NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 510 พี่น้องของฉัน จะโดนรังแกไม่ได้

บทที่ 510 พี่น้องของฉัน จะโดนรังแกไม่ได้

บทที่ 510 พี่น้องของฉัน จะโดนรังแกไม่ได้

“กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไสหัวไป ที่นี่ไม่มีใครยกนายเป็นพระเจ้า เข้าใจมั้ย?” หลังจากเหวี่ยงมือตบไปหนึ่งที หลี่ฝางก็พูด ด้วยสีหน้าเย็นชา

สีหน้าของหยิ่นเหล่ย เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

ต่อหน้าคนมากมาย หลี่ฝางตบหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ แบบนี้ไม่ไว้หน้ากันเลย

อยู่ด้านนอก มีคำพูดนึงว่าตีคนไม่ตบหน้า การตบหน้านี่ต้องไม่ทน

ที่หลี่ฝางตบหน้าของหยิ่นเหล่ย แต่หยิ่นเหล่ยก็ไม่กล้าถือหลี่ฝาง

ข้อแรก เขาไม่มีความสามารถที่จะเอาเรื่องหลี่ฝาง

ข้อสอง เขามีเรื่องจะต้องขอร้องหลี่ฝาง

“ครับ คุณชายหลี่” หยิ่นเหล่ยอดกลั้นความโกรธไว้ แล้วก้มหน้าพูด

การกระทำนี้ ทำเอาเจ้าของร้านตกใจ

ทันใดนั้น สายตาที่เจ้าของร้านมองหลี่ฝางก็เปลี่ยนไป

ทั้งร่างหยิ่นเหล่ยสวมของแบรนด์เนม แถมยังขับปอร์เช่พานาเมร่า ถึงเจ้าของร้านจะไม่รู้จักว่าอะไรที่เรียกว่าปอร์เช่พานาเมร่า แต่ก็พอดูออกว่าเป็นรถหรู

บวกกับที่เมื่อครู่หยิ่นเหล่ยควักเงินสองพัน ออกมาทิ้ง

ดังนั้นเจ้าของร้านจึงมั่นใจ ว่าลูกเศรษฐีคนนี้ จะต้องรวยมากแน่ๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าหยิ่นเหล่ยพูดจาไม่ได้ เจ้าของร้านก็ไม่อยากไล่เขาไปจริงๆ

แต่ลูกเศรษฐีที่โดดเด่นคนนี้ กลับอยู่ในอาณัติของหลี่ฝาง แถมยังทำตัวราวกับลูกน้องอย่างนั้น

นี่มันแสดงไม่ให้ว่า ฐานะของหลี่ฝาง ยิ่งไม่ธรรมดาเลย

“ยกเบียร์มาลังนึง” หลี่ฝางผงกหัวให้เจ้าของร้าน แล้วเดินออกมาจากห้องครัว

ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะสี่เหลี่ยมไว้ โต๊ะสี่เหลี่ยมตัวนั้นก็ไม่ได้สะอาดเท่าไหร่ หากใช้กระดาษทิชชูเช็ดแรงๆ ก็สามารถเช็ดคราบน้ำมันเล็กๆ ออกมาได้

ไห่เย่นขมวดคิ้ว รังเกียจเล็กน้อย

หลายปีที่ผ่านมา หล่อนกับหยิ่นเหล่ย ถ้าไม่ได้ไปภัตตาคารหรูทานอาหารตะวันตก เคยไปกินข้าวที่ร้านเล็กๆ แบบนี้ซะที่ไหน?

หล่อนโน้มตัวไปหาหยิ่นเหล่ย แล้วกระซิบเสียงเบา: “พวกเราต้องกินข้าวที่นี่จริงๆ เหรอ”

หยิ่นเหล่ยรังเกียจยิ่งกว่าไห่เย่นอีก เขาส่งสายตาให้ไห่เย่น: “รีบเอาสัญญาออกมา ให้คุณชายหลี่ดู”

ทันใดนั้นไห่เย่นก็รีบหยิบเอกสารสัญญาออกมา จากกระเป๋าLVของเธอ แล้วยื่นไปทางหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ฉันได้ยินมาว่าคุณคือเจ้าของของถนนบาร์ คุณเพิ่งได้เป็นเจ้าของ คงจะขาดหน่วยรักษาความปลอดภัยใช่มั้ย?”

“ต้าหัวกรุ๊ปของพวกเรา กำลังจะเป็นบริษัทที่มีหน่วยรักษาความปลอดภัย มากที่สุดในเมืองเอก คุณลองดู พวกเราสามารถเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกันได้มั้ย นี่คือเอกสารสัญญาที่ฉันร่างมา คุณลองดูหน่อยมั้ย?”

หลี่ฝางไม่แม้แต่จะเงยหน้า เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วเริ่มเล่นเกมไพ่

ไห่เย่นถือสัญญาอยู่ในมือ ยื่นให้ไม่มีใครรับ ส่วนหลี่ฝางก็ไม่เงยหน้า ทำเอาบรรยากาศกระอักกระอ่วนทันที

ไม่ใช่หลี่ฝางไม่ได้ยิน แต่แค่ทำเป็นไม่ได้ยิน

ไห่เย่นเป็นแฟนของหลี่ซ่วยซ่วย แต่กลับใกล้ชิดกับหยิ่นเหล่ยเกินงาม หลี่ฝางแค่อยากจะเอาคืนแทนหลี่ซ่วยซ่วย

ไห่เย่นยื่นให้อยู่นาน จนปวดมือ ในตอนนั้น เขาเรียกคุณชายหลี่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่หลี่ฝาง ก็ทำอย่างกับคนหูหนวก แค่เล่นเกม ไม่สนใจเธอ

“คุณชายหลี่ คุณลองดูสัญญาก่อน มีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสม ผมสามารถแก้ได้” หยิ่นเหล่ยพูดพลางทำหน้าร้อนรน

“เชี่ย แพ้อีกแล้ว”

หลี่ฝางสบถมาคำนึง แล้วเล่นเกมต่อ

“ไห่เย่น……” หยิ่นเหล่ยเรียกไห่เย่นเสียงเบา แล้วใช้คางชี้ไปทางหลี่ซ่วยซ่วย

ไห่เย่นเข้าใจความหมายของหยิ่นเหล่ยทันที แล้วสะบัดก้น มาข้างหน้าหลี่ซ่วยซ่วย จากนั้นก็ยื่นเอกสารสัญญาให้หลี่ซ่วยซ่วย: “ที่รักคะ ช่วยเค้าส่งเอกสารสัญญาให้คุณชายหลี่หน่อยนะคะ”

“อ๋อ” หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้าแล้วทำตาม

“หลี่ฝาง นี่เป็นสัญญาที่ไห่เย่นอดหลับอดหลับ สองวันสองคืนเขียนออกมา นายลองดูหน่อยนะ” หลี่ซ่วยซ่วยวางเอกสารสัญญาวางลงตรงหน้าหลี่ฝาง

หลี่ฝางถึงจะวางโทรศัพท์ลง แล้วเงยหน้ายิ้ม: “สองวันสองคืนทำออกมา?”

“ใช่ๆ” ไห่เย่นพยักหน้ารัวๆ

“ทำไมฉันไม่เห็นเธอขอบตาดำเลย?” หลี่ฝางหัวเราะเหน็บ

ไห่เย่นหัวเราะอย่างเลิ่กลั่ก: “ฉันใช้เครื่องสำอางกลบไว้”

“อ๋อเหรอ? เหอะๆ เรื่องแบบนี้เธอต้องใช้เวลาสองวันสองคืนทำมันออกมา เธอนี่ไร้ความสามารถขนาดไหนเหนี่ย”

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่เข้าใจเรื่องกระบวนการร่างสัญญา แต่ว่าสัญญาแรงงานแบบนี้ มันง่ายที่สุดแล้ว แต่บอกว่าจะแบ่งเงินกันยังไง จากนั้นถ้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ จะต้องชดเชยยังไง

พูดตามตรง สัญญาแบบนี้ในเน็ตก็มี แต่ปริ้นออกมา จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็มาคุยกันว่าจะแบ่งเงินกันยังไงก็พอแล้ว

เมื่อก่อนเหยสง เขาก็จ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยมาบริษัทนึง รายได้ที่ได้สิบเปอร์เซ็นต์ ก็แบ่งให้บริษัทรักษาความปลอดภัย

“แต่ว่าเพื่อเป็นการไว้หน้าซ่วยซ่วย ฉันจะลองดู” หลี่ฝางพูด

หลี่ฝางอยากจะบอกหยิ่นเหล่ยกับไห่เย่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่ซ่วยซ่วย สัญญานี้ เขาไม่อยากแม้แต่จะมอง

ไห่เย่นยิ้ม: “รบกวนคุณชายหลี่แล้ว”

หลี่ฝางเปิดอยู่หลายหน้า ดูอยู่ครู่ ก็ส่ายหน้า: “คิดว่าฉันโง่เหรอ?”

“บริษัทรักษาความปลอดภัยเมื่อก่อนของเหยสง เอาแค่สิบเปอร์เซ็นต์ พวกนายกลับอยากได้สิบห้าเปอร์เซ็นต์? ส่วนประกันของหน่วยรักษาความปลอดภัย ให้ฉันเป็นคนออก?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“คุณชายหลี่ คือแบบนี้ หน่วยรักษาความปลอดภัยของเรา ล้วนแต่อายุระหว่างยี่สิบห้าถึงสามสิบห้า ส่วนมากเพิ่งออกจากการเกณฑ์ทหาร ทุกคนมีฝีมือการต่อสู้ บริษัทที่เหยสงจ้างเมื่อก่อน ส่งคนมามีแต่เด็กน้อย คุณสมบัติมันเทียบกันไม่ได้”

“ราคาต่างคุณภาพก็ต่างกันครับ” หยิ่นเหล่ยยิ้มฮี่ๆ

หลี่ฝางหัวเราะหึ ที่จริงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เขาก็พอรับได้

“หากคุณชายหลี่คิดว่าเยอะไป พวกเราสามารถลดให้ได้สองเปอร์เซ็นต์……” หยิ่นเหล่ยพูดขึ้น

หลี่ฝางมองหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูด: “ซ่วยซ่วย ยกเบียร์มาลังนึง”

หลี่ซ่วยซ่วยรีบไปยกเบียร์มาหนึ่งลัง

“เปิดให้หมดเถอะ” หลี่ฝางพูดต่อ

หลี่ซ่วยซ่วยก็ทำตาม

หลังจากนั้น หลี่ฝางก็ส่งสายตาช็อตไปทางหยิ่นเหล่ย แล้วพูด: “วันนั้นที่บ้านพักตากอากาศ ซ่วยซ่วยดื่มหนัก ดื่มจนไม่เป็นผู้เป็นคน แถมร่างกายก็แพ้แอลกอฮอล์ เกือบตาย”

“เอ่อ……คุณชายหลี่ นี่มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราเหรอ?” หยิ่นเหล่ยยิ้มอย่างฝืนๆ และมองหลี่ฝางอย่างร้อนตัว

หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “ไม่เกี่ยวกับนายเหรอ?”

หน้าของหลี่ซ่วยซ่วยนิ่งไม่อยู่ ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมสักเท่าไหร่

“หลี่ฝาง เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว” หลี่ซ่วยซ่วยมองหลี่ฝาง ด้วยสายตาซับซ้อน

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “หลี่ซ่วยซ่วย ฉันเคยพูดกับนายใช่มั้ย พี่น้องของฉัน จะถูกรังแกไม่ได้ ครั้งนี้เสียใจ ฉันก็จะเอาคืนแทนเขา”

“ถ้านายเห็นฉันเป็นพี่น้อง ก็อย่ามาขัด!” หลี่ฝางทำหน้าจริงจังมองหลี่ซ่วยซ่วย

“ถ้านายยังเข้ามาขัด ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หลี่ฝางเตือนหลี่ซ่วยซ่วยหนึ่งประโยค

หลี่ซ่วยซ่วยยู่ปาก ไม่พูดอะไรแล้ว

“หยิ่นเหล่ย เรื่องนี้จะเกี่ยวกับนาย หรือไม่เกี่ยวกับนาย ไม่สำคัญ ที่สำคัญ ตอนนี้นายมีเรื่องขอร้องฉัน สำหรับฉันแล้ว กี่สิบเปอร์เซ็นต์ฉันไม่สน ฉันไม่สนเรื่องเงินพวกนั้น ฉันแค่ไม่ชอบขี้หน้านาย”

หลี่ฝางพูดออกไปตามตรง

หยิ่นเหล่ย ก็ก้มหน้าเหมือนกัน เขาไม่เคยเจอคู่ค้าที่รับมือยากแบบนี้มาก่อน มาถึงก็แสดงให้เห็นชัดๆ เลย ว่าไม่ชอบขี้หน้าตน

หยิ่นเหล่ยรู้ว่า สัญญานี้ คงจะคุยยากแล้ว

หยิ่นเหล่ยมองไห่เย่น ไห่เย่นจึงพูดขึ้นทันที: “คุณชายหลี่ ทั้งสองฝ่ายเลิกผูกใจเจ็บกัน เรื่องมันแล้ว ก็ให้แล้วกันไปนะคะ มา ฉันขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”

ไห่เย่นพูด พลางรินเหล้าให้ตัวเอง แล้วยกดื่มรวดเดียวหมด

หลี่ฝางส่ายหน้า: “ตอนนี้เธอเป็นแฟนของหลี่ซ่วยซ่วย ก็ถือว่าเป็นน้องสะใภ้ฉัน ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ”

“เพราะงั้น ทางที่ดีก็หุบปากไป”

หลี่ฝางหันไปมองหยิ่นเหล่ย แล้วถาม: “สัญญานี้ นายอยากเซ็นมั้ย?”

“แน่นอนว่าอยาก คุณชายหลี่ พูดมาเถอะ สรุปแล้วผมต้องทำอะไรคุณถึงจะยกโทษให้ผม? ผมควรทำยังไง ให้คุณเลิกไม่ชอบขี้หน้าผม!”

หยิ่นเหล่ยก็พอฟังออก เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางออกเลย

แต่แค่ อาจจะลำบากหน่อย

แต่สัญญานี้ มันเกี่ยวกับความก้าวหน้าของต้าหัวกรุ๊ปในเมืองเอก ดังนั้น หยิ่นเหล่ยอยากลองดู

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “พูดได้ดี พี่น้องฉันทำยังไง นายก็ทำอย่างนั้น”

พูดจบ หลี่ฝางก็ยกแก้วเบียร์ขึ้น แล้วยื่นให้หยิ่นเหล่ย: “คุณชายเหล่ยดื่มไวน์ดื่มแชมเปญมามากแล้ว ไม่รู้ว่าจะสนใจเบียร์Snowหรือเปล่า?”

หยิ่นเหล่ยรับแก้วมา แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “น่าจะไม่มีปัญหา”

“งั้นก็ดี”

หลี่ฝางยิ้ม: “ฉันชื่นชมคนที่ดื่มได้รวดเดียวหมดขวด”

“คุณชายเหล่ยแสดงให้ฉันดูหน่อยเป็นไง?”

หลี่ฝางเลิกคิ้ว แล้วมองหยิ่นเหล่ย พลางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท