NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 548 ฉางเหมาแสดงความยิ่งใหญ่

บทที่ 548 ฉางเหมาแสดงความยิ่งใหญ่

บทที่ 548 ฉางเหมาแสดงความยิ่งใหญ่

“เอ่อ……ลูกพี่หลิน เมื่อกี้พี่บอกว่าให้เวลาพวกเราคิดทบทวน ตอนนี้กลับมาบอกว่าราคาจะเปลี่ยน……” บางคนเริ่มไม่แฮปปี้แล้ว

“หวางจี๋เอ๋ย นายถามมานี่โง่มั้ย นี่มันของอะไรที่ไม่ใช่น่าเกลียดราคาละก็บ้าง ก็เหมือนกับหุ้น วันนี้นายซื้อวันกับซื้อพรุ่งนี้ ราคามันเท่ากันมั้ยล่ะ?” ลูกพี่หลินตอบกลับอย่างโมโห

“ความหมายของลูกพี่หลินคือ ราคาของท่าน ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกว่าวันนี้ใช่หรือไม่?” ชายวัยกลางคนหัวล้านอีกคนยิ้มพลางถาม

“อาจจะนะ ยังเป็นคำเดิม มีคู่แข่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างเช่นฉันหนึ่งเหรียญ แล้วหมาจื่อขายแปดสตางค์ จากนั้นฉันเปลี่ยนไปขายห้าสตางค์ คนที่ได้กำไรเป็นใครล่ะ ไม่ใช่พวกนายหรอกเหรอ? พวกนายลองคิดดูว่าจริงมั้ย” ลูกพี่หลินมองคนพวกนั้น แล้วหัวเราะเหอะๆ

คนในห้องมองหน้ากันไปมา ลูกพี่หลินเป็นผู้ขาย ทำไมถึงได้พูดแทนคนซื้อล่ะ?

ในตอนนั้น คนพวกนั้นก็รู้สึกเหลือเชื่อ

ใช้ความรู้สึกเพื่อได้การสนับสนุน?

นี่จะโง่ไปมั้ย

คนที่นั่งอยู่ ล้วนมาอยู่ด้วยกันเพื่อหาผลกำไร นายทำแบบนี้ จะทำใครหวั่นไหวได้กัน?

ในตอนนั้น หวางจี๋คนนั้นก็หัวเราะพลางพูด: “ที่ลูกพี่หลินพูดมาไม่ผิด ในเมื่อถ้าคุณภาพเหมือนเดิม พวกเราก็ต้องเลือกฝั่งที่ถูกกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นใครขายถูก พวกเราก็จะซื้อของจากคนนั้น”

หวางจี๋หัวเราะ แล้วพูด: “ถึงยังไงลูกพี่หลินก็กล้าลดราคาหนึ่งในสามแล้ว หรือว่าฝั่งหมาจื่อจะไม่กล้าลดเหลือหนึ่งในสองล่ะ ทุกคนว่าแบบนั้นมั้ย?”

“ดังนั้น ฉันแนะนำให้ทุกคนรอดูสถานการณ์ก่อน ถ้าหากเป็นอย่างที่ลูกพี่หลินพูด การที่มีคู่แข่งสำหรับพวกเราแล้ว เป็นเรื่องที่ดี ฮ่าๆ ” หวางจี๋หัวเราะเหอะๆ พลางพูด

ในแง่อำนาจในเมืองหลวง เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกพี่หลินเลยสักนิด

โดยเฉพาะในตอนนี้ลูกพี่หลินไม่มีป๋ายหม่าคอยคุ้มกันแล้ว หวางจี๋ยิ่งไม่ต้องแคร์ลูกพี่หลินอีกต่อไป

ดังนั้น จะให้พูด ก็ไม่ต้องสนใจว่าลูกพี่หลินจะแฮปปี้หรือไม่

สีหน้าของฉางเหมา เข้มลงทันทีเขาค่อยๆ เอามือออกจากหน้าอก ทำท่าเหมือนจะควักปืนออกมา

หวางจี๋หัวเราะอย่างดูถูก: “หมายความว่าไงเหนี่ย ลูกพี่หลิน ฉันแค่ล้อพี่เล่นเฉยๆ พี่อยากจะฆ่าคนเล่นหรือไง?”

“ฉางเหมา นายทำอะไร” ลูกพี่หลินกระแอม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส

“ลูกพี่ ผมเป็นคนติดบุหรี่ อยากจะสูบบุหรี่ พี่ดูสิทำเอาพี่หวางจี๋ตกใจแล้ว……ผมเป็นคนดีอยู่ในกฎหมาย บนตัวมีดสักเล่มยังไม่มี จะไปซ่อนปืนได้ยังไงกันล่ะ”

ฉางเหมาพูด พลางล้วงบุหรี่จากกระเป๋าขึ้นมาสองมวน มวนนึงยื่นให้ลูกพี่หลิน หลังจากจุดให้ ก็จุดให้ตัวเองมวนนึง

“พี่หวางจี๋ อย่าตื่นตระหนกไป ในมือของท่านถือที่ดินใหญ่ขนาดนั้น คนใต้อำนาจก็เยอะขนาดนั้น พี่ชายของพี่ก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก ผมจะไปกล้าลงมือกับพี่ได้ยังไง พี่ว่างั้นมั้ย? นอกจากผมจะไม่รักชีวิตแล้ว” ฉางเหมาหัวเราะเหมือนไม่ได้หัวเราะแล้วพูด

“ลูกพี่หลิน เด็กนี่เป็นใคร เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยนี่?” ผู้คนมองไปที่ฉางเหมา อย่างระมัดระวังตัว

ท่าทีของฉางเหมา มีออร่าของความเป็นปรปักษ์

ทุกคนรู้ ว่าคนๆ นี้ ฐานะไม่ธรรมดาแน่ ตำแหน่งน่าจะเท่าเทียมกับหมาจื่อในตอนนั้น

“ฉางเหมา ตอนนี้เป็นคนข้างกายที่ควรค่าต่อการเชื่อใจของฉัน หลังจากนี้ถ้าทุกคนสามารถร่วมธุรกิจกันได้ งั้นพวกนาย ก็คุยกับฉางเหมาก็โอเคแล้ว สินค้า ฉางเหมาก็จะเป็นคนส่งให้พวกนาย”

“ฉางเหมา เข้าไปทักทายพวกพี่เขาทีละคนๆ หลังจากนี้พวกเราก็จะรวยเพราะคนพวกนี้แล้ว” ลูกพี่หลินพูดขึ้น

ฉางเหมาพยักหน้า แล้วควักบุหรี่Chunghwaขึ้นมาซองนึง แล้วแจกให้คนละมวน บุหรี่แต่ละมวนที่ยื่นออกไป ก็แนบนามบัตรติดไปด้วย

“คิดไม่ถึงว่าน้องชายจะเป็นหมอนะ” หวางจี๋มองฉางเหมา แล้วหัวเราะเหอะๆ

“เป็นหมอมาทำเรื่องสายพวกเรา แบบนี้ได้เหรอ?”

“หรือว่าข้างกายของลูกพี่หลินไม่มีคนแล้ว? ถ้าหากไม่มี ผมจะส่งมาให้สักสองคน ทำไมถึงต้องไปหาหมอกระดูกมาด้วยล่ะ”

คำที่หวางจี๋พูด ขณะที่พูดแซะลูกพี่หลิน ก็พูดดูถูกฉางเหมาไปด้วย

ฉางเหมาหัวเราะเหอะๆ ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราด

แต่ลูกพี่หลินแค่หัวเราะเหอะๆ : “พี่หวางจี๋ อย่าดูถูกฉางเหมานะ ไม่ผิดที่ฉางเหมาเป็นหมอกระดูก แต่ว่าโตมาจากเขตสามเหลี่ยม นายลองคิดดู ที่อย่างเขตสามเหลี่ยม คนๆ นึงจะมีชีวิตรอด มันยากลำบากขนาดไหน”

ลูกพี่หลินพูดแบบนี้ คนในห้องทั้งหมด ก็ทำสีหน้าตกใจ

พลางมองไปที่ชายหน้าตาบ้านๆ อย่างฉางเหมา สายตาของทุกคน ดูตกตะลึงเล็กน้อย

แม้กระทั่งหวางจี๋ เขากลืนน้ำลาย แล้วเดินมาข้างหน้าฉางเหมา: “น้องฉางเหมา เป็นฉันที่สายตาไม่ดี”

“พี่หวางจี๋ทำไมต้องเกรงใจกับผมด้วย ผมพูดตามตรง ผมก็แค่หมอกระดูกตัวเล็กๆ คนนึง ท่านส่งคนมาเล่นๆ สองคน ล้วนแต่เก่งกว่าผม……พี่หวางจี๋ ผมรอให้พี่ส่งคนมาสักสองคนนะ”

“น้องฉางเหมา เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง ทำไมนายต้องจริงจังด้วยนะ” บนหน้าของหวางจี๋มีความเลิ่กลั่ก

ฉางเหมาฉีกยิ้ม แล้วพูด: “ต้องขอโทษด้วย พี่หวางจี๋ ผมคนนี้เดิมที่ไม่ชอบเรื่องล้อเล่น ผมคนนี้จริงจัง คนอื่นว่ายังไง ผมก็เชื่อตามนั้น”

“ลูกพี่ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ฉางเหมาพูดกับลูกพี่หลิน แล้วเดินออกไป

ลูกพี่หลินพยักหน้า: “ทุกคนดื่มชาก่อน ดื่มชา ฉันเพิ่งส่งคนไปรับชาปี้หลัวชุนมา เป็นชาใหม่ ทุกคนลองชิมดู ว่ารสชาติเป็นไง”

ห้านาที ลูกพี่หลินไม่ได้พูดอะไร ทุกคนต่างพูดคุยกันไปมา

“ลูกพี่หลิน นี่มันยังไงเหนี่ย น้องฉางเหมาท้องผูกหรือเปล่า ทำไมห้านาทีแล้ว เขายังไม่กลับมาอีก” หวางจี๋ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พูดอย่างไม่วางใจ

ลูกพี่หลินดื่มชา แล้วยิ้มอ่อน: “น้องหวางจี๋ นายพาพรรคพวกมากี่คนกัน”

“สองคน ทำไมเหรอ ลูกพี่หลิน?” หวางจี๋ตอบกลับอย่างนิ่งๆ

“ไม่มีอะไร พรรคนายสองคนนั้น ไม่เลวนี่” ลูกพี่หลินยิ้มอ่อน แล้วพูดประเมิน

“ทำไมลูกพี่หลินถึงได้รู้ว่าลูกน้องของผมฝีมือไม่เลว” หวางจี๋ชะงักอยู่ครู่

และผ่านไปอีกประมาณห้านาที ฉางเหมาก็เปิดประตูกลับเข้ามา บนมือของเขา มีหยดน้ำอยู่เล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะไปล้างมือมา

แต่สายตาของเขาดุดันเล็กน้อย ยังสังเกตเห็นบนเสื้อของเขามีรอยคราบเลือด และยังมีกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย

“น้องฉางเหมา เมื่อกี้ออกไปทำอะไรมา ทำไมที่กางเกงนายมีเลือดด้วยล่ะ” มีคนมองฉางเหมา และเอ่ยปากถาม

ฉางเหมายิ้มอ่อน มองไปที่หวางจี๋ ทำหน้ายิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มพลางพูด: “ไม่ได้ทำอะไร แค่ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ถือโอกาสจัดการคนสองคนที่มันไม่ระวังตัว”

“ไม่ระวังตัว?”

“ใช่แล้ว พวกเขาคิดจะแย่งโถฉี่ผม” ฉางเหมายิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา

หวางจี๋ที่รู้สึกถึงความไม่ปกติ ก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาทันที แล้วกดโทรหาลูกน้องของตนสองคนนั้น แต่ไม่ว่าเบอร์ไหน ในทั้งสองเบอร์นี้ ก็โทรไม่ติด

ตอนที่โทรไป เห็นได้ว่าปลายสายปิดเครื่อง

“เมื่อกี้นายพูดว่ายังไง? นายจัดการคนไม่ระวังท่าทีไปสองคน?” หวางจี๋มองฉางเหมา แล้วถาม: “พวกเขาหน้าตาเป็นยังไง?”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง หน้าตาเหมือนคนมั้ง? แต่ว่าพวกเขาสองคนคนนึงสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ อีกคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทำไมเหรอ พี่หวางจี๋ ทำไมถึงได้ร้อนรนแบบนั้น พี่รู้จักพวกเขาเหรอ” ฉางเหมาถามพลางยิ้ม

ทันใดนั้น หวางจี๋เดินเข้าไป กระชากคอเสื้อฉางเหมา แล้วพูด: “นายทำอะไรพวกเขา?”

“พวกเขาแย่งที่ของผม ฉันก็จัดการพวกเขาทิ้งไปตามปกติไง? พี่หวางจี๋ ผมแค่อยากแสดงหลักฐานให้พี่ดูเฉยๆ ว่าผมไม่ได้อ่อนปวกเปียก และยิ่งไม่มีทางโดนคนโง่ๆ สองคนจัดการได้”

ฉางเหมาพูดอย่างเย็นชา

“นาย……” สายตาของหวางจี๋เย็นชา แรงที่มือ เพิ่มขึ้นหลายเท่า ในตอนนั้น ลูกพี่หลินก็กระแอมขึ้น แล้วพูดเตือนหวางจี๋: “น้องหวางจี๋ เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว พวกของฉันคนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ทางที่ดีอย่าไปยั่วโมโหเขาเลย ไม่อย่างนั้น เขาจะทำอะไร ฉันก็ห้ามไม่อยู่”

ต่อมา ลูกพี่หลินยิ้มอ่อน: “เอาละ พวกเรามาคุยเรื่องของพวกเรากัน ถึงแม้ว่าในเมืองเอกจะมีตลาดอยู่สองที่แล้ว แต่ถึงยังไงหนึ่งในนั้น อยู่ได้อีกไม่กี่วัน ก็จะถูกกำจัดทิ้ง”

“ลูกพี่หลินนี่หมายความว่าอะไร ความหมายของท่านคือ ทางด้านของหมาจื่อจะเกิดปัญหาเหรอ?”

“ถูกต้อง เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ป๋ายหม่าตายแล้ว พวกนายรู้มั้ย ว่าใครเป็นคนฆ่าป๋ายหม่า?” ลูกพี่หลินหัวเราะ แล้วถามขึ้น

“ถูกใครฆ่ากัน? ใครกล้าฆ่าป๋ายหม่า” คนพวกนั้นถามขึ้น

“เหอะๆ จะบอกให้นะ คนที่ฆ่าป๋ายหม่า ชื่อโหจื่อ เขาเป็นคนของหลอซ่า” ลูกพี่หลินพูดขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท