NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 537 ฆ่าเขาไม่ได้นะ

บทที่ 537 ฆ่าเขาไม่ได้นะ

บทที่ 537 ฆ่าเขาไม่ได้นะ

เมื่อได้ยินจำนวนเงินห้าล้าน สีหน้าของหม่าเชา เปลี่ยนไปในทันที แต่ชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นปกติ: “พี่ใหญ่ หมายความว่ายังไง กำลังยุแยงตะแคงรั่วใช่ไหม?”

“ใช่หรือไม่ก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ แกอยากได้ห้าร้อยล้านนี้หรือเปล่า?”

ลูกพี่หลินมองหม่าเชา แล้วยิ้มกล่าว: “แกน่าจะรู้จากปากของหมาจื่อแล้ว เรื่องที่ในมือของฉันมีเงินอยู่ห้าร้อยล้าน และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่แกทรยศฉัน สำหรับแกคนนี้ ไม่มีอะไรที่ชอบเลย จะมีก็แต่เงิน เงินคือบรรพบุรุษของแก”

“เพื่อยับยั้งไม่ให้แกทรยศ ทุกครั้งเวลาที่แบ่งเงิน ฉันจะแอบให้แกเพิ่มเป็นการส่วนตัวอยู่ตลอด จุดประสงค์ก็เพื่อให้แกรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้น”

“คิดไม่ถึงว่า แกยังคงทรยศอยู่ดี” ลูกพี่หลินส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างจะผิดหวังในตัวหม่าเชา

บนใบหน้าของหม่าเชา ไม่มีแววของความรู้สึกผิดใด ๆ เลย เขายิ้มให้ลูกพี่หลิน กล่าว: “พี่ใหญ่ ผมรู้ว่าในใจพี่ตำหนิผม แต่ในสังคมนี่ เดิมทีก็เป็นแบบนี้ ประเทศชาติย่อมมีคนมีความสามารถเกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ยุคสมัยของพี่ มันได้ผ่านไปแล้ว พี่ดูความใจกล้าของพี่ในตอนนี้สิ น้อยกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ ยังมีอีก พี่รู้ไหมว่าอะไรคืออินเทอร์เน็ต? รู้ไหมว่าอะไรคือแอปพลิเคชันปล่อยกู้? รู้ไหมว่าอะไรคือเว็บพนันออนไลน์?”

“พี่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด บอกพี่พี่ก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นผมคิดว่าติดตามพี่ เป็นไปไม่ได้ที่จะร่ำรวย”

“ไม่เหมือนพี่หมาจื่อ พี่หมาจื่อเป็นคนยุคสมัยเดียวกันกับผม เขารู้ไปหมดทุกอย่าง ตามทันกระแสนิยม เราสองคนตกลงกันแล้ว”

“รอเขาขึ้นเป็นพี่ใหญ่ เขาจะช่วยเหลือผมอย่างเต็มที่ พวกเราสองคนร่วมมือกันเปิดเว็บพนันออนไลน์ พอถึงตอนนั้น ผมเป็นเจ้ามือบ่อน เขาช่วยผมเรียกลูกค้า พอได้เงินมา ก็แบ่งกันคนละครึ่ง”

“พี่หมาจื่อเล่นพนันทุกวัน ก็รู้จักนักพนันอยู่ไม่น้อย ได้รับการช่วยเหลือจากเขา เว็บไซต์ของผม จะต้องทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน”

“พี่ว่าไหมล่ะ? พี่หมาจื่อ?”

หม่าเชาเดินเข้ามาหาหมาจื่ออย่างช้า ๆ ยิ้มพลางยักคิ้ว

แต่หมาจื่อกลับหันปลายกระบอกปืนจ่อไปที่หม่าเชา และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา: “อาเชา อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ นายยืนอยู่ตรงนั้น ก็ดีอยู่แล้ว

หมาจื่อรู้จักกับหม่าเชามานานหลายปี แล้วก็รู้ดีว่าหม่าเชาเป็นคนยังไง

เพื่อเงินแล้ว ขายได้แม้แต่ภรรยาและลูก เขาทิ้งได้แม้กระทั่งเกียรติศักดิ์ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

สามารถพูดได้ว่า ในสายตาของหม่าเชา เงินชนะทุกอย่าง

ดังนั้น ในตอนที่ลูกพี่หลินบอกว่าจะยกเงินห้าร้อยล้านให้เขา ใจของหม่าเชาก็ได้หวั่นไหวไปซะแล้ว เขาจึงเกิดความคิดที่ชั่วร้ายต่อหมาจื่อขึ้นมา

เพียงแต่ว่า หมาจื่อมีปืนอยู่ในมือ ในมือของเขา ก็มีปืนอยู่เหมือนกัน

ดังนั้น หม่าเชาจึงต้องการที่จะเข้าประชิดตัวหมาจื่อ แล้วลอบลงมือ

หมาจื่อมองแผนร้ายของหม่าเชาออก จึงกล่าวเปิดโปง: “หมาจื่อ ฉันแนะนำนายนะ อย่าคิดวางแผนอะไรเพื่อให้ได้เงินห้าร้อยล้านนั่น และอย่าได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับฉัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ป๋ายหม่าจะต้องจัดการกับแกอย่างแน่นอน”

“พี่หมาจื่อ พี่จะทำอะไร ทำไมถึงเล็งปลายกระบอกปืนมาที่ผมล่ะ? ไหนบอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันไง? ทำไมพี่ถึงได้ใช้ปืนจ่อพี่น้องของตัวเองล่ะ?” หม่าเชาเสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่เขลาเบาปัญญา แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา

ตามด้วยเสียงกระแอมไอของหม่าเชา ผู้คนที่อยู่ด้านหลังของเขา ต่างก็ยกปืนขึ้นมา และเล็งไปที่พี่หมาจื่อ

“ทำไม พวกแกคิดจะทรยศหรือยังไง?” ใบหน้าของหม่าเชา หม่นหมองและเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ถูกคนมากมายจ่อปลายปืนมาหาตัวเองแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าหมาจื่อค่อนข้างไม่สบอารมณ์

“ลูกพี่ของพวกเรามีเพียงคนเดียว นั่นก็คือพี่เชา พี่หมาจื่อ พี่วางปืนลงจะดีกว่า” ลูกน้องของหม่าเชากล่าว

“หม่าเชา บอกให้ลูกน้องของนายวางปืนลง” หมาจื่อมองหม่าเชาอย่างเยือกเย็น พลางกล่าว

หม่าเชาหัวเราะอย่างเย็นชา: “หมาจื่อ นายกำลังออกคำสั่งกับฉันเหรอ?”

“อย่าลืมสิ พี่ใหญ่ยังไม่ตายซะหน่อย นายยังไม่ได้ขึ้นครองตำแหน่ง นาย ฉัน ฉางชิง พวกเราสามคน มีฐานะเท่าเทียมกันมาแต่ไหนแต่ไร เอาจริง ๆ นะ ฉันไม่พอใจนายมาโดยตลอด พูดถึงกำลังความสามารถ และการทำเพื่อส่วนรวม มีตรงไหนบ้างที่นายสู้ฉางชิงได้?”

“แม้กระทั่งคุณสมบัติประจำตัว ฉางชิงก็คงทิ้งห่างนายไปไกลใช่ไหมล่ะ?”

หม่าเชากล่าว แล้วมองไปที่ฉางชิง ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็ชะงักลง

“ฉางชิง เกิดอะไรขึ้นกับแขนของนาย นายถูกใครยิง?” หม่าเชาเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

สีหน้าของฉางชิงม่วงบ้างเขียวบ้าง ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้ตอบอะไร

สีหน้าของหมาจื่อก็ไม่ได้ต่างอะไร: “ฉันยิงเองแหละ”

หมาจื่อไม่เพียงยอมรับด้วยตัวเอง แถมยังอธิบายให้ฟังอีก เขากล่าว: “เมื่อกี้ฉางชิงได้ห้ามฉัน ให้ฉันปล่อยพี่ใหญ่ไป”

“เพราะเรื่องแค่นี้ นายก็เลยลั่นไกยิงฉางชิง? ในตอนที่นายชักชวนฉันและฉางชิงเข้าเป็นพวกด้วย พูดกับพวกเราว่ายังไง นายบอกว่าต่อไปพวกก็เป็นพี่น้องกันแล้ว มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน…… ฉันว่านะหมาจื่อ นี่นายยังไม่ได้ขึ้นเป็นพี่ใหญ่เล

ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ แม้แต่พรรคพวกของตัวเองยังทำร้าย”

“เย็ดแม่ง หมาจื่อ นายยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ถึงแม้พี่ใหญ่ค่อนข้างเห็นแก่ได้ไปหน่อย เงินที่แบ่งให้กับพวกเรา น้อยไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยลงมือทำร้ายพวกเราเลย แต่นายล่ะ กลับใช้ปืนจ่อพรรคพวกของตัวเอง มีพี่ใหญ่ที่ไหนกันที่เป็นแบบนาย?”

หม่าเชาโมโหขึ้นมาในทันที และก็ไม่ได้เกรงกลัวหมาจื่อแล้ว

ในหมู่ลูกน้องของลูกพี่หลิน มีคนที่มีความสามารถอยู่ทั้งหมดสามคน นั่นก็คือหมาจื่อ ฉางชิง และหม่าเชา

ถ้าหากหม่าเชาและฉางชิงอยู่ฝ่ายเดียวกัน ยังไงหมาจื่อก็ขึ้นเป็นพี่ใหญ่ไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น หมาจื่อยังหักหลังลูกพี่ใหญ่ เดิมทีก็ไม่ได้รับความศรัทธาจากพรรคพวกอยู่แล้ว

“หม่าเชา นายฟังฉันนะ……”

“นายยากจะพูดกับฉัน ก็วางปืนลงก่อนแล้วค่อยพูด นายแม่งใช้ปืนจ่อฉัน กำลังขู่ฉันอยู่หรือไง? ถ้านายแน่จริง ก็ลั่นไกปืนสิ ทำไม ไม่กล้าเหรอ?”

“ไม่กล้าก็วางปืนลงซะ”

“ฉางชิงพูดอะไรผิดเหรอ? พวกเราทรยศพี่ใหญ่ ก็เพียงเพราะพี่ใหญ่แบ่งเงินให้เราน้อยไปเท่านั้นเอง แต่ว่า พี่ใหญ่เคยให้พวกเราขาดเหลืออะไรไหม? ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ พวกเราทุกคน จะมีความรุ่งโรจน์ในทุกวันนี้ได้ยังไง? หมาจื่อ ทำไมถึงต้องเอาชีวิตพี่ใหญ่ให้ได้ พวกเราเอาแค่เงินของพี่ใหญ่ ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“เกิดเป็นคน ทำไมจะต้องฆ่ากันให้ตายด้วย?”

หมาจื่อกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจ: “ไม่ใช่ว่าฉันต้องการฆ่าพี่ใหญ่ แต่เป็นเพราะถ้าฉันไม่ฆ่าพี่ใหญ่ ฉันก็จะรายงานต่อป๋ายหม่าไม่ได้”

“ป๋ายหม่า? ป๋ายหม่าจะนับประสาอะไร ทำไมนายต้องกลัวมันด้วย?”

หม่าเชาพึ่งพูดจบ ทันใดนั้นมีกระสุนลูกหนึ่ง พุ่งมาจากที่ไกล ๆ และเจาะเข้าไปที่หูข้างหนึ่งของหม่าเชาอย่างจัง

เสียงร้องโอดโอยเปล่งออกมาจากปากของหม่าเชา

“แม่ง ใครวะ” หม่าเช่าตะคอกด่าออกมา และรีบหลบเข้าไปในป่าทันที

เสียงปืนดังขึ้น ตามด้วยกระสุนปืนได้พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

ลูกกระสุนนัดนี้ พุ่งโดนต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้าของหม่าเชาอย่างจัง

และในเวลานี้เอง ผู้ชายสวมเสื้อสีขาวคนหนึ่ง ก็ได้ค่อย ๆ เดินออกมา จากป่าไม้อีกทาง

“พี่ป๋ายหม่า”

หมาจื่อกล่าวกับชายสวมเสื้อสีขาว ด้วยสีหน้าท่าทางที่นอบน้อม

ป๋ายหม่ามองหมาจื่อด้วยสายตาที่เหยียดหยาม แล้วกล่าวอย่างเย็นชา: “ไม่มีประโยชน์จริง ๆ เรื่องเล็กแค่นี้ แกยังจัดการไม่เรียบร้อย ต่อไปจะให้ฉันเชื่อใจแกได้ยังไง?”

“เหล่าหลิน หน้าที่ของแกได้สิ้นสุดลงแล้ว”

ป๋ายหม่าพูดจบ ก็มองไปหาลูกพี่หลินที่อยู่บนพื้น กล่าว: “จากไปอย่างสงบเถอะ

กล่าวไป ป๋ายหม่าพลางนำเอาปลายกระบอกปืน เล็งไปที่ลูกพี่หลิน

“เหล่าหลิน มีอะไรอย่างจะพูดอีกไหม?” ป๋ายหม่าเอ่ยถาม

วินาทีแรกที่ลูกพี่หลินเห็นป๋ายหม่า บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏแววสิ้นหวังออกมา: “ทำไม ฉันสามารถเรียกร้องอะไรจากแกได้หรือยังไง?”

“ได้สิ ขอเพียงไม่มากจนเกินไป ฉันสามารถทำให้แกสมปรารถนาได้”

ป๋ายหม่าหัวเราะเยาะ: “แต่มีข้อแม้ นั่นก็คือมอบเงินห้าร้อยล้านนั่นออกมาซะ”

“คิดไม่ถึงว่าแกก็อยากได้ห้าร้อยล้านของฉันเหมือนกัน” ลูกพ่อหลินยิ้มอ่อน กล่าว: “ฉันนึกว่า แกจะยิงฉันให้ตายในนัดเดียวซะอีก”

“มอบห้าร้อยล้านนั่นออกมา ฉันจะปล่อยลูกสาวของแกไป”

ป๋ายหม่าถาม: “ข้อเสนอนี้เป็นยังไงบ้าง? ฉันรู้ ที่แกใส่ใจที่สุด นั่นก็คือลูกสาวของแก”

“ป๋ายหม่า ฉันเชื่อแกได้ไหม?”

ลูกพี่หลินไม่ได้ใส่ใจห้าร้อยล้านนั่นเลยแม้แต่น้อย ยังไงซะเมื่อถึงเวลานี้แล้ว เงินจำนวนนี้สำหรับลูกพี่หลินแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้นเอง

ถ้าหากตัวเลขเหล่านี้ สามารถแลกกับผลประโยชน์เพียงน้อยนิดได้ ลูกพี่หลินก็ยินดีที่จะแลก

เพียงแต่ว่าป๋ายหม่าที่อยู่ตรงหน้า ลูกพี่หลินไม่อาจเชื่อเขาได้

“ใช้ห้าร้อยล้านแลกกับคำสัญญาของแก เหอะ ๆ ป๋ายหม่า คำสัญญาของแก มีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?”

ลูกพี่หลินส่ายหัวกล่าว: “จะฆ่าก็ลงมือซะ ฉันร่วมมือกับแกมาเป็นเวลาหลายปี มีเหรอที่จะไม่รู้จักแก?”

“ในเมื่อแกมาแล้ว นั่นหมายความว่าฉันไม่มีอะไรที่สามารถต่อรองได้อีก คนของฉัน ล้วนจะต้องถูกแกฆ่าตาย” ลูกพี่หลินกล่าวอย่างสิ้นหวัง

“เฮ้อ แกยังคงฉลาดอยู่เหมือนเดิม”

ป๋ายหหม่าทอดถอนใจ กล่าว: “เหล่าหลิน แกมันฉลาดมากเกินไป จนฉันแทบตัดใจที่จะฆ่าแกไม่ลง”

“ช่างเถอะ ห้าร้อยล้าน ก็ฝังไปพร้อมกับแกเถอะ” ป๋ายหหม่าหรี่ตาลง เขายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

ในขณะที่ป๋ายหม่ากำลังจะลั่นไกปืนนั่นเอง หลี่ฝางพลันยืนขึ้น: “ฆ่าเขาไม่ได้นะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน