพวกเขาพุ่งเข้าไปถึงบริเวณใบหน้าของส้าวส้วยแล้ว แต่จู่ๆ ส้าวส้วยก็ไม่อยู่แล้ว

กำปั้นทั้งสองของน้องรองและน้องเล็ก ในตอนนั้นก็ดึงกลับไม่ทันแล้ว

หมัดของทั้งสอง ถูกชกไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง

ปั้ก ปั้ก

หลังจากที่ทั้งสองแลกหมัดกัน ฟันก็กระเด็นหลุดออกมาหลายซี่

“น้องเล็ก นายบ้าไปแล้วเหรอ นายต่อยฉันทำไม?” น้องรองด่าขึ้นเสียงดัง

“เชี่ย นายสิเป็นบ้าเหรอ นายก็ต่อยฉันเหมือนกันนะ!” น้องเล็กพูดย้อน

“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตีกันเอง”

พี่ใหญ่เดินเข้ามา เขาถือดาบไว้ และมองส้าวส้วย: “ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ฆ่าฉัน?”

“ไม่เจียมกะลาหัวเลยจริงๆ !”

ส้าวส้วยอดไม่ได้ที่จะขำ

ในตอนนี้ พี่ใหญ่มองไปที่น้องรอง ทันใดนั้น น้องรองก็ล้วงกระเป๋า หยิบลูกแก้วสีดำขึ้นมาลูกนึง

ลูกแก้วลูกนี้ ใหญ่ประมาณเหรียญสิบบาท

พี่ใหญ่ถือดาบและพุ่งเข้ามา

ขณะที่ส้าวส้วยหลบดาบ น้องรองก็มองดูจังหวะ และโยนลูกแก้วสีดำนั้นเข้าไป

ส้าวส้วยหรี่ตาดูอยู่ครู่ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติอยู่แล้ว เขาจึงยื่นมือ เข้าไปคว้าแขนของพี่ใหญ่ จากนั้นก็ล็อกแขนของเขา

“ลำบากนายแล้ว!”

ส้าวส้วยยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่พี่ใหญ่โดนล็อกอยู่

ลูกแก้วสีดำ ทั้งหมดก็ถูกเขวี้ยงไปโดนร่างของพี่ใหญ่

ลูกแก้วสีดำเมื่อกระทบกลับร่างของคน ก็จะระเบิด

พี่ใหญ่ถูกฆ่าตายตรงนั้น ทิ้งไว้แค่หยดน้ำตาของความรู้สึกผิด

“พี่ใหญ่!”

น้องรองร้องโอดครวญ พลางทำสีหน้าโหดเหี้ยม

เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าตนจะเป็นคนฆ่าพี่ใหญ่ด้วยมือของตนเอง

“ฉัน……ฉันจะฆ่าแก!”

น้องรองกัดฟันกรอด พลางมองส้าวส้วย

น้องรองควักลูกแก้วสีดำออกมาสองลูก จากกระเป๋าของตนอีกครั้ง

และในขณะเดียวกัน มือของส้าวส้วย ก็มีลูกเหล็กเรียวเล็กอยู่สองลูก

ขณะที่น้องรองกำลังจะโยนลูกแก้วนั้น ส้าวส้วยก็นำไปก่อนหนึ่งก้าว เขวี้ยงลูกเหล็กนั่นออกไป

ลูกเหล็กนั่นเขวี้ยงมากระทบกับลูกแก้วสีดำ ทันใดนั้นลูกแก้วสีดำก็ระเบิดทันที

มือทั้งสองข้างของน้องรอง ก็เละและอาบไปด้วยเลือดเพียงชั่วพริบตา

เสียงร้องโอดครวญ ดังออกมาจากปากของน้องรอง

น้องเล็กหวาดกลัวแล้วถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็หันหลัง และเริ่มหนีเอาตัวรอด

“โหจื่อ”

ในตอนนั้น หลี่ต๋าคางก็เอ่ยปาก

โหจื่อพยักหน้า ขณะที่พยักหน้า กระสุนหนึ่งนัด ก็ถูกยิง ออกจากกระบอกปืนของโหจื่อ

เสียงดังปัง กะโหลดด้านหลังของน้องเล็ก ก็ถูกสอยร่วงทันที

“จบแล้ว”

หลี่ต๋าคางดีดบุหรี่ออกจากมือ ลงบนพื้น และใช้เท้าเหยียบให้ดับ

ส้าวส้วยหยิบดาบมาจากมือของพี่ใหญ่ และเดินไปยังด้านน้องของน้องรอง: “ลงไปอยู่เป็นเพื่อนพี่น้องนายเถอะ มีชีวิตเหลืออยู่ตัวคนเดียวบนโลก มันเหงานะ”

ส้าวส้วยพูด พลางเขวี้ยงดาบ แทงลงไปที่ตรงกลางคอหอยของน้องรอง

ทันใดนั้นน้องรองก็เลิกต่อสู้ทันที

ส่วนหูเฟยในตอนนี้ ได้เห็นก็ถึงกับอึ้งไปเลย

ต้องจับส้าวส้วยมั้ย?

ถึงยังไงเขาก็ฆ่าคนไปสามคน ต่อหน้าต่อหน้าตน โหจื่อก็ฆ่าไปคนนึง

แต่หูเฟยก็ไม่กล้า ทั้งสองคนนี้ฝีมือเก่งกาจอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากตนบอกว่าจะจับกุมพวกเขา บางทีเขายังไม่ทันได้หยิบกุญแจมือ ก็คงจะถูกโหจื่อสอยหัวร่วงแล้ว

จู่ๆ หลี่ต๋าคางก็ควักแฟ้มเอกสารออกมาจากกระเป๋าด้านใน แล้วยื่นให้หูเฟย: “ผู้บัญชาการตำรวจหู คุณเป็นผู้บัญชาการมานานหลายปีแล้ว ได้เวลาเลื่อนขั้นแล้ว”

“นี่คือ?” หูเฟยมองไปที่แฟ้มเอกสาร พลางทำหน้างงๆ

“นี่คือหลักฐานความผิดที่สี่ผีแห่งหยางโจวกระทำภายในประเทศ”

หลี่ต๋าคางหัวเราะ แล้วพูด: “พวกเขากระทำผิดหลายคดีเลยแหละ”

“เอาศพทั้งสี่นี้กลับไปที่กองบัญชาการ นายก็ได้เลื่อนขั้นแล้ว”

หลี่ต๋าคางพูดจบ ก็เดินออกไปในทันที

หูเฟยรีบเปิดแฟ้มเอกสารดูทันที ในนั้นมีคดีที่สี่ผีแห่งหยางโจวทำความผิด เขาจำมันได้ขึ้นใจ

หูเฟยได้เห็น ก็ตาเป็นประกายทันที

หูเฟยควักโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรหา คนของตนทันที: “พาคนมีที่ป่าด้านข้างบ้านตระกูลฉิน”

หลังจากวางสาย หูเฟยก็ยิ้มอย่างพอใจ

กระดูกแขนที่หักของเขา ก็ไม่มีอารมณ์ไปรักษาแล้ว

เมื่อหลี่ต๋าคางเดินออกมาจากป่า ไอ้หน้าหนวดก็เดินเข้ามา เขาอุ้มศพของหมาทิเบตันขึ้นมา และเดินตรงเข้าไปในป่าลึก

หูเฟยก็ไม่ได้ห้าม เขารู้ว่า นี่คือคนของหลี่ต๋าคาง

“พ่อฉันเอาศพของหมาทิเบตันไปทำอะไร?”

หลี่ฝางถามขึ้นอย่างสงสัย

“เจ้านาย อยากจะรู้ก็ไปถามลูกพี่ใหญ่ดูสิ นายถามฉัน ฉันจะไปรู้มั้ย” โหจื่อยู่ปากใส่พลางส่ายหน้า

ส้าวส้วยกลับมาแล้ว บนร่างเขา มีหยดเลือดอยู่หลายหยด

เป็นเลือดของสี่ผีแห่งหยางโจวที่ทิ้งไว้

“อาจารย์ ร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ” โหจื่อกรูเข้าไปประจบ

“เหรอ?”

ส้าวส้วยหัวเราะแห้งๆ และหยิบเสื้อของตน ขึ้นมาสวมอีกครั้ง

ในตอนนั้น หลี่ฝางก็ชื่นชมในตัวส้าวส้วยสุดๆ

เมื่อก่อน หลี่ฝางแค่คิดว่าส้าวส้วยแค่รู้จักต่อสู้บ้าง แล้วก็เคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี

แต่วันนี้หลี่ฝางถึงได้รู้ ส้าวส้วยคนนี้ เป็นผู้มีฝีมือชั้นสูงของโลก

ทั้งสามเดินออกมาจากป่าด้วยกัน หลี่ฝางมองไปทางบ้านตระกูลฉิน

บ้านตระกูลฉิน ไฟสว่างจ้า หลี่ต๋าคางมองไปทางบ้านตระกูลฉิน ก็เห็นหน้าคนที่คุ้นเคยไม่น้อย

“คนของสี่ตระกูลใหญ่ มาแค่มู่หรงฉางเฟิงคนเดียวเหรอ?” หลี่ต๋าคางส่ายหน้าอย่างผิดหวัง

“ไปเถอะ”

หลี่ต๋าคางเดินขึ้นรถอาวดี้a4สีขาว และพาโหจื่อไปด้วย

ส่วนส้าวส้วย ก็ไปกับหลี่ฝาง

เมื่อหลี่ฝางขึ้นรถ ก็ได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย

นั่นคือซือถูเฟย!

“คุณชายหลี่” ซือถูเฟยมองหลี่ฝาง แล้วพูดทักทาย: “นายก็มาด้วย?”

หลี่ฝางพยักหน้า: “ฉันเตรียมตัวกลับแล้ว”

“รีบกลับไปทำไมล่ะ ถ้านายไม่เป็นอะไร หลังจากที่ฉันเข้าไปคำนับนายท่านฉินเสร็จ พวกเราไปหาที่คุยกัน” ซือถูเฟยพูด

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ ที่จริงอยากจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมา ซือถูเฟยคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่จะมาทำร้ายเขา

ส่วนส้าวส้วยก็อยู่ข้างกายเขา ตนจะกลัวไปทำไม

“ได้ ฉันจะรอนาย”

หลี่ฝางก็อยากจะเห็นว่าซือถูเฟยจะมาไม้ไหน

หลังจากที่ซือถูเฟยเข้าไปในบ้านตระกูลฉิน หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรไปที่เบอร์นึง……

ส่วนในตอนนี้ มู่เจิ้งถังก็ได้กลับถึงบ้านตระกูลมู่แล้ว

เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านตระกูลมู่ได้ไม่นาน เขาก็ได้รับกล่องสวยงามกล่องนึง

“นี่มันคืออะไร?” มู่เจิ้งถังถามขึ้น

“ท่านจวนส่งมาครับ เขาบอกว่าจะอวยพรวันเกิดให้ท่าน นี่คือของขวัญวันเกิดทีมอบให้ท่าน” ลูกน้องคนนึงพูดขึ้น

มู่เจิ้งถังยิ้มมุมปาก: “คิดไม่ถึง ว่าท่านจวนจะให้ของขวัญคนอื่นด้วย”

“นี่มันกี่ปีมาแล้ว ที่ท่านจวนไม่ได้ให้ของขวัญคนอื่น”

มู่เจิ้งถังหัวเราะเหอะๆ ในใจเต็มไปด้วยความยินดี

มู่เจิ้งถังแกะกล่องของขวัญด้วยตัวเอง พร้อมใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ฉันอยากจะดูหน่อย ว่าท่านจวนมอบของขวัญอะไรให้ฉัน”

ขณะที่มู่เจิ้งถังเปิดกล่อง ทันใดนั้นถึงกับต้องเซ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งร่าง

“หัวคน?” มู่เจิ้งถังพูดด้วยปากสั่นๆ

กล่องของขวัญนี้ มีหัวของหมาทิเบตันอยู่ในนั้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท