NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 585 โก่เอ๋อส่งไส้ศึกไป?

บทที่ 585 โก่เอ๋อส่งไส้ศึกไป?

คนที่คุ้นเคยนี้ ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือโจวเจ๋กับจางเชี่ยน มือของทั้งสอง จับกันอยู่

บนหน้าของโจวเจ๋ ไม่มีความเย่อหยิ่งและทะนงตนอย่างเมื่อก่อน แต่กลับเป็นถ่อมตนและหน้าซีด

แต่หน้าของจางเชี่ยนไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เธอแต่งหน้าเบาๆ ดูแล้วเมื่อจะสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งสองยืนอยู่ข้างกัน ทำให้มีความรู้สึกว่าโจวเจ๋ไม่คู่ควรกับจางเชี่ยน

นอกจากนั้นยังมีอีกคน นั่นก็คือหลิวเฉียวเฉียว

หลิวเฉียวเฉียวคนนี้ต่างไปจากเดิมมาก หล่อนตัดผมสั้น แล้วแต่งตัว สไตล์น่ารักๆ

ราวกับว่าดูเด็กลงไป

เซี่ยลู่ยืนอยู่ด้านข้างหลิวเฉียวเฉียว เหมือนกับว่าทั้งสองกำลังคุยกันอยู่

เมื่อได้เห็นผู้หญิงทั้งสามคนนี้ หลี่ฝางก็อดไม่ที่จะหัวเราะออกมา

เมื่อก่อน ต่อหน้าผู้หญิงสามคนนี้หลี่ฝางเคย อ่อนแอและด้อยค่าตัวเองอย่างมาก

แต่ในวันนี้……

ฐานะนั้นไม่เหมือนกันแล้ว

โจวเจ๋มองหลี่ฝาง สายตาไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ถึงยังไงเมื่อก่อนเขาก็คือคนที่เคยช่วยตู้เฟยเยาะเย้ย รังแกหลี่ฝาง และวันนี้ กลับต้องมาทำงานใต้คำสั่งของหลี่ฝาง สถานการณ์นี้มัน กระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“คุณชายหลี่” โจวเจ๋กลืนน้ำลาย แล้วฝืนเรียก

จากหลี่ฝาง มาเป็นคุณชายหลี่ ระดับของฐานะ ทำให้โจวเจ๋รู้สึกรับไม่ค่อยได้

“เหอะๆ อย่ายืนเลย นั่งเถอะ” หลี่ฝางยิ้ม พลางมองโจวเจ๋ และเหลือบมองจางเชี่ยน: “พวกนายสองคน เตรียมตัวแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอ?”

“อีกสองเดือน” ไม่รอให้เสี่ยวโจวตอบ จางเชี่ยนก็ตอบอย่างมีความสุขมากๆ : “วันที่สิบห้าเดือนตุลาคม พวกเราไปหาคนดูฤกษ์แล้ว วันนั้นเป็นวันที่ดี ถึงตอนนั้นคุณชายหลี่อย่าลืมมาดื่มเหล้ามงคลนะ”

สีหน้าของหลี่ฝาง ชะงักไปเล็กน้อย ที่จริงแล้ว หลี่ฝางก็แค่เอ่ยปากถามไปอย่างงั้น

ถึงยังไงจางเชี่ยนเมื่อก่อนก็ทำตัวไปเรื่อย ดังนั้นโจวเจ๋ถึงได้เลือกหล่อน ก็เพราะแค่อยากเล่นๆ เท่านั้น

ใครจะไปรู้ ทั้งสองคนนี้กลับคบกันมาจนถึงขั้นพูดเรื่องแต่งงาน

หลี่ฝางทำหน้าสงสัยพลางมองโจวเจ๋ แล้วถาม: “จริงหรือเปล่าเหนี่ย? ไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย!”

หลี่ฝางไม่เชื่อคำของจางเชี่ยน จึงได้ถามโจวเจ๋: “พวกนายสองคนเอาจริงดิ?”

“อืม” โจวเจ๋พยักหน้า แล้วพูด: “ฉันกับจางเชี่ยน จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว”

สีหน้าของหลี่ฝาง เอ๋ออีกครั้ง: “เหอะๆ ไม่เลวนี่ งั้นก็ยินดีกับพวกนายด้วย”

หลี่ฝางมองจางเชี่ยนอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อย แล้วพูดอย่างชื่นชม: “ไม่เลวนี่ ถือได้ว่ากลับตัวกลับใจแล้วสินะ”

“ที่จริงฉันก็ไม่ใช่คนแรดสักหน่อย อะไรที่เรียกว่ากลับตัวกลับใจกัน” จางเชี่ยนคล้องแขนโจวเจ๋ แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง นายมีเงินแล้วจะลืมเพื่อนไม่ได้นะ”

“ตอนนี้สามีฉันลำบาก บริษัทล้มละลาย นายต้องช่วยหน่อยนะ” จางเชี่ยนพูด: “ถ้าหากนายไม่ช่วย พวกเราก็จะอยู่ที่ไหนไม่ยอมไปไหนเลย”

เรื่องที่โจวเจ๋เข้าไปทำงานที่ถู่โต้ว ความจริงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว

จางเชี่ยนพูดแบบนี้ ทำให้เรื่องดูเหมือนการหยอกล้อ และบรรยากาศดูไม่ตึงเครียดขึ้น

โจวเจ๋มองบนใส่จางเชี่ยน แล้วพูด: “พูดอะไรเหนี่ย พูดอย่างกับพวกเราเป็นขอทานอย่างนั้นแหละ”

“อะไรอ่ะ นี่ก็เพื่อให้นายได้ตำแหน่งงานไม่ใช่เหรอ หรือว่านายอยากจะวันๆ อยู่แต่บ้าน ดื่มเหล้า? วันๆ เล่นแต่เกมเหรอ?”

จางเชี่ยนมองโจวเจ๋แล้วพูด: “ฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่ชีวิตที่นายต้องการ แบบนั้น นายอยู่อย่างไม่มีความสุข”

สีหน้าของโจวเจ๋ กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ราวกับไม่ชอบที่จางเชี่ยนเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของเขา

หลี่ฝางมองจางเชี่ยน เรียกให้เธอเข้ามาหา แล้วพูดถามเสียงเบา: “เอาอยู่ได้ไงเหนี่ย?”

เมื่อก่อน จางเชี่ยนมีความสัมพันธ์กับตู้เฟย แถมยังถูกถ่ายวิดีโอเอาไว้ด้วย เรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าโจวเจ๋จะรู้หรือไม่ แต่ในใจของหลี่ฝางคิดว่า โจวเจ๋ต้องไม่รู้แน่ๆ ถ้าหากรู้ละก็ งั้นก็คงไม่ยอมตกลงแต่งงานด้วยแน่ๆ

“เธอนี่ถือได้ว่าแต่งเข้าตระกูลคนรวยสินะ?” หลี่ฝางเลิกคิ้ว มองจางเชี่ยน แล้วถาม

จางเชี่ยนหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ตอนนี้โจวเจ๋ใช่คนร่ำรวยอะไรที่ไหนล่ะ นายยังไม่รู้สินะ? โจวเจ๋เกิดเรื่องแล้ว ตระกูลโจว ตระกูลส้ง เมื่อก่อนเคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน แต่ว่าขาดทุนไป เงินฐานของตระกูลโจว ทั้งหมดเอาไปโป๊ะส่วนขาดทุนหมด บวกกับเมื่อก่อนโจวเจ๋เคยเซ็นสัญญากับศิลปินไว้หลายคน แต่ถูกพวกนายเล่นงานกลางคัน และก็ต้องชดเชยค่าเสียหายไปไม่น้อย บริษัทมีเดีย จึงปิดตัวลงเพราะเหตุนี้”

พูดไปพูดมา จางเชี่ยนก็มองหลี่ฝางพลางบ่น: “ความแค้นระหว่างพวกนาย ก็น่าจะหายกันแล้วใช่มั้ย?”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “หายตั้งนานแล้ว ฟังจากที่เธอพูด เธอยังโทษฉันสินะ?”

“เมื่อก่อน พวกเขาทำกับฉันแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็น……ส้งเสียง โจวเจ๋……”

ขณะที่หลี่ฝางกำลังจะพูดถึงเหตุผลให้จางเชี่ยนฟัง ใครจะรู้ว่าจางเชี่ยนกลับพูดว่า: “ฉันไม่ได้จะโทษนาย ไม่ใช่แค่ไม่โทษนาย กลับกัน ฉันยังขอบใจนายด้วย”

“ที่จริงแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะนาย ฉันก็คงไม่มีทางได้จดทะเบียนสมรสกับโจวเจ๋ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย”

“เมื่อก่อนโจวเจ๋มีผู้หญิงเยอะมากๆ มีผู้หญิงมาบำเรอเป็นฝูง บริษัทมีเดียของเขา ก็มีอยู่หลายคน แต่ว่าหลังจากล้มละลาย ผู้หญิงพวกนั้น ก็ค่อยๆ ถอยห่างจากโจวเจ๋ แล้วไปหาเหยื่อรายอื่นแล้ว”

“ที่จริงฉันก็อยากไปนะ แต่ตอนนั้น ฉันรู้สึกสงสารเขา บวกกับที่โจวเจ๋ก็เคยทำดีกับฉัน ถ้าปล่อยเขาทิ้งไว้ไม่ช่วย ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่คนแล้ว ดังนั้นจึงอยู่กับเขามาระยะนึง พอนานๆ เข้า ถือได้ว่าเจอความรักที่แท้จริงตอนลำบากมั้ง โจวเจ๋บอกว่าเขารักฉันเข้าแล้ว แถมยังขอฉันแต่งงาน ฉันคนนี้ ที่จริงแล้วก็ใจอ่อนนะ ฉันปฏิเสธไม่ลง จึงตอบตกลง”

“ที่จริงฉันก็ วางอนาคตของตัวเองไว้ อย่างที่นายพูด เป้าหมายของฉันก็คือหาผู้ชายหล่อๆ สูงๆ รวยๆ สักคน หรือว่า ถ้าไม่หล่อไม่สูงไม่อะไร แต่ต้องรวย เพราะว่าแค่มีเงิน ฉันถึงสามารถไปเที่ยวมัลดีฟส์ได้ ไปเกาะตาฮีตีแหล่งท่องเที่ยวน่าไปแบบนั้น แต่โจวเจ๋ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าให้พวกนั้นกับฉันไม่ได้”

“แต่ก็ช่างมันเถอะ สองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ขอแค่มีความสุขก็พอแล้ว ตอนนี้โจวเจ๋ ทำให้ฉันมีความสุขดี ถึงแม้จะใช้ไม่ได้ไปนิด แต่ก็ดีกับฉันจริงๆ เมื่อก่อนที่เขาดีกับฉัน คือด้วยเงิน ตอนนี้ที่ดีกับฉัน คือด้วยใจ” จางเชี่ยนพูด บนใบหน้า ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเล็กน้อย

หลี่ฝางยิ้มเหอะๆ เห็นจางเชี่ยนเป็นแบบนี้ เธอก็มีความสุขดี

เมื่อก่อน หลี่ฝางยังคิดว่า หลิวเฉียวเฉียว เซี่ยลู่ จางเชี่ยนผู้หญิงในสามคนนี้ คงเป็นจางเชี่ยนที่หาความสุขที่แท้จริงของตัวเองได้ยากมากที่สุด

หลี่ฝางมมองไปที่หลิวเฉียวเฉียว และพูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย: “ทำไมเธอถึงพาหล่อนมาด้วย? หล่อนมาทำไม? ทำไม ถูกส้งเสียงทิ้งแล้วเหรอ?”

“แป๊บเดียวก็ทิ้งหล่อนแล้วเหรอ?”

จางเชี่ยนมองบนใส่หลี่ฝาง: “หลี่ฝาง นายนี่ขี้ลืมจริงๆ หรือว่ารู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามห้ะ คราวที่แล้วที่ด้านนอกบาร์ ส้งเสียงตีเฉียวเฉียวสะบักสะบอมขนาดนั้น ยังไม่ยอมเลิกอีกเหรอ?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ส้งเสียงคนนั้น เป็นคนที่เห่อของใหม่เบื่อของเก่ายิ่งกว่าโจวเจ๋อีก แถมยังชอบใช้กำลัง เฉียวเฉียวอยู่กับเขา ถือได้ว่าได้รับกรรมมามากแล้ว”

“ส้งเสียงคนนั้นก็น่ารังเกียจจริงๆ หลังจากตระกูลส้งล้มละลาย ส้งเสียงคนนั้นก็กลับมาหาเฉียวเฉียว อยากจะคืนดีด้วย ส้งเสียงนั้นอยากจะกลับมาคืนดีด้วยที่ไหนกัน ก็แค่อยากจะมาหาผู้หญิงที่ไม่อยากได้เงินเล่นแค่นั้น”

“เฉียวเฉียวไม่ตกลง เขาก็มาเกาะแกะวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น ถึงกับไปดักที่หน้ามหาลัย ก่อปัญหาให้หลิวเฉียวเฉียวไม่น้อยเลย”

“ตอนนี้ส้งเสียงก็แย่มากเหมือนกัน ตระกูลล้มละลาย พ่อเขาก็หนีไปแล้ว แม่เขา ก็หนีตามคนอื่นไปแล้ว ไม่มีใครต้องการเขาแล้ว และก็ไม่มีใครสนใจด้วย ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายส้งเสียงเมื่อก่อน เหมือนว่าจะหาแฟนใหม่ได้หมดแล้ว ส้งเสียงไม่กล้าไปยุ่งเลยสักคน”

“เขารังแกคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า จึงมาหาได้แต่หลิวเฉียวเฉียว”

“เขาถึงขั้น ให้หลิวเฉียวเฉียวเลี้ยงเขา ของขวัญที่เคยให้หลิวเฉียวเฉียว ตอนนี้เอากลับคืนไปหมดแล้ว ไม่ใช่แค่เอาของขวัญคืนไป ส้งเสียงถึงกับคิดเงินที่เคยใช้ไปกับหลิวเฉียวเฉียว ทั้งหมดนับออกมา รวมไปถึงทุกครั้งที่กินข้าวจ่ายไปเท่าไหร่ แล้วจะมาเอากับหลิวเฉียวเฉียว นายว่าน่ารังเกียจมั้ย? ถ้าหลิวเฉียวเฉียวไม่ให้ เขาก็มาสร้างปัญหา แถมยังบอกว่าจะทำให้หลิวเฉียวเฉียวไปมหาลัยไม่ได้”

หลี่ฝางมองจางเชี่ยนอย่างแปลกใจ แล้วถาม: “ทำแบบนี้ได้ไงเหนี่ย?”

“ตระกูลส้งกับตระกูลโจวอยู่ที่ตงไห่มาหลายปี ทำไมบอกว่าเขี่ยทิ้งก็จะเขี่ยทิ้งได้ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ?” หลี่ฝางมองจางเชี่ยนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วถาม

จางเชี่ยนใช้สายตาแปลกๆ มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “หลี่ฝาง นี่นายไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่เหนี่ย?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วถาม: “พูดแบบนี้หมายความว่าไงห้ะ จางเชี่ยน ความหมายของเธอคือ ฉันเป็นคนทำสินะ?”

“ใช่แล้ว คนทั้งตงไห่รู้กันหมดว่า เรื่องนี้ เป็นฝีมือของพวกนายตระกูลหลี่”

“หลังจากครังก่อนแล้วที่ส้งเสียงถูกนายจัดการที่บาร์ จากนั้นธุรกิจของตระกูลเขา ก็เริ่มมีปัญหา ผู้ร่วมธุรกิจกับเขาหลายคน ทั้งหมดก็ตีตัวออกห่าง รวมไปถึงเพื่อนที่ดีของตระกูลเขา หรือว่าคนที่ร่วมธุรกิจกันมานาน ก็เริ่มตีตัวออกห่างพวกเขา”

“ถึงยังไงใครก็รู้ ว่าส้งเสียงทำให้คุณชายหลี่ไม่พอใจ ทำธุรกิจกับตระกูลส้ง นั่นก็ไม่ได้เท่ากับอยู่คนละฝ่ายกับตระกูลหลี่หรอกเหรอ? ให้ดูทั้งตงไห่ มีใครคนไหน กล้าที่จะยืนตรงข้ามกับตระกูลหลี่ล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงตงไห่ แม้แต่เมืองเอก คนแบบนั้น จะมีสักกี่คนเชียว?” จางเชี่ยนพูด

หลี่ฝางยิ้มเหอๆ คิดไม่ถึงว่าตนเองจะทำร้ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ตระกูลส้งได้รับผลกระทบมากมายขนาดนี้

แต่ถึงยังไง หลี่ฝางได้ยินข่าวนี้ ก็แฮปปี้ดี

ยังไงก็ตามส้งเสียงคนนั้น ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เจอแบบนั้นไป ก็ถือว่าสมควร

หลี่ฝางพูด: “งั้นก็ยิ่งดี ประหยัดแรงฉันแล้ว”

“คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ลงมือ? ถึงแม้สัญญาธุรกิจเมื่อก่อนจะไม่มีแล้ว แต่ถึงจะอับจนหนทางยังไงก็ไม่ใช่ไม่มีความสามารถ ตระกูลส้งสามารถถอยตัวออกมาได้ แต่ว่า เขากลับโดนทุกฝ่ายเพ็งเล็ง พวกสรรพากรก็กำลังตรวจสอบการหลบเลี่ยงภาษี และก็มีคนเริ่มตรวจสอบสินค้าของตระกูลเขา ยังไงก็ตาม ตระกูลส้งถือได้ว่าเกิดเรื่องลำบากแล้ว”

“หลายคนพูดว่า เป็นนายที่จัดการเขา แถมยังจะเล่นให้ตายด้วย โรงงานรีไซเคิลกระดาษที่ตระกูลส้งทำ ก็ถูกคนคุ้ยออกมา พ่อเขาในตอนนั้นตกใจจนหนีไปเลย”

“ตระกูลโจวกับตระกูลส้งมีสัญญาร่วมกันอยู่ หลังจากตระกูลส้งล้มละลาย สัญญานั่น ก็ยังติดพันอยู่ ตระกูลโจวก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ก้อนใหญ่ ถึงแม้จะไม่อนาถเท่าตระกูลส้ง แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่หรอก”

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ถ้าฉันบอกว่าเรื่องทั้งหมดพวกนี้ฉันไม่รู้เลย จะเชื่อมั้ย?”

“แน่นอนว่าไม่เชื่อ ถ้านายไม่สอดมือ ตระกูลส้งจะถูกคนอื่นทำพินาศมั้ย?” จางเชี่ยนมองหลี่ฝาง ด้วยสายตาประหลาดใจ

“ที่เมืองเอกฝั่งฉันมีปัญหามากพอแล้ว คนที่น่ารังเกียจดีแต่สร้างความวุ่นวายอย่างส้งเสียง ฉันไม่สนใจเลยสักนิด” หลี่ฝางพูด

“ฉันได้ยินโจวเจ๋พูด คนที่ลงมือกบตระกูลส้ง เป็นคนที่มีอำนาจมาก เมื่อก่อนพ่อของส้งเสียงเคยคิดจะใช้เงินยี่สิบล้านเพื่อจัดการเรื่องนี้ แต่ว่า กลับไม่มีคนกล้ารับเงินนั่น ได้ยินมาว่าจะกำจัดตระกูลส้ง แบบสวีฉายโห้ว”

“คนที่สามารถพูดเปรียบกับสวีฉายโห้วได้ นอกจากตระกูลหลี่ของพวกนายแล้ว ยังจะมีใครอีก?” จางเชี่ยนมองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างสงสัย

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันไม่ได้พูดอะไรนะ”

หลี่ฝางคิดอยู่ครู่ จะใช่ลุงเฉียนหรือว่าพ่อของตนทำโดยไม่บอกตนมั้ยนะ คิดไปคิดมา หลี่ฝางรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงยังไงทำเรื่องแบบนี้ พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องปิดบังตน

อีกอย่างพวกคนอย่างตระกูลส้ง ไม่มีค่าพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของตระกูลหลี่

ตระกูลหลี่ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเป็นศัตรูกับตระกูลส้ง

ในตอนนั้น โก่เอ๋อที่สวมชุดนอนลายการ์ตูน ก็ค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นบน หลี่ฝางเห็นโก่เอ๋อ จู่ๆ ก็ตาเป็นประกาย

“โก่เอ๋อ ฉันถามเธอเรื่องนึง” หลี่ฝางเดินอย่างเร็ว เข้าไปหาโก่เอ๋อ

โก่เอ๋อมองหลี่ฝางอย่างตกใจ แล้วถาม: “นายจะถามอะไร? เรื่องลับมากๆ ส่วนตัว ฉันบอกนายไม่ได้นะ”

โก่เอ๋อพูด พลางเอามือบังหน้าอกตัวเองไว้ ดวงตาสองข้างมองหลี่ฝางอย่างหวาดระแวง หลี่ฝางพูดอย่างเอือมๆ : “เธอคิดไปถึงไหนเหนี่ย ฉันไม่ได้จะถามไซส์เธอนะ”

“งั้นนายจะถามอะไร”

“ฉันอยากถามว่า ตระกูลส้งที่ตงไห่ถูกกำจัด เป็นฝีมือเธอใช่มั้ย?” หลี่ฝางมองโก่เอ๋อ แล้วถามอย่างจริงจัง

ถึงยังไงเมื่อก่อน โก่เอ๋อกับส้งเสียง ก็เคยทะเลาะกันอยู่

โก่เอ๋อขมวดคิ้ว: “ตระกูลส้งตงไห่อะไรกัน นายพูดอะไรเหนี่ย?”

“ก็คือไอ้คนที่รังแกเธอที่บาร์เมื่อครั้งก่อนไง ต่อมายังตีกันจนถึงสถานีตำรวจอ่ะ เธอลืมไปแล้วเหรอ?” หลี่ฝางพูดรื้อความจำ

พูดถึงตรงนี้ โก่เอ๋อถึงจะนึกขึ้นได้: “ไอ้หมอนั่นอ่ะนะ จำได้สิ ทำไม มันยังไม่ตายเหรอ?”

“ยัง แต่ทรมานซะยิ่งกว่าตายอีก” หลี่ฝางพูด

ในตอนนั้น หลี่ฝางก็พอจะเข้าใจแล้ว ที่ตระกูลส้งเกิดเรื่อง แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นฝีมือของโก่เอ๋อ

โก่เอ๋อพยักหน้า แล้วพูด: “ก็จริงที่ฉันโทรไปที่บ้าน บอกพวกเขาว่า ฉันถูกคนรังแก แล้วให้ที่บ้านช่วยฉันระบายความโมโหหน่อย”

“ตระกูลพวกเขาล้มละลายแล้ว” หลังจากหลี่ฝางยืนยันได้แล้ว จึงหัวเราะเหอะๆ : “โทรศัพท์ของเธอสายนั้น ทำลายครอบครัวธุรกิจขนาดใหญ่มากๆ ”

โก่เอ๋อทำหน้านิ่ง ไม่มีความตกใจหรือแปลกใจใดๆ

ราวกับว่า โก่เอ๋อก็นึกอยู่แล้วอย่างนั้นแหละ

ในตอนนั้นโจวหยางก็เดินเข้ามา มองหลี่ฝางแล้วถามขึ้น: “หลี่ฝาง นายช่วยดูหน่อยว่าจะให้พี่ชายฉันทำงานอะไรดี?”

“ฉันไม่ร่วมตัดสินใจอะไรทั้งนั้นในบริษัท เอาที่นายเห็นสมควรเถอะ”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ถึงยังไงนายก็เชี่ยวชาญ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามพี่นายดูว่าทำอะไรได้บ้าง ก็ให้เขาทำอันนั้นละกัน ถ้าเอางานระดับต่ำๆ นายก็คงจะอธิบายกับพ่อแม่ได้ยาก แต่ก็อย่าสูงเกินไปล่ะ ถึงยังไง พวกเราก็ยังไม่สามารถเชื่อใจเขาได้”

ข้างหูของหลี่ฝาง จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของมู่เสี่ยวไป๋

ถ้าหากโจวเจ๋เป็นไส้ศึกที่มู่เสี่ยวไป๋ส่งมาล่ะ? นั้นก็เป็นปัญหาน่ะสิ?

คิดไปคิดมา ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า หลี่ฝางพูดขึ้น: “ให้เขาเริ่มตั้งแต่ ระดับพนักงานธรรมดาเถอะ”

หลี่ฝางพูดจบ จางเชี่ยนก็ไม่พอใจ หล่อนวิ่งเข้ามาทันที แล้วถามหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง นายหมายความว่าไงเหนี่ย เมื่อกี้นายไม่ได้บอกว่า ความแค้นในอดีต หายกันแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายกลับให้สามีของฉันเริ่มตั้งแต่พนักงานต๊อกต๋อยเหนี่ยนะ นายจะดูถูกกันใช่มั้ย?”

“นายอย่าลืมนะ สามีฉันเคยเป็นประธานบริษัทมีเดียนะ เขาสร้างบริษัทมีเดียขึ้นเองกับมือ แถมยังหาเงินให้ตระกูลโจวอีกไม่น้อย สุดท้ายถ้าไม่ใช่เพราะพวกนาย เกรงว่าบริษัทของสามีฉัน เทียบกับสถานีของพวกนายตอนนี้แล้ว ไม่ได้ด้อยกว่ากันเท่าไหร่หรอก” จางเชี่ยนพูดอย่างไม่พอใจ

หลี่ฝางมองจางเชี่ยน แล้วพูด: “ฉันคงจะไม่สามารถให้เขาไปเป็นประธานบริษัทเลยหรอกนะ?”

“ไม่เป็นไร ฉันยินดีเริ่มตั้งแต่ระดับพนักงาน” โจวเจ๋เดินเข้ามา ยิ้ม แล้วพูดอย่างนิ่งๆ

หลี่ฝางมองโจวเจ๋อย่างผิดคาด หลี่ฝางนึกว่า โจวเจ๋จะโวยวาย เหมือนกับจางเชี่ยน แล้วก็สะบัดหน้าเดินไป

ตอนนี้เห็นที ความเปลี่ยนแปลงของโจวเจ๋ จะมีมากนะ

“ช่างเถอะ ที่รัก พวกเราไม่ทำแล้ว ที่นี่มันใหญ่ไป พวกเราไม่หาที่เล็กๆ กว่านี้เถอะ ในเมืองเอกมีบริษัทมีเดียยตั้งหลายบริษัทแหนะ ทำไมพวกเราต้องมาบริษัทนี้ด้วย”

“ถึงแม้จะหางานไม่ได้ ก็ยังมีฉัน ถึงแม้ฉันจะต้องเลี้ยงนาย ฉันก็ไม่ให้นายไปเป็นพนักงานต๊อกต๋อยหรอก”

จางเชี่ยนพูดหาความยุติธรรม ให้กับความสามารถที่โจวเจ๋มี

หลี่ฝางมองจางเชี่ยน และหันไปมองโจวเจ๋ แล้วพูด: “เหอะๆ จางเชี่ยน เธออย่าเพิ่งกระวนกระวาย คนมาใหม่ แน่นอนว่าต้องเริ่มจากระดับต่ำสุด ถ้าหากโจวเจ๋มีความสามารถจริงๆ งั้นฉันก็ต้องเลื่อนขั้นให้เขาแน่”

“พอดีเลย วันนี้ฉันเจอปัญหาแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพี่โจว จะสามารถแก้ปัญหาได้มั้ย?”

หลี่ฝางมองโจวเจ๋ แล้วยักคิ้ว

โจวเจ๋ปัดมือ: “คุณชายหลี่ คุณเรียกผมว่าเสี่ยวโจวก็ได้ อย่าเรียกพี่โจวเลย”

“มีปัญหาอะไรคุณบอกเลยครับ ขอแค่ผมสามารถช่วยได้ สามารถออกความเห็นได้ ผมไม่เกี่ยงเลยครับ” โจวเจ๋พูด

หลี่ฝางมองโจวหยาง แล้วพูด: “นายบอกพี่ชายนายเถอะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท