NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 567 หูเฟยเกิดกลัวขึ้นมา

บทที่ 567 หูเฟยเกิดกลัวขึ้นมา

ใบหน้าของหงหง เรียกได้ไม่เต็มปากว่าสวย แต่สัดส่วนของเธอนั้น เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะความสูงของเธอ แทบจะสูงถึงร้อยแปดสิบ สูงกว่าหลี่ฝางเล็กน้อย

บวกกับเธอเป็นคนที่ผอมมาก และเป็นคนที่ร่าเริง ยิ่งบวกกับที่เธอเป็นคนร้องเพลงเพราะ ตอนที่กำลังไลฟ์สด เธอจึงเป็นคนที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก

มีคนจำนวนไม่น้อยเพื่อที่จะได้พูดคุยกับหงหง เพียงแค่คืนเดียวก็รูดการ์ดไปแล้วหลายหมื่น

ส่วนหลี่ฝางเพื่อที่จะดันหงหง ก็เสียค่าใช้จ่ายไปหลายล้าน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ แถมหลี่ฝางยังลงทุนถึงขั้นขอร้องหวงเจ๋ ให้รูปของหงหงเข้าไปอยู่ในนิตยสารแฟชั่น และให้เธอถ่ายแบบโฆษณา หลี่ฝางมีความคิดที่จะดันหงหงให้กลายเป็นดารา แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ทำตามที่วางเอาไว้

“หนึ่งล้าน?”

หลี่ฝางถือบัตรATM ใบหน้าแสดงความไม่พอใจออกมา “ฉันกินข้าวแค่ไม่กี่มือ หนึ่งล้านนี้ก็หมดแล้ว”

“แค่หนึ่งล้านคิดว่าจะแย่งผู้หญิงในสังกัดของฉันได้อย่างงั้นเหรอ ปัญญาอ่อนซะจริง” หลี่ฝางทำเสียงหึๆ

“ฉันไม่สนใจเงินหนึ่งล้านนี้ แต่คุณชายหลี่ พวกมัน……พวกมันใช้แผนสกปรก มันน่ารังเกียจจนฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา ดูที่พวกมันทำกับหวางเหยาซิ ฉัน……” หงหงกัดฟันแน่น ใบหน้าเผยความหวาดกลัวออกมา

หลี่ฝางพยักหน้า “ฉันเข้าใจเธอดี ให้เวลาฉันสองวัน ถ้าเกิดฉันไม่สามารถจัดการหวางต้องได้ล่ะก็ งั้น ฉันจะเป็นคนส่งเธอไปที่วิลล่าของพวกมันด้วยตัวฉันเอง”

“ฉันไม่อยากไป เฮ้อ ช่างเถอะ ขอบคุณคุณชายหลี่ หวังว่าถึงเวลานั้นท่านจะไม่โทษฉัน ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก การที่ต้องมาพบเจอกับพวกมัน ถือซะว่าเป็นเวรกรรมของฉันก็แล้วกัน ทำไมถึงมีคนหน้าด้านขนาดนี้อยู่บนโลกนี้กันนะ”

หงหงกระทืบเท้า แล้วพูดว่า “ฉันโมโหจนอยากจะแจ้งความแล้ว”

“ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เขาทำ ยังไม่สามารถใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดเขาได้” หลี่ฝางพูด พร้อมส่ายหัว

“จริงสิ คุณชายคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

“ดื่มมากไป โจวหยางพาพวกเขากลับไปหมดแล้ว” หงหงทำหน้าบึ้งตึง แล้วพูดว่า “คุณชายพวกนี้ ค่อนข้างลามก ใช้โอกาสที่เมา แล้วมาแต๊ะอั๋งพวกเรา คิดว่าพวกเราเป็นคนยังไงกันแน่!”

“พวกเราไม่ใช่เด็กนั่งดริ้งในร้านKTVซะหน่อย” หงหงพูดโดยมีน้ำโหเล็กน้อย

หลี่ฝางหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร

สตรีมเมอร์หญิงพวกนี้ ก่อนที่จะรู้จักหลี่ฝาง ก็เป็นแค่คนธรรมดา พอเห็นลูกคนรวยอย่างส้งเคอหวงเจ๋ ก็คงจะเข้าไปหา

อย่าว่าแต่ถูกแต๊ะอั๋ง ต่อให้ถูกลากเข้าไปที่โรงแรม พวกเธอก็คงจะไม่ว่าอะไร

ขอแค่ได้รู้จักกับพวกลูกคนรวย ต่อให้ไม่ได้แต่งเข้าบ้าน แต่ยังน้อยๆก็ได้เงินติดไม้ติดมือมาจำนวนหนึ่ง

“จริงสิ คุณชายหลี่ เมื่อกี้ไอ้สารเลวนั้นได้หยิบคลิปให้ฉันดู เฉินฝูเซิงถูกจับไปแล้ว”

หงหงพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ร้อนรน “ฉันเห็นในคลิป เฉินฝูเซิงใส่ชุดของนักโทษ แถมยังถูกจับ เป็นความจริงรึเปล่า?”

หลี่ฝางแสดงใบหน้าที่ตกตะลึง เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเฉินฝูเซิงจะถูกจับเร็วขนาดนี้ หรือเป็นเพราะความกดดันจากเสียงในโซเชียล?

หลี่ฝางหยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เมื่อกี้เฉินฝูเซิงไปหาตัวพวกนักเลงในที่มีเรื่องกับแฟนหนุ่มของเธอ แต่ว่าหมอนั้น พอถูกเฉินฝูเซิงเตะไปแค่หนึ่งที ก็ตายซะแล้ว”

“มีคนต้องการใส่ร้ายเฉินฝูเซิง” หลี่ฝางพูด

“อ่า? งั้นเฉินฝูเซิงเขา……” ใบหน้าของหงหงร้อนรนขึ้นมาในทันที

“เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้ว เฉินฝูเซิงจะไม่เป็นอะไร เขาโดนใส่ร้าย เธอต้องเชื่อ ในความยุติธรรมของกฎหมาย ในเมื่อเขาไม่ได้ฆ่าใคร งั้นเขา……”

หงหงอุทานขึ้นมา “กฎหมาย?”

ต่อมาหงหงก็หัวเราะออกมา คงจะนึกถึงเรื่องในอดีตของตัวนี้ “สิ่งที่ฉันไม่เชื่อมากที่สุด ก็คือกฎหมาย”

“ในเมื่อหวงเจ๋พาคนกลับไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่ขึ้นไปแล้ว ช่วยฉันดูแลหลินชิงชิงซะสองสามวันหน่อยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบโทรหาฉัน”

“เดี๋ยวตกดึกฉันจะเพิ่มยามให้ จะได้ดูแลความปลอดภัยของพวกเธอ”

หลี่ฝางพูดให้กำลังใจไม่กี่คำ จากนั้นก็เดินจากไป

พอลงจากคฤหาสน์บ้านซาน หลี่ฝางก็หันไปพูดกับส้าวส้วยว่า “ไปหาหูเฟย ถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเลย ทำไมถึงใส่ชุดนักโทษซะแล้ว?”

ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วขับไปจอดรถอยู่ข้างหน้าสถานีตำรวจ

หลี่ฝางโทรไปหาหูเฟย เรียกให้หูเฟยออกมา

พอเห็นหูเฟย หลี่ฝางก็เปิดถามเข้าประเด็น “พี่หู ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงไม่ให้เวลาเฉินฝูเซิงอีกสักหน่อย ก็จับตัวเขาเข้าไปแล้วล่ะ? คุณเองก็รู้ดี เฉินฝูเซิงโดนใส่ร้าย พวกเราก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่มีเป้าหมายเดียวกัน ทำไมถึงไม่ไว้หน้ากันเลย?”

ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยเฉินฝูเซิง เพราะมีคนค่อยก่อเรื่องอยู่ตลอด ทางด้านพวกนักข่าว และเหล่ามวลชน ก็พูดไปในทางเดียวกัน บอกว่าเฉินฝูเซิงใช้อำนาจทำร้ายผู้อื่น ถ้าเกิดฉันไม่จับเขาขังเอาไว้ พวกคนในโซเชียล ก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”

หูเฟยหยิบบุหรี่มาจากมือของหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ไอ่เฉินฝูเซิงคงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆ เฉินฝูเซิงมาอยู่กับฉันแค่ไม่กี่วัน ก็ถูกจับซะแล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้ไปถึงหูของพ่อเขา เขาอาจจะเดินทางมาจากตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อที่จะมาฆ่าฉันก็ได้นะ?” หลี่ฝางยิ้มด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พูดคำที่เกินความจริงให้หูเฟยฟัง

“แล้วจะให้ทำยังไง เรื่องครั้งนี้ ฉันทำได้แค่ทำตามหน้าที่ ตอนนี้ทั้งหลักฐานและคน ก็มีครบถ้วนแล้ว ถ้าเกิดฉันยังไม่จับตัวเฉินฝูเซิง ฉันคงโดนเล่นงานแน่”

หูเฟยพูดไปพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ

หลี่ฝางทำหน้าตึงเครียด มองไปยังหูเฟย “เมื่อกี้มีคนส่งคลิปมาให้ฉัน ข้างในคลิปฉายภาพ ตอนที่เฉินฝูเซิงโดนจับเข้าคุกไปแล้ว?

“ตอนแรกก็กะจะไม่สงสัยในตัวคุณหรอกนะ แต่ตอนนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณเองก็อยากให้เฉินฝูเซิงตายกันนะ?”

“ทั้งๆที่คุณเองก็สามารถยึดเวลาไปได้อีกหน่อย ทำไมถึงไม่ให้เวลาเฉินฝูเซิงเลยล่ะ ทำไม คุณยังคิดที่จะยิงเฉินฝูเซิงทิ้งให้มันจบเรื่องไปเลยรึไงกัน?” หลี่ฝางมองไปยังหูเฟย แล้วถามเอาคำตอบ

หูเฟยค่อยๆสูบบุหรี่ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน

“ฉันไม่ขอให้คุณช่วยปกป้องเฉินฝูเซิง ฉันแค่ขอให้คุณ ช่วยยึดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้คนของเฉินฝูเซิง ไปหาหลักฐาน”

หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด

หูเฟยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหลี่ฝางอยู่แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ เรื่องนี้มันจบไปแล้ว คุณคิดจะหยิบคดีขึ้นมาตรวจสอบใหม่ จะตรวจสอบยังไง พวกเราจะเคลื่อนไหว ก็ต่อเมื่อมีหลักฐาน ต่อนี้มีหลักฐานแล้ว พวกเราก็ต้องจับเขา”

“หูเฟย ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณดูแปลกๆไปนะ”

หลี่ฝางเห็นถึงความผิดปกติ จึงถามออกไป

หูเฟยทำใบหน้าที่ตึงเครียด พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูสับสน “คุณชายหลี่ เมื่อกี้ฉันได้เอากำไรครึ่งนึงที่ได้จากธุรกิจของตระกูลสวี มอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว”

“ต้องขอโทษด้วยนะ คุณชายหลี่ หลังจากนี้พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ อะไรที่ช่วยได้ ฉันก็จะช่วยอย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดคุณทำผิดขึ้นมา งั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้”

พอหูเฟยพูดจบ สีหน้าของหลี่ฝางก็เปลี่ยนไปในทันที “หูเฟย คุณหมายความว่ายังไง? ก่อนหน้านี้คนที่ขอให้ร่วมมือด้วย เพื่อต่อต้านกับสี่ตระกูลใหญ่ ก็คือตัวคุณเอง ตอนนี้คนที่บอกจะยอมแพ้ ก็เป็นคุณอีกนั่นแหละ ทำไมคุณถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ? กับอีกแค่เฉินฝูเซิงถูกจับ? แค่นี้ก็จะยกเลิกแล้วงั้นเหรอ?”

“คุณชายหลี่ ฉันรู้สึกว่าคุณยังเด็กเกินไป ร่วมมือกับคุณ หนทางที่รอฉันอยู่คงมีแค่ความตาย”

“วันนี้เป็นเฉินฝูเซิง พรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นฉันก็ได้”

หูเฟยพูดจบ แล้วหันไปมองหลี่ฝางอยู่แวบนึง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ต้องขอโทษด้วย ถือซะว่าเป็นความเป็นของฉัน”

“ไอ่ระยำซั่มแม่เอ๋ย……” หลี่ฝางเพิ่งได้เปิดปากด่า หูเฟยก็ได้เปิดประตูรถ เดินออกจากรถไปแล้ว

มองแผ่นหลังของหูเฟยที่ค่อยๆเดินห่างออกไป ใจของหลี่ฝางก็เกิดความโกรธขึ้นมา

“กับอีกแค่ไอ่เฉินฝูเซิงถูกจับ เขาจะกลัวหาพ่องอะไร” หลี่ฝางด่าด้วยความโกรธไปหนึ่งคำ

ส้าวส้วยพูดด้วย ใบหน้าที่ตึงเครียด “เรื่องนี้มัน ต้องมีเบื้องหลัง ไอ่หูเฟยไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าเกิดเขาเป็นคนที่กลัวอะไรง่ายๆ เขาคงไม่มีวันนี้ ยิ่งไม่กล้าออกมาเป็นศัตรูกับสี่ตระกูลใหญ่”

“เขาเป็นคนที่มีความโลภ คนที่มีความโลภ ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้”ส้าวส้วยพูด

“เมื่อก่อนฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ความจริงมันอยู่ตรงหน้า ความขี้ขลาดของเขา เมื่อกี้แกก็เห็นแล้ว เขากลัวจนจะเป็นจะตาย กลัวจนกระทั่งเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากของตระกูลสวี ส่งมอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่ด้วยตัวเอง”

หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง “ก่อนหน้านี้ไม่น่าไปตอบตกลงกับเขาเลย เชี้ย ช่างเป็นเศษสวะสักจริง”

“จริงอยู่ที่เขากลัวขึ้นมา แต่คงจะไม่ใช่เพราะเรื่องของเฉินฝูเซิงแน่”

ส้าวส้วยพูดด้วย ใบหน้าที่ตึงเครียด “น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”

“ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ?” หลี่ฝางมองไปยังส้าวส้วยแล้วถาม ด้วยความสงสัย

ส้าวส้วยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรไปที่หมายเลขนึง พอต่อสายได้ ส้าวส้วยก็พูดไปตรงๆว่า “ช่วยฉันสืบหาเรื่องของผู้หญิงคนนึงหน่อย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท