NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่579 คงต้องให้แผนทรมานร่างกายแล้วล่ะ

บทที่579 คงต้องให้แผนทรมานร่างกายแล้วล่ะ

“นายมีคนหนึ่งพันสี่ร้อยคนนี้?” มองดูส้าวส้วย หลี่ฝางตะลึงงันเล็กน้อย

“เชรด ผมจะมีคนหนึ่งพันสี่ร้อยคนนั่นได้ยังไง แต่ผมไม่มี ทางมู่เสี่ยวไป๋เอง ก็ไม่มีเหมือนกัน

“ศึกในครั้งนี้ ที่สำคัญคือเงินเท่านั้นเอง”

“สถานที่เจ็ดสิบกว่าแห่งนี้ มีนักเลงท้องถิ่นอยู่เจ็ดสิบกว่าแก๊ง นักเลงท้องถิ่น มู่เสี่ยวไป๋จะรู้จักสักเท่าไหร่กัน? อย่างเก่งก็คือมีคนคอยติดต่อให้ และคุยราคาเรียบร้อยแล้วเท่านั้นเอง”

ส้าวส้วยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกล่าว: “เรื่องนี้ จะต้องให้ท่านจวนเป็นคนออกหน้าแล้ว”

“ท่านจวนหลายปีมานี้ ดูเหมือนจะปลีกตัวออกจากสังคม แต่ความจริงแล้ว เขามีกองกำลังของตัวเองมาโดยตลอด และกองกำลังนี้ กระจัดกระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ ให้เขาช่วย ไปคุยกับนักเลงท้องถิ่นพวกนั้น แก๊งไหนที่ตกลงไม่ได้ ก็จัดการซะ” ส้าวส้วยกล่าว

หลี่ฝางพยักหน้า: “งั้นก็มอบให้นายไปจัดการแล้วกัน”

“ฉันจะต้องโทรหาหวางเสี่ยวหยวนสักหน่อย ทางฝั่งจางกงหมิง ก็มีพวกต้มตุ๋น ที่ทำแชร์ลูกโซ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดใหญ่อะไร แต่ฟังจากความหมายของจางกงหมิงแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายพอสมควร ถ้าไม่ไปจัดการ อาจจะทำให้มีคนตายได้”

“ถึงแม้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพก็เป็นการหลอกลวงเหมือนกัน แต่ก็หลอกแค่พวกคนเฒ่าคนแก่ที่มีเงินบํานาญ พวกเขาถูกหลอก ก็ไม่จะเป็นจะตาย แต่ผู้คนในชุมชนนั่นไม่เหมือนกัน พวกเขาต่างก็เป็นคนจน เงินของพวกเขา ต่างก็เป็นเงินยืมมาจากญาติพี่น้อง ถ้าถูกหลอกไป พวกเขาก็จะไม่เหลืออะไร และจะคิดสั้นเอาได้ง่าย ๆ ”

หลี่ฝางกล่าว: “ทางนั้นจางกงหมิงกำลังจับตาดูอยู่ ฉันให้หวางเสี่ยวหยวนไป แล้วจัดการคนพวกนั้น ให้สิ้นซาก”

หลี่ฝางกล่าวไป พลางโทรหาหวางเสี่ยวหยวน: “พี่หยวน ยุ่งอะไรอยู่น่ะ ฉันมีเรื่องต้องให้พี่ไปจัดการหน่อย ฉันจะส่งที่อยู่ให้พี่ ที่นั่นมีพวกทำแชร์ลูกโซ่ พี่ช่วยไปจัดการให้หน่อย จำไว้ว่าจะต้องพาคนไปเยอะหน่อย และอย่างลงมือหนักจนเกินไป……”

หลี่ฝางกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นส้าวส้วยก็แย่งโทรศัพท์มา: “พี่หยวน พาคนไปเยอะหน่อย จำไว้ว่าต้องลงมือให้หนัก ๆ เลย โดยเฉพาะจางกงหมิง ขอเพียงไม่ให้เขาตาย ลงมือได้หนักเท่าไหร่ก็เท่านั้น ทางที่ดีเอาให้เขาลงจากเตียงไม่ได้สักเดือน”

“เชรด ส้าวส้วย นายทำอะไรน่ะ จางกงหมิงเป็นลูกพี่ของฉันนะ นายนี่……” หลี่ฝางไม่พอใจเล็กน้อย ยังไม่รอให้หลี่ฝางพูดจนจบ ส้าวส้วยก็เอ่ยขึ้นมา: “ผมกำลังช่วยเขาอยู่นะ”

“คุณต้องจำไว้ว่า ที่ถูกจัดการมีหลายจุดขนาดนั้น ตระกูลมู่จะต้องให้ความสำคัญมากแน่ ๆ ถ้าเกิดให้พวกมันสืบรู้ขึ้นมาว่าพวกเราเป็นคนทำ งั้นคนแรกที่ตระกูลมู่สงสัย จะต้องเป็นจางกงหมิงแน่นอน ถ้าคุณไม่ให้พี่หยวนลงมือกับจางกงหมิง จางกงหมิงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นก็จะพิสูจน์ได้ว่าจางกงหมิงได้ขายข้อมูลของพวกมัน”

“ถึงแม้นี่จะเป็นแผนทรมานร่างกาย แต่กลับเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถปกป้องชีวิตของจางกงหมิงเอาไว้ได้”

ส้าวส้วยพูดจบ สีหน้าของหลี่ฝางก็ตกอยู่ในแววของความเจ็บปาด: “แต่จางกงหมิงพึ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล ต้องทำให้เขาเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง……”

“ไม่มีทางอื่น”

ส้าวส้วยกล่าว: “มีแค่วิธีนี้”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลี่ฝาง หลี่ฝางไม่มีทางเลือก ได้แค่พูดว่า: “อย่าลงมือหนักมา แต่ก็อย่าเบาจนเกินไป ทำตามที่ส้าวส้วยพูดเมื่อกี้ก็แล้วกัน”

หวางเสี่ยวหยวนพยักหน้า แล้วก็ไปจัดการทันที

ทางด้านหลี่ฝางยังคงเป็นกังวลเล็กน้อย: “พอลงเมื่อขึ้นมาไม่รู้หนักเบา ถ้าเกิดมีคนเป็นอันตรายถึงชีวิตขึ้นมา……”

ภายในใจของหลี่ฝางค่อนข้างจะสับสนวุ่นวาย ทางด้านจางกงหมิง ส่วนมากต่างก็เป็นพี่ชายแสนดีที่หลี่ฝางรู้จักที่ตงไห่ในตอนนั้น และทางด้านหวางเสี่ยวหยวน ก็เป็นพรรคพวกของตัวเอง แค่แสดงละครต่อยตีกันนั้นไม่มีอะไร นี่ถ้าเกิดต่อยจนเป็นอะไรขึ้นมา หลี่ฝางเชื่อว่า ไม่เพียงแค่ตัวเอง จางกงหมิงเอง ก็จะรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน

“สบายใจได้ พวกเขาต่างก็เป็นคนเจนโลกที่อยู่ในวงการมานาน จะต้องลงมืออย่างมีขอบเขตแน่” ส้าวส้วยกล่าวปลอบใจ

หลังจากที่จางกงหมิงแอบโทรโทรศัพท์เสร็จ ก็ขึ้นมาบนห้อง

ในห้องกำลังร้องเพลงดวงใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ พอเพลงจบ ชายร่างอ้วนพูดจาสำเนียงกวางตุ้ง ก็เดินเข้ามาหาจางกงหมิง: “หนุ่มหล่อ เมื่อกี้นายไปทำอะไรมา ฉันกำลังหานายอยู่พอดี วันนี้ก็รับนักศึกษาเข้ามาอีกสามสิบกว่าคนแน่ะ ตอนเย็นจัดภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปดต่อนะ”

“ลูกพี่ จัดภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปดให้ทุกคืนแบบนี้ ต่อให้ผมมีแปดไต ก็คงถูกทำลูกพี่ทำลายจนหมด ลูกพี่ให้ผมพักสักหน่อยเถอะ พักสักหน่อย” จางกงหมิงกล่าวอย่างมีใจแต่ไม่มีแรง

“อ้อ ๆ งั้นหนุ่มหล่อ คืนนี้ฉันพาทุกคนไปเลี้ยงอาหารทะเล นายกินหอยเป๋าฮื้อให้เยอะ ๆ หน่อย จะได้บำรุงไต” ชายร่างอ้วนคนนั้นกล่าวต่อ

“ลูกพี่ ลูกพี่อย่าพูดถึงหอยเป๋าฮื้ออะไรนั้นเลย ตอนนี้ผมแค่มองเห็นมัน ก็อยากจะอ้วกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกินเลย” จางกงหมิงทำท่าทีเหมือนอยากจะอาเจียน แล้วกล่าว: “เอาอย่างนี้ไหม เว้นให้ผมก่อนเป็นยังไง?”

“ได้ได้ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หนุ่มหล่อ เพียงแต่ว่าคนในสองวันนี้ ถือว่าน้อยไป นายช่วยฉันดึงคนใหม่ ๆ เข้ามาหน่อย คนพวกนี้ต่างก็ถูกฉันล้างสมองสำเร็จแล้ว ยังมีคนที่ไม่ได้เข้าร่วม แต่ล้วนเป็นพวกไม่มีเงินทั้งนั้น”

ชายร่างอ้วนคนนั้นกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็มีป้าคนหนึ่งเดินเข้ามา: “ประธานหวาง ฉันได้ยืมไปจนทั่วแล้ว ยังขาดอีกสามพันกว่าถึงจะครบสามหมื่น คุณดูว่าคุณจะผ่อนผันให้หน่อยได้ไหม ลดให้ฉันสักสิบเปอร์เซ็นต์ ได้ไหม?”

ชายร่างอ้วนตีหน้าขรึมเล็กน้อย: “มันลดไม่ได้หรอกครับ ไม่มีเงินก็ไปหายืมมาสิ ยืมจากพี่น้องเพื่อนฝูงไม่ได้ ก็ไปยืมจากข้างบ้าน ยืมเงินกู้ แค่แป๊บเดียวเอง ไม่กี่นาทีก็อนุมัติเงินแล้ว”

“ฉัน ฉันเป็นคนเถื่อน เมื่อก่อนเคยช่วยคนลงทะเบียนจัดตั้งบริษัท บริษัทหลอกลวงเงิน ฉันก็เลยกลายเป็นแพะรับบาป ฉัน ฉันกู้เงินไม่ได้” ป้าคนนี้กล่าวด้วยท่าทางเจ็บปวด

ชายร่างอ้วนยังคงขมวดคิ้วเหมือนเดิม: “ถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม อยากได้เงิน ก็จะต้องลงทุนสิ เงินสามหมื่นคุณยังเสียดาย แล้วจะไปหากำไรสิบล้านได้ยังไง?!”

“หรือไม่ก็เอาอย่างนี้ไหม น้องชายแซ่จาง นายให้พี่สาวคนนี้ยืมสักสามพัน รอพี่สาวได้ส่วนแบ่ง ก็ให้พี่สาวคืนนายทั้งต้นทั้งดอก เป็นยังไง” ชายร่างอ้วนแอบส่งสายตาให้กับจางกงหมิง พลางกล่าว

จางกงหมิงขมวดคิ้ว แอบด่าแม่ของชายร่างอ้วนอยู่ในใจ ชายร่างอ้วนกระซิบเสียงเบา: “สบายใจได้ เงินฉันจะให้นายเอง”

สุดท้ายแล้วจางกงหมิงก็พยักหน้า และเอาเงินสามพันให้ป้าคนนั้นยืม ป้าคนนั้นน้ำเงินสามพันนั้น มายืนอยู่ตรงชายร่างอ้วนทันที: “ประธานหวาง ประธานหวาง ฉันมีเงินแล้ว ฉันมีเงินพอเข้าร่วมแล้ว”

“ครับ นับจากนี้ไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ฮ่า ๆ ผมขอเป็นตัวแทนของดรีมทีมใหม่ ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วม”

ชายร่างอ้วนกอดป้าคนนั้นอย่างอบอุ่น จากนั้นก็ให้คนมานับเงิน และช่วยป้าคนนั้นลงทะเบียน

จางกงหมิงเบ้ปากยิ้มกล่าว: “พี่ชาย สุดยอดจริง ๆ หลอกเงินแล้วยังทำให้คนอื่นรู้สึกสํานึกในบุญคุณ”

จางกงหมิงยกนิ้วให้กับชายร่างอ้วน ชายร่างอ้วนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก: “เรื่องแบบนี้ทำเยอะแล้วก็จะชำนาญไปเอง ฉันได้ต้มตุ๋นหลอกลวงมาหลายที่แล้ว สำหรับความคิดของเหล่าคนจนพวกนี้ ฉันได้มองทะลุแล้ว พวกเขาไม่อยากทำงาน คิดแต่อยากจะให้บุญหล่นทับ ถือเป็นความโชคร้ายที่พวกเขาหาใส่ตัวเอง”

“น้องจาง อย่าพูดว่าฉันหลอกเงินสิ ถ้าเกิดพวกเขาได้ยินขึ้นมา จะแย่เอาได้ ไป ฉันจะไปเก็บของหน่อย จากนั้นพวกเราก็ไปทานอาหารทะเลกัน ที่เมืองเอกนี่ ร้านอาหารทะเลที่แพงที่สุดอยู่ที่ไหนเหรอ” ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยท่าทางในกล้วอย่างสุดขีด

ภายในใจของจางกงหมิงเกลียดชังเป็นที่สุด แต่กลับทำได้แค่ยิ้มเผชิญหน้า

ชายร่างอ้วนคนนั้นกำลังกอดคอขิงจางกงหมิง ในขณะที่กำลังเดินออกจากชุมชนเก่า ๆ นั้น จู่ ๆ ก็มีรถตู้สิบกว่าคันขับมาจอดลง คนกลุ่มหนึ่งกรูลงมาจากรถ พวกเขาเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน ต่างก็มีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่ที่ข้อมือ พวกเขาถืออาวุธไว้ในมือ เมื่อเห็นจางกงหมิง ก็ฟันเข้ามาทันที

จางกงหมิงขมวดคิ้ว ในสายตาปรากฏแววเย็นชาออกมาเล็กน้อย พูดอยู่ในใจ เอาจริงเหรอนี่?

เมื่อชายร่างอ้วนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบเดินออกมาข้างหน้าทันที: “ลูกพี่ทุกคน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ พูดกันดี ๆ ”

“มาเก็บค่าคุ้มครองใช่ไหม ถ้าใช่ละก็พวกเราคุยกันก่อน อย่ามาถึงก็ลงมือเลยสิ สังคมมีกฎหมาย สังคมมีกฎหมาย พวกเราต้องมีอารยธรรมสิ” ชายร่างอ้วนหัวเราะคิกคัก ตามประสบการณ์ครั้งก่อน ๆ ของเขา คนที่มาหาเรื่อง ก็แค่เพียงต้องการขู่เอาเงินเท่านั้นเอง

แต่ใครล่ะจะรู้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของชายร่างอ้วน ฝ่ายตรงข้ามเตะเข้าให้อย่างจัง อาวุธในมือ ก็ฟาดลงมาที่ศีรษะของเขา จางกงหมิงร้องตะโกนเสียงดัง คนหลายสิบคน วางไพ่ในมือลง แล้ววิ่งออกมาจากในตึก

“แม่งเอ๋ย คนเยอะขนาดนี้เชียว”

เมื่อเห็นจางกงหมิง ทุกคนต่างก็หวาดผวา: “พี่หมิง พวกเราหนีไปก่อนดีไหม พวกมันมีคนเป็นร้อยแน่ะ หนึ่งต่อห้า ยังไงก็สู้ไม่ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท