NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 454

ตอนที่ 454

บทที่ 454 ศัตรูเก่าของส้าวส้วย

“ไม่มีแหล่งกบดานที่แน่นอน?” หลี่ฝางอึ้งอยู่ครู่

“ใช่แล้ว ลูกพี่ใหญ่ยังสงสัยว่า สี่ตระกูลใหญ่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวเลย แต่เป็นองค์กรลึกลับองค์กรนึง อำนาจในประเทศของพวกเขา สามารถพูดได้ว่าสูงเฉียดฟ้า ในตอนนั้นพวกเราหนีไปที่ชายแดน ยังจะตามไปฆ่าเรา”

ส้าวส้วยนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน บนหน้า ก็แสดงให้เห็นถึงความอาฆาต

“ถ้าหากสี่ตระกูลใหญ่ไม่มีที่พักเป็นหลักเป็นแหล่ง งั้นซือถูเฟยจะพาเราไปไหน?” หลี่ฝางยิงคำถามต่อ

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม: “คนคนนี้จะไม่ทำร้ายเราจริงๆ เหรอ?”

ส้าวส้วยส่ายหน้า: “ถ้าหากเขามีความต้องการที่จะปองร้ายพวกเรา ฉันจะรู้สึกได้”

“บนตัวเขาเหมือนกับว่าจะมีความลับ”

ส้าวส้วยพูด: “ส่วนความลับจะเป็นอะไรนั้น คาดว่าจะรู้ได้ในไม่ช้า”

ส้าวส้วยพูด จู่ๆ ก็มองไปที่กระจกหลัง

“นั่นคือรถของมู่หรงฉางเฟิงนี่?” หลี่ฝางก็มองตามไปด้วย ก็ได้เห็นคนคันนึงที่คุ้นเคย

“รนหาที่ตายจริงๆ ”

มุมปากของส้าวส้วยแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มดูถูก จากนั้นก็หักเลี้ยวร้อยแปดสิบองศา ทำการดริฟต์รถอยู่กับที่

ทันใดนั้น หน้ารถเบนซ์G-Class ก็หันตรงไปทางรถของมู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงชะลอความเร็วลง

ที่นั่งข้างคนขับของเขา มีมือปืนคนนึงนั่งอยู่ เขาควักปืนขึ้นมา เล็งไปที่ที่นั่งคนขับของส้าวส้วย แล้วยิ้มมุมปาก

“ไปตายซะเถอะ”

จากการขยับปาก หลี่ฝางก็รู้ได้ถึงคำพูดของอีกฝ่าย

เสียงปืนดังปัง ลูกกระสุน ถูกยิงผ่านกระจกหน้ารถของมู่หรงฉางเฟิง ตรงมาทางส้าวส้วย

ส้าวส้วยไม่ได้ทำท่าทีหลบเลยสักนิด เขาเหยียบคันเร่ง พุ่งเข้าไปชนอีกฝ่าย

“กระจกกันกระสุน?”

สีหน้าของมือปืนเปลี่ยนไปทันที เขาคาดไม่ถึงว่า รถของหลี่ฝาง จะเป็นกระจกกันกระสุน

เมื่อได้เห็นฉากนี้ หลี่ฝางก็ถึงกับตกใจ

“เปลี่ยนกระจกให้ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ฝางประหลาดใจเล็กน้อย แล้วมองส้าวส้วยพลางถาม

ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “เปลี่ยนตั้งนานแล้ว เจ้านายดูไม่ออกเหรอ?”

หลี่ฝางส่ายหน้า ใครจะไปสังเกตเรื่องพวกนี้กัน?

ส้าวส้วยเหยียบคันเร่งตามไป ส่วนมู่หรงฉางเฟิงก็เริ่มใส่เกียร์ถอย

มือปืนคนนั้นลองเล็งปืนอีกครั้ง

เขาหรี่ตาคู่นั้น แล้วเล็งปากกระบอกปืนใส่ส้าวส้วย

“ไอ้หน้าโง่นี่”

หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก แล้วพูด: “เขาก็รู้ๆ อยู่ว่ารถเป็นกระจกกันกระสุน ยังจะยิง?”

ส้าวส้วยส่ายหน้า แล้วพูด: “มันชื่อว่าเสี่ยวเหยเป็นมือปืนที่มู่หรงฉางเฟิงชุบเลี้ยงขึ้นมา ยิงปืนแม่นมาก”

“ยิงปืนแม่แล้วยังไง กระจกรถพวกเรากันกระสุนนะ!” หลี่ฝางพูดอย่างดูถูก

“ไม่จำเป็น!” ส้าวส้วยส่ายหน้า และสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที

ขณะที่หลี่ฝางกำลังพูดกับส้าวส้วยอยู่นั้น

ปังปังปัง!

มือปืนคนนั้น ใช้สองมือเล็งปืน แล้วยิงติดกันสามนัดรวด

ลูกกระสุนสามนัด ถูกยิงออกมาเวลาใกล้เคียงกัน

“มันจะทำอะไร?” หลี่ฝางพูดพลางเบิกตากว้าง

“มันจะยิงกระจกกันกระสุนเราให้แตก” ส้าวส้วยขมวดคิ้ว

กระจกกันกระสุนมันกันกระสุนไม่ใช่เหรอ?

หลี่ฝางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

แต่ในตอนนั้น หลี่ฝางก็ต้องเชื่อแล้ว

กระสุนสามนัด ถูกยิงไปที่จุดเดียวกัน ลงจุดตรงกลาง

เสียงดังเพล้ง กระจกกันกระสุนแตก มีรอยร้าวเกิดขึ้น

“กระจกของเราไม่ใช่กระจกกันกระสุนธรรมดา พวกเราผ่านการเคลือบให้หนาขึ้น หากไม่มีกระสุนยิงติดห้านัด ก็ไม่สามารถทะลุได้” ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วยิ้มอย่างดูถูก

มือปืนที่นั่งอยู่บนรถของมู่หรงฉางเฟิง สีหน้าก็เปลี่ยนทันที

“แม่งเอ๊ย!”

กระสุนในปืนของเขาเหลือไม่มากแล้ว ยังจะต้องเก็บไว้ฆ่าส้าวส้วยกับหลี่ฝางอีก

“ยิงกระจกมันให้ทะลุก่อนค่อยว่ากัน”

มู่หรงฉางเฟิงที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับพูดขึ้น: “เร็วหน่อย ไม่งั้นพวกมันจะตามเราทันแล้ว”

ส้าวส้วยก็พุ่งขึ้นหน้าไป มู่หรงฉางเฟิงก็เข้าเกียร์ถอย

ความต้องการของส้าวส้วยนั้นชัดเจนมาก คือต้องการชนมู่หรงฉางเฟิงไง

“ครับ!”

มือปืนรับรู้ได้ถึงอันตราย เขายกปืนขึ้นมาทันที

ปังปังปัง!

ยิงออกมาอีกสามนัด เขาเหนี่ยวไกปืนติดกันสามครั้ง แล้วยิงออกมา

กระสุนแต่ละนัด เล็งตรงไปที่กระจกที่มีรอยร้าว และยิงซ้ำ

จู่ๆ หลี่ฝางก็พบว่า มือปืนคนนี้ นอกจากฝีมือยิงปืนจะดีแล้ว สายตายังดีอีกด้วย

เขาถึงกับสามารถมองเป้าหมายขณะขยับไปมาได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้จู่ๆ หลี่ฝางก็รู้สึก ชื่นชมมือปืนคนนี้

“คิดได้ดีนี่” ส้าวส้วยยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเบี่ยงรถอย่างรวดเร็ว ครู่นั้น กระสุนทั้งสามนัด ถูกยิงไปที่ที่ไม่ซ้ำกันเลยสักจุด

พูดได้ว่า กระสุนสามนัดนี้ ยิงมาเสียเปล่า

“ด้านหลังเป็นทางโค้งแล้ว!”

มู่หรงฉางเฟิงเหงื่อตก เขาไม่สามารถถอยหลัง เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้

ในตอนนั้นส้าวส้วยก็ได้เร่งความเร็วรถ

“โดด!”

มือปืนเบิกตากว้าง แล้วพูดกับมู่หรงฉางเฟิงเสียงดัง

ขณะที่พูดนั้น มู่หรงฉางเฟิงก็ปล่อยมือจากพวงมาลัย แล้วเปิดประตูรถ จากนั้นก็กระโดดลงจากรถ

มือปืนคนนั้นก็กระโดดเช่นกัน

รถเบนซ์G-Classในตอนนั้น ก็ชนเขาไปที่รถของมู่หรงฉางเฟิง

“เจ้านาย มาขับรถที”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็เปิดประตู กระโดดลงจากรถไป

“นายยังเหลือกระสุนอีกสองนัด”

ส้าวส้วยกระโดดลงจากรถ แล้วมองมือปืนคนนั้น: “จะยิงตอนนี้? หรือว่าเก็บไว้ในรังปืนของนาย”

“นายอยากฆ่าฉัน?”

มือปืนมองส้าวส้วย แล้วยิ้มอย่างดูถูก: “นายคิดว่า นายฆ่าฉันได้เหรอ?”

“รนหาที่ตายเอง ถ้าหากนายหลบอยู่ในรถอย่างเชื่องๆ อยู่ใต้กระจกกันกระสุนนั่น บางที นายอาจจะรอดไปได้อีกหลายวัน แต่ตอนนี้……” มือปืนยิ้มอย่างดูถูก

ขณะที่มือปืนพูดจบ เขาก็ยกปืนในมือขึ้น แล้วเล็งไปที่ส้าวส้วย

“ฉันรู้ว่านายว่องไว แต่ถึงจะไวขนาดไหน มีเหรอจะไวกว่ากระสุนปืน?” มือปืนพูดอย่างเย็นชา

พูดจบ มือปืนก็เหนี่ยวไกทันที

ในขณะที่มือปืนเหนี่ยวไกปืนนั้น ก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไกหนึ่งวินาที หรืออาจจะไม่ถึงหนึ่งวินาที

ส้าวส้วยก็ขยับตัว

ลูกกระสุนก็ลั่นผ่านข้างตัวของส้าวส้วยไป ไม่เบี้ยวเลย

มือปืนถึงกับอึ้ง: “เป็นไปได้ยังไง? นายเร็วกว่าลูกกระสุนได้ยังไง?”

“ฉันไม่ได้เร็วกว่ากระสุนหรอก”

ส้าวส้วยส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันแค่กะเวลาที่นายจะลั่นไกปืนได้ตรงพอดีเท่านั้น”

“มือตอนที่นิ้วของนายออกแรง ขณะที่เหนี่ยวไกปืนนั่น ฉันก็ขยับเบี่ยงตัวแล้ว แค่นายไม่ทันสังเกตเท่านั้น”

ส้าวส้วยมองมือปืนอย่างนิ่งๆ แล้วพูด: “นายยังเหลือกระสุนอีกหนึ่งนัด จะยิงมัน หรือว่าเหลือไว้ให้ตัวเอง?”

“นายมันปีศาจ!”

มือปืนมองส้าวส้วย พลางทำสีหน้าเข้ม

ในใจของมือปืน นั้นมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น

ดังนั้นมือของเขา จึงเกิดอาการสั่นเล็กน้อย

เสียงปังดังลั่น มือปืนคนนี้สุดท้ายก็เลือกที่จะยิงมันออกมา

เป็นไปตามที่เขาคาด ส้าวส้วยหลบมันได้อีกครั้ง

“ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย” ส้าวส้วยพูดอย่างดูแคลน

บนหน้าของมือปืน แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง

“ปล่อยฉันไปสักครั้งได้มั้ย?”

มือปืนมองส้าวส้วย พลางพูด: “ฉันยังไม่อยากตาย”

“คนที่ตายด้วยปืนของนาย อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มีแปดสิบเปอร์เซ็นต์ หรือว่าคนพวกนั้นอยากตายเหรอ?” ส้าวส้วยถามกลับอย่างเย็นชา

“ฉันจะออกไปจากเมืองเอก ออกจากสี่ตระกูลใหญ่ และจะไม่โผล่หน้ามาต่อกรกับพวกนายอีกแล้ว”

มือปืนขอร้องอ้อนวอน

คนตอนที่กำลังจะตาย ต่างกันเสียดายชีวิต และมีความหวังที่จะได้อยู่ต่อไป

เพื่อที่จะอยู่รอด จะกลัวหรือลังเล การอ้อนวอนขอชีวิตไปทำไม

แม้ว่าเขาจะเป็นมือปืนที่ฆ่าคนโดยไม่ต้องกะพริบตาก็ตาม……

“เมื่อเทียบกับคำสัญญาของนาย ฉันเลือกจะเชื่อคนตายมากกว่า เพราะมีแค่คนตาย ที่ไม่สามารถโกหกฉันได้” ส้าวส้วยพูดอย่างนิ่งๆ

มือปืนกลัวตาย เขาเงยหน้ามองส้าวส้วย ราวกับมองพระเจ้าอย่างไงอย่างงั้น: “ฉันขอร้อง ฉันมีลูกมีเมีย ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันถูกบังคับมา”

“ไม่มีใครบังคับนาย”

ส้าวส้วยส่ายหน้า: “นี่มันเป็นทางที่นายเลือกเอง”

“นายเคยทิ้งลูกกระสุนนัดนึง ไว้ที่แขนของฉัน”

ขณะที่พูด ส้าวส้วยก็ควักลูกกระสุน ออกมาจากกระเป๋านึงลูก: “นี่เอาออกมาจากแขนของฉัน”

“สามปีแล้ว ถึงเวลาคืนมันให้นายสักที”

ส้าวส้วยพูดพลางยิ้ม

มือปืนคนนั้นร้องห้าม อย่า อย่านะ

เขาขอร้องอ้อนวอนส้าวส้วยไม่หยุด จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปควักปืนกระบอกนึง ที่อยู่ตรงเอวของเขาขึ้นมา

เขาเร็วมาก แต่ก็ ไม่เร็วเท่าส้าวส้วย

ขณะที่มือปืนควักปืนออกมา แล้วชูขึ้น ลูกปืนในมือของส้าวส้วย ก็ได้ลั่นออกไปแล้ว

ลูกปืนที่ส้าวส้วยลั่นออกไป ไปโดนตรงหว่างคิ้วของมือปืนพอดี

มือปืนคนนี้ ลงไปนอนกองกับพื้นทันที ดวงตาคู่นั้นไม่มีนัยน์ตาแสดงความรู้สึกอะไรแต่อย่างใด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท