NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 566 ข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

บทที่ 566 ข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”หลี่ฝางพอเห็นว่าสีหน้าของส้าวส้วยดูแปลกๆ จึงรีบถามด้วยความเป็นห่วง

ส้าวส้วยหยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เช้าวันนี้ผู้หญิงคนนั้น ขับรถบิวอิคก์สีดำออกไป กับผู้หญิงของลูกพี่หลิน”

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ?”

“ผมส่งคนไปสืบเรื่องของเธอดู เพิ่งได้รับรายงานมาว่าเธอ เธอตายไปแล้ว” ส้าวส้วยพูดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด

“ตายแล้ว?” สีหน้าของหลี่ฝางถอนสีเล็กน้อย ช่วงนี้ได้ยินแต่ข่าวเรื่องการตายมาอย่างต่อเนื่อง แถมล้วนเกี่ยวข้องกับลูกพี่หลิน เรื่องนี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง

การตายของผู้หญิงคนนี้ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกพี่หลินอย่างแน่นอน

“ใช่ ตายแล้ว นี่เป็นการบ่งบอกถึงปัญหาอันหนักอึ้ง ลูกพี่หลินไม่ได้เคี้ยวง่ายอย่างที่เห็น เบื้องหลังของเขา จะต้องเก็บซ่อนความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างแน่นอน ความลับนี้ เขายอมทำทุกอย่างเพื่อเก็บซ่อนมันไว้ ไม่อย่างงั้น เขาก็คงไม่ถึงกับฆ่าคนเพื่อปิดปาก”

“วันเดียวฆ่าคนไปถึงสองคน จิตใจของลูกพี่หลิน ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ดูเหมือนว่าผมจะดูถูกเขาจนเกินไป” สายตาของส้าวส้วย เผยความเย็นชาออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะเกิดความคิดที่จะฆ่าลูกพี่หลิน เดิมที่หลี่ฝางก็กะจะห้าม แต่จนสุดท้ายหลี่ฝางก็ไม่ได้พูดออกไป

หลี่ฝางได้ให้คำสัญญากับหลินชิงชิง ถ้าเกิดเป็นไปได้ ให้ไว้ชีวิตลูกพี่หลิน แต่ว่า หลี่ฝางไม่มีเหตุผลที่จะไปขอร้องส้าวส้วย

ธุรกิจของลูกพี่หลิน หลี่ฝางเองก็เข้าใจซักส่วนใหญ่ คนที่ทำธุรกิจแบบนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีคงจะหายไปนานแล้ว?

สิ่งที่ลูกพี่หลินทำนั้นไม่ใช่ธุรกิจ แต่เป็นเรื่องชั่วช้า คนแบบนี้ ตายไปก็สมควรแล้ว

เพราะงั้น หลี่ฝางไม่สามารถขอร้องให้ไว้ชีวิตเขาได้

อีกยังหลี่ฝางยังรู้สึกว่าลูกพี่หลินค่อนข้างน่ากลัว

ตอนที่เพิ่งช่วยเหลือเขา เขาอ่อนแอราวกับลูกแมวข้างทาง ทุกคำที่พูดออกมา ฟังแล้วรู้สึกว่าทุกคำล้วนมาจากใจ แต่พอมานึกดูอีกที นั่นล้วนมาจากการแสดงทั้งนั้น

จะว่าไป พ่อลูกฉินเสี่ยวหู่ไม่สมควรที่จะได้รับรางวัลนักแสดงออสการ์ แต่ควรจะเป็นของลูกพี่หลินมากกว่า

แถมแผนการของลูกพี่หลิน ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ

เป้าหมายของเขาคือการทำให้องค์กรที่อยู่เบื้องหลัง เกิดความขัดแย้งกับตระกูลหลี่

“ส้าวส้วย แกอยากแก้แค้นใช่ไหม?”

หลี่ฝางหันไปมองส้าวส้วย จากนั้นก็ถามขึ้นมา “แกไม่ต้องรีบปฏิเสธ ความจริงต่อให้ลูกพี่หลินจะฆ่าไปซักกี่คน ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ขับรถบิวอิคก์สีดำ หรือจะเป็นเจ้าของร้านลาเบอร์เกอร์ แกไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย”

“การตายของพ่อแก อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกพี่หลิน เพราะงั้น……”

ส้าวส้วยส่ายหัว “ไม่ใช่ ถ้าจะแก้แค้น ผมไม่รอจนถึงตอนนี้”

“ที่ผมโมโห เพราะว่าผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังทำร้ายคนอื่นอยู่”

ส้าวส้วยส่ายหัว แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นพ่อของหลินชิงชิง ผมรู้ดี หลินชิงชิงจะต้องขอร้องคุณ เจ้านาย เธอคงจะขอร้องว่าไม่ว่าจะยังไง ก็ขอให้ไว้ชีวิตพ่อของเธอถูกไหม?”

“หลินชิงชิงเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอเป็นคนที่ระมัดระวังมาก และเป็นคนช่างสังเกต วันนี้ตอนที่ฉันได้เล่าเรื่องการตายของเจ้าของร้านลาเบอร์เกอร์ ฉันคิดว่าเธอคงสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง”

หลี่ฝางพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พี่ชิงชิงบอกกับฉันว่า ลูกพี่หลินรักเธอมาก”

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชั่วช้าขนาดไหนก็ไม่มีทางทำร้ายลูกของตัวเอง ยิ่งเป็นคนที่ไร้จิตสำนึกแบบนี้ ล้วนเก็บความเป็นคน ไว้กับลูกเมียของตัวเอง ผู้หญิงที่ตายในวันนี้ เดิมทีทำงานอยู่ที่ไนท์คลับ เธอไม่ได้เป็นภรรยาอย่างเป็นทางการของลูกพี่หลิน”

“สังคมในปัจจุบัน คนชั่วส่วนใหญ่มักจะได้รับความสนใจอยู่เสมอ อย่างเช่นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย มักจะเป็นคนกตัญญูรู้บุญคุณ และมักจะมีคนชมไม่ขาดสาย เอาแต่พูดว่าลูกพี่เป็นคนที่กตัญญูอย่างนั้น กตัญญูอย่างนี้ หึๆ เมื่อเทียบกับเรื่องชั่วช้าที่พวกเขาทำ กตัญญูแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร คนแบบนี้ยังจะมีคนมาชื่นชมอีก สมองของคนพวกนี้ ข้างในมีแต่ก้อนขี่รึไง?”

ส้าวส้วยพูดไป พร้อมกับจุดบุหรี่

หลี่ฝางหัวเราะออกมา “นึกไม่ถึงว่า คนแบบแกจะโมโหเป็นด้วย”

“ตอนเด็กได้ยินคำพวกนี้มาเยอะแล้ว ตอนนี้ก็แค่รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาเรื่อยๆเท่านั้นเอง”ส้าวส้วยหัวเราะอย่างเย็นชา “คนผิดก็คือคนผิด ไม่ควรได้รับความเห็นใจ ยิ่งไม่ควรเอามาชื่นชม”

ตอนที่กลับถึงคฤหาสน์บ้านซาน ระหว่างทางหลี่ฝางก็เห็นหวางต้องอยู่ที่นี่ หวางต้องกำลังคุยโทรศัพท์อยู่……

และในเวลานั้นเอง หงหงเองก็เพิ่งลงมาจากคฤหาสน์บ้านซาน หลี่ฝางรีบดึงตัวส้าวส้วยไปแอบเพื่อดูลาดเลา

หลี่ฝางมองไปยังส้าวส้วย แล้วถามว่า “ส้าวส้วย ระยะห่างขนาดนี้ แกสามารถฟังออกไหมว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่?”

ส้าวส้วยหยักหน้า แล้วพูดว่า “ไม่น่าจะมีปัญหา”

หลังจากที่หงหงลงมา มองไปยังหวางต้องแวบนึง แล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะ”

“เฮ้ๆ ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะชี้ทางสว่างให้กับเธอ มาอยู่แพลตฟอร์มของพวกเรา ฉันไม่เพียงแค่รับประกันว่ารายได้ของเธอจะมากกว่าเดิม ยังสามารถรับประกันความปลอดภัยของแฟนหนุ่มเธอได้อีกด้วย”

“ถ้าเกิดเธอไม่ยอมรับล่ะก็ ฉันไม่เพียงแค่จะอัดเสียงการสนทนาของเราให้แฟนหนุ่มของเธอ ให้เขารู้ตัวตรงที่แท้จริงของเธอ ฉันยังจะทำให้ขาของเขาพิการสักข้าง”

หวางต้องพูดข่มขู่ “แน่นอน ถ้าเกิดเธอยอมออกมาจากแพลตฟอร์มของหลี่ฝาง แล้วมาอยู่กับพวกเราล่ะก็ นอกจากจะรับประกันว่าจะไม่ทำอะไรเธอแล้ว ฉันยังจะให้ค่าเซ็นสัญญาหนึ่งล้านกับเธอ”

หวางต้องพูดไป พร้อมกับหยิบการ์ดออกมาจากอกเสื้อ “ข้างในการ์ดใบนี้มีเงินอยู่หนึ่งล้าน ถ้าเกิดเธอไม่เชื่อ สามารถไปเช็คที่ตู้ATMได้”

“จะบอกอะไรเธออย่างนะ เพื่อนสนิทของเธอหวางเหยา ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว ฮ่าๆ แถมพ่อของเขา ยังถูกส่งเข้าไปยังห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน จะอยู่หรือตาย ตอนนี้ก็ยังไม่แน่เลย ถ้าเกิดเธอไม่อยากเป็นหวางเหยาคนที่สอง ก็รับเงินไปซะ เก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วย้ายมาอยู่วิลล่าของพวกเรา”

“แพลตฟอร์มของพวกเรา ก็มีอำนาจอยู่ไม่น้อย”

หวางต้องอมยิ้ม “ตอนนี้ พวกเรากำลังเจรจาเพื่อซื้อแพลตฟอร์มที่มียอดผู้เข้าชมสูง ถึงเวลานั้น ก็จะสามารถซื้อมาเป็นของตัวเองได้ และสามารถสร้างให้กลายเป็นแพลตฟอร์มของตัวเอง

“เธอคงจะเข้าใจ ขอแค่ยอมจ่ายเงิน ก็อปปี้ถู่โต้วขึ้นมาสักอัน ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร”

หวางต้องมองไปยังหงหง ยิ้ม แล้วถามว่า “ว่ายังไง จะมาหรือไม่มา?”

สีหน้าของหงหงดูสับสน

“จะบอกให้นะ โอกาสแบบนี้ ฉันให้เธอแค่ครั้งเดียว ถ้าเกิดเธอไม่คว้าเอาไว้ อีกไม่นาน เธอจะต้องมาขอร้องฉันแน่” หวางต้องหัวเราะ สีหน้าของเขาค่อยๆเผยความเย็นชาออกมา

ส่วนหงหงมองไปยังหวางต้อง กัดฟันแล้วพูดออกไปว่า “ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม ให้ฉันคิดดูก่อน?”

“คิด? เธอจะคิดทำเชี้ยอะไร มาติดตามฉัน รับประกันว่าเธอจะได้รายได้มากกว่านี้อีก แถมยังรับประกันความปลอดภัยของเธอ เธอยังลังเลอะไรอีก?” หวางต้องถามด้วยสีหน้าที่ดูโมโหเล็กน้อย

“ให้เวลาฉันสองวัน หลังจากสองวัน ฉันจะให้คำตอบกับคุณ ตกลงไหม?” หงหงขอร้องหวางต้อง

เวลาที่หลี่ฝางให้หงหง ก็เป็นสองวัน เขาให้คำสัญญากับหงหง ภายในสองวันเขาจะจัดการเคลียร์ทุกปัญหาให้หมด

“คิดจะยื้อเวลากับฉันงั้นเหรอ? ฮ่าๆ ฉันรู้นะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่”

หวางต้องพูดไป พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมา ยื่นให้กับหงหง “อย่าไปหวังกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างหลี่ฝางจะดีกว่า ลองดูสิว่ารู้จักคนๆนี้รึเปล่า?”

“เฉินฝูเซิง?” หงหงดูคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ จู่ๆสีหน้าก็ขาวซีดไปแวบนึง

ในคลิป เฉินฝูเซิงถูกจับขังอยู่ในโรงพัก แถมยังสวมเสื้อผ้าของนักโทษ

สีหน้าของหงหง จู่ๆก็เปลี่ยนไปในทันที หงหงรู้ดีว่า เฉินฝูเซิงไปจัดการปัญหาของตัวเอง แต่ว่าทำไมตอนนี้ ถึงถูกจับอยู่ในโรงพักได้ล่ะ?

“ฮ่าๆ นี่ก็คือผู้ช่วยที่หลี่ฝางหามาให้เธองั้นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ เจ้าเด็กนี้ก็เป็นแค่คนไร้น้ำยา คิดจะเป็นศัตรูกับพวกเรา ผลลัพธ์มีแค่อย่างเดียว นั้นก็คือตาย”

คำพูดของหวางต้องเต็มไปด้วยความเย็นชา แล้วพูดต่อว่า “ถ้าเกิดเธอยังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ก็รีบคิดให้ดีๆ แล้วให้คำตอบกับฉัน เธอมีวีแชทของฉัน ถ้าได้คำตอบแล้ว ฉันจะส่งคนไปรับเธอ”

“ฉันให้เวลาถึงแค่เช้าวันพรุ่งนี้ ถ้าเกิดพรุ่งนี้เช้าเธอยังไม่ให้คำตอบกับฉันล่ะก็ ฮ่าๆ เตรียมรับผลที่ตามมาให้ดี”

หวางต้องพูดเตือนทิ้งท้าย จากนั้นก็หันหน้ากลับไปยังวิลล่าของมู่เหวินตง

ตาของหงหงแดงก่ำ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ในเวลานี้นี่เองหลี่ฝางก็เดินขึ้นมา มองไปยังหงหงแวบนึง “เชื่อใจฉัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

หงหงเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังหลี่ฝางด้วยความตกใจ “คุณชายหลี่ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เพิ่งกลับมา”

“ท่าน……ท่านเห็นหมดแล้วใช่ไหม?” เสียงของหงหงเต็มไปด้วยความลังเล

จากนั้น หงหงก็ยื่นการ์ดไปให้หลี่ฝาง “คุณชายหลี่ ฉันไม่ได้อยากได้การ์ดของเขา ฉันแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน”

“แฟนของเธอจะไม่เป็นอะไร” หลี่ฝางพูดอย่างมั่นใจ

“แต่เฉินฝูเซิง……”

“เฉินฝูเซิงเองก็จะไม่เป็นอะไร” หลี่ฝางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท