NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่519 เฉินฝูเซิง โชว์สักหน่อยเถอะ

บทที่519 เฉินฝูเซิง โชว์สักหน่อยเถอะ

บทที่519 เฉินฝูเซิง โชว์สักหน่อยเถอะ

“คุณอาซาน เห็นแก่หน้าของพ่อฉัน ……”

โจวเสี่ยวชิงยังไม่ทันพูดจบ หลิวเหล่าซานดึงกางเกงขึ้นมา:“เด็กน้อย ผมบอกคุณนะ พ่อคุณไม่มีหน้าอะไรสำหรับผม เข้าใจไหม?”

“ในเมื่อคุณไม่ยอม ผมก็จะไม่บังคับคุณ เอาเงินของคุณออกไปเถอะ”

หลิวเหล่าซานโบกมือ พูดกับโจวเสี่ยวชิงอย่างเย็นชา

สีหน้าโจวเสี่ยวชิงตะลึงงัน มองหลิวเหล่าซานที่ดูไร้อารมณ์ แล้วก็เข้าสู้ความเงียบอยู่นาน

ไป?

ไปทางไหน?

หลี่ฝางอยู่ข้างนอก และตัวเองก็เกือบจะทำให้ลู่หลุ่ยตาย ถ้าตัวเองออกไป ถูกหลี่ฝางจับไว้ ตัวเองจะมีจุดจบอย่างไร?

โจวเสี่ยวชิงไกล้าจินตนาการต่อไป

“ทำไมคุณยังอ่อนหัดเหรอ”มองสภาพโจวเสี่ยวชิงที่ลังเลไม่ตัดสินใจ ความสนใจกลางใจของหลิวเหล่าซานก็มากขึ้น

หลิวเหล่าซานเดินมาตรงหน้าของโจวเสี่ยวชิง ใช้มือเงยคางของเธอ:“ทำไมไม่ชอบที่ลุงแก่เหรอ”

หลิวเหล่าซานหัวเราะอย่างเย็นชา:“ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณไปแตะต้องหลี่ฝางอย่างไร แต่ในเมื่อคุณยอมจ่ายสองหมื่นเพื่อจัดการเรื่องนี้ ผมว่านะ ความผิดที่คุณทำไม่ธรรมดาแน่”

“ตอนนี้มีสองเงื่อนไข ที่อยู่ตรงหน้าคุณ หนึ่งคือมาสนุกกับผม สองหมื่นนี้คุณเอาไป แต่ต่อไปคุณก็จะเป็นคนของผมหลิวเหล่าซาน ทุกสัปดาห์ต้องมาหาผมสองครั้ง เป็นผู้หญิงของผม ไม่ใช่มีเงินใช้ แต่ผมกล้ารับประกันว่า ช่วงที่คุณอยู่มหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีใครมารังแกคุณแน่”

“สองคือคุณรักษาคุณธรรมของตัวเองไว้ เหมือนกับแม่คุณเลย เหอะเหอะ แต่ถ้าแบบนั้น……ผมก็จะไม่ขู่คุณแล้ว ตายหรือเป็น คุณเลือกเองละกัน”หลิวเหล่าซานพูดย่างร่าเริง

“ฉันมีแฟนแล้ว”โจวเสี่ยวชิงเงยหน้าขึ้น มองหลิวเหล่าซานอย่างกลัวหน่อยๆ

“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณมีแฟนแล้วยังไง เราสองคนคือคู่รัก ผมก็ไม่ไปป่าวประกาศข้างนอก ถึงตอนนั้นตอนที่คุณมาหาผม ก็อธิบายกับเขาได้ว่ามาทำงาน ยังไงซะบ้านคุณก็จนซะเหลือเกิน เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ยิ่งทำให้เขาสงสารคุณ คุณว่าไหม?”

“ทำไมกลัวรู้สึกผิดต่อแฟนเหรอ งั้นก็ได้ ไปเถอะ”หลิวเหล่าซานโบกมืออย่างทนไม่ไหว แล้วพูด

โจวเสี่ยวชิงลังเลหน่อยๆ ที่เธอไม่ตอบตกลงคำขอของหลิวเหล่าซาน ไม่ใช่แค่กลัวรู้สึกผิดต่อแฟนของตัวเอง

โจวเสี่ยวชิงก็กลัวว่าเรื่องชั่วๆนี้จะแดงออกมา แบบนั้น ชีวิตนี้ตัวเองก็พังทลายลงแล้ว

พ่อของตัวเองรู้ จะต้องเอาตัวเองตายแน่

เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของตัวเองรู้ จะต้องนินทาตัวเองแน่

มหาวิทยาลัยของตัวเองรู้ จะต้องไล่ตัวเองออกแน่

นี่มันไม่ง่ายเลยที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ได้ โจวเสี่ยวชิงไม่อยากให้อนาคตพังทลาย

แต่ โจวเสี่ยวชิงมีทางออกอื่นไหม?

ไม่มี

โจวเสี่ยวชิงกัดปาก มองไปที่หลิวเหล่าซาน แล้วพูด:“คุณอาซาน งั้นคุณรับปากฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม?”

“พูดมาสิ”หลิวเหล่าซานหัวเราะเหอะเหอะ:“เงื่อนไขที่มากเกินไป อย่าได้เสนอล่ะ”

“เก็บเป็นความลับให้ฉันก็พอ”โจวเสี่ยวชิงพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

“ฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว”

“ที่แท้คุณก็กังวล ชื่อเสียงของตัวเองนี่เอง”

หลิวเหล่าซานหัวเราะอย่างเย็นชา พูดจบ ก็จับคุณหนูโจวเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง

ปังปังปัง ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูเข้ามาอีกครั้ง

“แม่เอ๊ย อะไรอีก?”ถูกรบกวนกับสุนทรียความงาม หลิวเหล่าซานก็โมโหสุดๆ

และโจวเสี่ยวชิงในตอนนี้ ก็ถูกหลิวเหล่าซานกระชากจนผมยุ่งเหยิงไปหมด เสื้อผ้าที่ตัว ก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว

“ลูกพี่ แย่แล้ว เจ้าเด็กนั่นพาคนมากลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างพกอาวุธมาด้วย”

“หลี่ฝางนั่นบอกแล้วว่า ถ้าไม่ส่งโจวเสี่ยวชิงไปให้ พวกเขาก็จะบุกเข้ามา”คนด้านนอก พูดอย่างร้อนรน

หลิวเหล่าซานขมวดคิ้ว,พูด:“พวกเขามีกี่คน?”

“ก็ไม่มาก สิบกว่าคน แต่ดูแล้วแข็งแรงกันมาก”คนด้านนอกพูด

ได้ยินว่าสิบกว่าคน ใบหน้าของหลิวเหล่าซาน ก็แสดงความดูถูก

“ดูออกไหมว่าคนของใคร?”หลิวเหล่าซานถามต่อ

“แค่พวกหนุ่มๆไร้ประสบการณ์”

หลิวเหล่าซานหัวเราะ แค่สิบกว่าคน ก็กล้ามาบุกห้องหมากรุกของเขา นี่ไม่ได้ล้อเล่นเหรอ

หลิวเหล่าซานถอดกางเกง ส่งสายตาให้โจวเสี่ยวชิง:“คุณรู้ว่าทำยังไงสินะ?”

“หลี่ฝางเจ้าเด็กนี่พาคนมาสิบกว่าคน แล้วยังเอาอาวุธมาด้วย ถ้าผมไม่ส่งคุณไป ก็เท่ากับต่อต้าน ถึงตอนนั้น ผมจะต้องสูญเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้”

“เงินสองหมื่นในมือคุณ ถึงตอนนั้นก็เกรงว่าค่ารักษาพยาบาลจะไม่พอ ดังนั้นคุณชดเชยให้ผมได้”หลิวเหล่าซานพูด

โจวเสี่ยวชิงไม่เข้าใจความหมายของหลิวเหล่าซาน จึงถาม:“ชดเชย ชดเชยยังไง”

หลิวเหล่าซานเอนไปที่ข้างหูของโจวเสี่ยวชิงแล้วพูดไม่กี่คำ

“ถ้าคุณไม่ยอม ก็ออกไปพกมีดด้วยตัวเอง ผมไม่แบกรับแทนคุณแน่”

โจวเสี่ยวชิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมสุดๆ

ในดวงตาของเธอ มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง หลังจากหลิวเหล่าซานเห็น ก็รีบพูด:“คุณอย่าร้องไห้สิ ผมเบื่อผู้หญิงร้องไห้มากที่สุด ถ้าคุณกล้าร้องไห้ ผมก็จะจับคุณออกไป เข้าใจไหม?”

“ไม่เอา”

“ไม่เอาก็รีบซะ จะชักช้าอะไรอีกล่ะ”หลิวเหล่าซานกลอกตาใส่โจวเสี่ยวชิง

คนที่อยู่ด้านนอกตะโกนมาอีกครั้ง:“ลูกพี่ คุณทำอะไรอยู่ข้างในน่ะ ตอนนี้ไฟลนก้นแล้ว”

“แค่สิบกว่าคน คุณจะกลัวห่าอะไร พวกคุณก็ใช้อาวุธ หยุดพวกเขาให้ผมสิ อีกอย่าง โทรแจ้งตำรวจด้วย พวกเราดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย มีคนมาหาเรื่อง พวกเราต้องแจ้งตำรวจ”

หลิวเหล่าซานพูดจบ ก็บ่นพึมพำ:“น่ารำคาญจริงๆเลย”

หลังจากด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หลิวเหล่าซานจึงหลับตาลง

และหลี่ฝางด้านนอก มองไอ้หัวล้านตรงหน้า ถามว่า:“ทำไมหลิวเหล่าซานยังไม่ส่งคนมาอีก?”

“ส่งใคร?ด้านในห้องหมากรุกของพวกเราล้วนแต่มีลูกค้า ไม่มีนักศึกษาสาวอย่างที่คุณพูด”

“รีบไปซะ ไม่อย่างนั้น ผมจะแจ้งความแล้ว”

ไอ้หัวล้านตะโกนเรียกไปที่หลี่ฝาง:“พาคนสิบกว่าคนมา กล้ามารับตัวคนไป ทั้งที่พี่หลิวของพวกเราเสเพลมาตั้งหลายปี ตลกจริงๆ”

“โอเค ดูเหมือนจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว”

หลี่ฝางพูดนิ่งๆ:“งั้นก็ได้แต่ลงมือแล้ว”

หลี่ฝางหันหน้าไป มองเฉินฝูเซิงแวบหนึ่ง แล้วพูด:“ฝูเซิง ดูเหมือนเขาจะดูถูกพวกคุณสิบกว่าคนนี้ คิดว่าพวกคุณน้อย ดังนั้นจึงข่มขู่พวกเขาไม่ได้”

“คุณจะพิสูจน์ให้เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมไหม?”หลี่ฝางถามเฉินฝูเซิง

เฉินฝูเซิงอ้าปาก หัวเราะออกมา:“นั่นก็ต้องพิสูจน์หน่อยสิ”

“พรรคพวก พวกคุณเพิ่งมาถึงนี่ ไม่มีชื่อเสียงใดๆ คุณดูสิ ไอ้หัวล้านตรงหน้านี้ยังดูถูกพวกเราอีก คุณว่าพวกเราควรจะสั่งสอนพวกเขาหน่อยไหม?”เฉินฝูเซิงอ้าปาก พูดไปที่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง

กลุ่มคนด้านหลังเฉินฝูเซิง มีทั้งสูงเตี้ยอ้วนผอม มองไปแล้วถึงจะดูไม่หล่อ แต่หลี่ฝางแน่ใจได้ว่า คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายแน่

ถ้าเป็นพวกรับมือได้ง่ายแบบทั่วไป กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงไม่ส่งพวกเขามาอยู่กับเฉินฝูเซิงที่อยู่ไกลเยี่ยงนี้หรอก

“กระโดดได้ดีนี่ ทุกคนมานี่หน่อย!”

ไอ้หัวล้านก็ตะโกนออกไป ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนกระโดดลงมาจากชั้นบน คนกลุ่มนี้ เยอะกว่าคนของเฉินฝูเซิงมาก

“ถ้าใครกล้าบุกเข้ามา ก็ตัดขามันเลย เข้าใจไหม?”ไอ้หัวล้านมองคนพวกนี้ แล้วพูด

“เข้าใจแล้ว ลูกพี่”

ไอ้หัวล้านพยักหน้า พร้อมถอยกลับไปที่ด้านในห้องหมากรุก หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วย แล้วพูด:“ตำรวจหู คุณยุ่งอยู่ไหม?”

“มีอะไรก็ว่ามา อย่ามาเล่นแง่กับผม”หูเฟยพูดอย่างเซ็งๆ

“หึหึ ห้องหมากรุกของพี่หลิวเกิดเรื่องบางอย่าง รบกวนคุณพาเจ้าหน้าที่มานี่หน่อยสิ”ไอ้หัวล้านพูดแล้วหัวเราะฮี่ฮี่

“มีกลุ่มคนพาพวกพร้อมอาวุธ มาหาเรื่องที่นี่”

“ยุคนี้แล้วใครกันยังจะเล่นพรรคเล่นพวกอีก ……”

หูเฟยขมวดคิ้ว บ่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็รับปากไป:“ได้ ผมจะนำคนไป”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท