NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่599 ตัวเลือกของหวางเห้า

บทที่599 ตัวเลือกของหวางเห้า

“คนที่เห็นแก่ตัวมักจะคิดหาทางเพื่อให้ตัวเองรอดอย่างไร้มลทิน จริงๆพอมาคิดดูดีๆแล้ว ไม่ว่าผมหรือพี่หยุนก็ไม่มีทางกำจัดมู่เสี่ยวไป๋ได้ หรือต่อให้พี่หวางต้องยังมีชีวิตอยู่ เขาก็อาจจะจับทางมู่เสี่ยวไป๋ไม่ถูก มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนรอบคอบ เขาไม่เคยทิ้งร่อยรอยอะไรให้คนอื่นตามทัน”

“พวกเราทำงานให้เขาตั้งมากมาย มากกว่าครึ่งในนั้นแทบไม่มีจุดไหนที่จะเชื่อมโยงถึงเขาได้เลย คุณรู้ไหม ถ้าเขาชั่วร้ายขึ้นมาจริงๆ แม้แต่เพื่อนตัวเองก็ยังจัดการได้ ขนาดที่ทั้งๆที่เพิ่งจะเซ็นสัญญากับคุณไปแท้ๆ แต่แค่เดินหันหลังกลับมาเขาก็สามารถให้คนเอามีดมาแทงคุณได้ ใครจะคิดถึงล่ะ? ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีดนี้จะเป็นมู่เสี่ยวไป๋ ขนาดฝันยังฝันไม่ถึงเลย ตรงข้าม มู่เสี่ยวไป๋ยังแจ้งตำรวจให้ผู้เสียหาย ทำเหมือนกับว่าหลังจบเรื่องตัวเองจะกลายเป็นผู้มีพระคุณไปซะอย่างนั้น”

“มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนต่ำตมที่สุดที่พวกเราเคยพบเจอ พี่หวางต้องได้เห็นตัวตนของเขาแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น”

จูเฟิ่งปินพูด “คุณชายหลี่ต้องระวังตัวให้มากครับ ตัวเขาที่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่ผมได้ยินพี่ใหญ่บอกว่าเขขากำลังวางแผนที่รอบคอบมากๆ เพราะครั้งก่อนที่โจมตีคุณทำให้เขาเสียหายไปมาก เพราะงั้นเขาคงไม่ลงมืออีกง่ายๆ”

“ผิวน้ำที่ดูนิ่งสงบ แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างใต้นั้นมีอันตรายอะไรบ้าง เขาวางแผนเล่นงานคุณอยู่เงียบๆ” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง เตือนด้วยความหวังดี “ผมก็ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไร แต่ถ้ารู้ผมจะบอกคุณแน่นอน”

หลี่ฝางพยักหน้า เรื่องลับๆแบบนั้น มู่เสี่ยวไป๋ไม่มีทางปล่อยให้ลูกกะจ๊อกรู้อยู่แล้ว

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปินแล้วเอ่ย “ฉันเตรียมรถไว้แล้ว สำหรับพานายกับเฉิงหยุนหลบหนี”

“พี่เฉินหยุน…” จูเฟิ่งปินถอนหายใจ แล้วถามต่อ “เขาก็จะหนีหรอครับ?”

“มู่เสี่ยวไป๋ไม่มีทางปล่อยให้พวกนายลอยนวล” หลี่ฝางบอก

“แต่แน่นอนว่าพวกนายยังมีอีกทางเลือก นั่นก็คือตามฉัน แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า ยังไงซะฉันก็ไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับพวกนายว่างอยู่ อีกอย่างประวัติพวกนายก็ไม่ค่อยสะอาดนัก ยังมีคดีตามตัวอีกเพียบ มู่เสี่ยวไป๋จะต้องมีหลักฐานชี้ตัวพวกนายอยู่ในมือแน่ ถ้ามาอยู่กับฉันเกรงว่าจะกลายเป็นแค่ระเบิดเวลาไปซะเปล่าๆ” หลี่ฝางพูด

“แล้วน้องสาวผม…” หลี่เฟิ่งปินถาม

‘’เฉิงหยุนกำลังไปรับน้องสาวนาย” หลี่ฝางพูดต่อ “เชื่อว่าไม่นานพวกเขาก็จะมาถึง”

“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องถาม นายรู้จักหวางเห้าไหม?” หลี่ฝางมองหน้าจูเฟิ่งปินแล้วเอ่ยถาม

จูเฟิ่งปินพยักหน้า “รู้จักครับ เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องคุณนี่ คนที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก แล้วเมื่อก่อนก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา ถ้าไม่รู้จักผมก็คงหัวทึ่มเต็มที”

“แล้วตอนที่ตระกูลมู่ นายเคยเจอเขาหรือเปล่า?” หลี่ฝางถาม

จูเฟิ่งปินหัวเราะหึ แล้วพูด “คุณชายหลี่ เขาเป็นลูกน้องของคุณ จะเสนอหน้าไปตระกูลมู่ทำไม?”

“ผมได้ยินว่าคุณกับเขามาจากตงไห่เหมือนกันนี่”

“หรือว่าเขาหักหลังคุณ? แล้วไปรับใช้มู่เสี่ยวไป๋? เป็นไปไม่ได้มั้ง ผมไม่เคยได้ยินพี่พูดถึงเขาเลย ผมจะบอกความลับอะไรให้อย่าง พี่หวางต้องเขามีจุดอ่อนอยู่อย่างนึง ก็คือชอบนอนละเมอ ถึงปกติเขาจะเป็นคนพูดจาระวังคำพูดก็จริง แต่พอนอนหลับก็มักจะซี้ซั้วพูดไม่หยุด”

“นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่พี่เขาไม่มีแฟน ทนจนตบะแตกถึงได้หาสาวมาบำเรอ”

“เราสนิทกันมาก เพราะเคยเฉียดตายมาด้วยกัน ผมกับเขายังเคยนอนห้องเดียวกัน เพราะแบบนั้นผมถึงได้รู้ความลับมากมายของมู่เสี่ยวไป๋ มีครั้งนึงพี่หวางต้องยังเคยพูดเลยว่าอยากจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ให้ตาย”

หลี่ฝางหัวเราะหึ “นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยแฮะ ยังดีที่มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้ยิน ถ้ามาได้ยินเข้าหวางต้องคงได้ตายไปนานแล้ว”

พอพูดถึงการตายของหวางต้อง ใบหน้าของจูเฟิ่งปินก็ฉายแววว้าวุ่นขึ้นมา

“จริงสิ ที่หวางต้องพูดตอนนอนละเมอ นายพอจะจำได้มากแค่ไหน?” หลี่ฝางถาม “มันมีประโยชน์กับฉันมาก”

“ผมจำได้แค่หนึ่งในสาม คุณชายหลี่ ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่าสิ่งที่เขาละเมอจะจริงเท็จมากแค่ไหน อีกอย่าง หลักฐานอะไรก็ไม่มี จะมีประโยชน์ต่อคุณได้ยังไง” จูเฟิ่งปินถามอย่างสงสัย

‘’ตำรวจสืบคดีต้องใช้หลักฐาน แต่เราไม่ใช่ตำรวจ”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด “อย่างที่นายยกตัวอย่างเมื่อกี้ คนอย่างมู่เสี่ยวไป๋เพิ่งเห็นหน้าเซ็นสัญญากันอยู่หยกๆ แต่พอหันหลังไปก็ให้ลูกน้องมาลอบทำร้าย นายว่าถ้าฉันเอาไปบอกคู่กรณี คู่กรณีคนนั้นจะเกลียดแค้นมู่เสี่ยวไป๋ไหมล่ะ?”

“เหอะๆ มู่เสี่ยวไป๋ก็อาจจะแค่อยากทำตัวให้เป็นบุญคุณ ถ้าฉันกระชากหน้ากากของมู่เสี่ยวไป๋ได้แล้วทำให้อีกฝ่ายเชื่อ ที่มู่เสี่ยวไป๋ทำมาทั้งหมด ก็กลายเป็นไร้ค่าไปเลยไม่ใช่หรือไง?”

“ก็จริงครับ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะมีศัตรูเพิ่มขึ้น มิตรน้อยลงไปอีกคน” จูเฟิ่งปินพูดหัวเราะหึๆ

“อืม ฉันไม่รบกวนนายแล้ว นายค่อยๆคิด ในห้องมีกระดาษกับปากกาอยู่ นายคิดอะไรออกก็บันทึกลงไป” หลี่ฝางพูด ขณะที่ยื่นเงินสดสิบล้านไปให้

หลี่ฝางวางถุงเงินลงตรงหน้าจูเฟิ่งปิน “เงินพวกนี้สำหรับค่าเหนื่อยของพวกนาย”

“ค่าเหนื่อย? คุณชายหลี่ช่วยชีวิตเราไว้ ไหนจะให้เงินมากมายขนาดนี้ ไหนจะจัดการเรื่องหลบหนีให้…” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

“ไม่เท่าไหร่ สิ่งที่พวกนายบอกฉันมันคุ้มค่าที่จ่ายไปแล้วล่ะ”

แค่เฉิงหยุนคนเดียวก็เขียนสิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋ทำผิดกฎหมายมาสิบข้อแล้ว แต่ทั้งหมดนั้นอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อไปถึงมือตำรวจ

แต่ถ้าเรื่องพวกนั้นไปถึงมือของคู่กรณี ใบหน้าที่แท้จริงของมู่เสี่ยวไป๋ก็จะถูกกระชากออก

“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ได้ขัดสนอะไรกับเงินแค่สิบล้าน แต่พวกนายต้องใช้มัน ถ้าพวกนายหนีออกไปจากที่นี้แล้วแต่ไม่มีเงินใช้ เห็นทีจะไม่ได้” หลี่ฝางพูด “ตอนแรกฉันตั้งใจจะโอนเงินเข้าบัตรของพวกนาย ถือแบบนี้ไว้คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ แต่มาคิดอีกที การหลบหนีของพวกนายครั้งหนี มู่เสี่ยวไป๋คงรายงานความผิดทุกอย่างที่พวกนายเคยทำถึงหูตำรวจแน่ แล้วบัตรของพวกนายก็จะถูกอายัด”

“คุณชายหลี่คิดเผื่อพวกเรามากจริงๆ” จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซึ้งใจ

หลี่ฝางเดินออกจากห้อง แล้วหยุดอยู่ที่ปลอดคน ก่อนจะจุดไฟบุหรี่มวนนึง เมื่อสูบเสร็จ ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ออกมา เขาเลื่อนหาเบอร์ติดต่อของหวางเห้า หลังจากลังเลอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจโทรออก

“เจ้านาย โทรมาดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรครับเนี่ย” หวางเห้าถามขึ้นราวกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่

ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงงุนงงนั่นความเคลือบแคลงใจของหลี่ฝางก็หายวับ

“พี่เห้า ฉันจะส่งโลเคชั่นไปให้ในวีแชท ว่างไหม? มาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของหลี่ฝางเย็นยะเยียบ

“ได้เจ้านาย มีภารกิจลับอะไรหรือเปล่า” หวางเห้าถามหยั่งเชิง

“นายมาคนเดียวนะ มาถึงแล้วฉันจะบอก” หลี่ฝางตั้งใจพูด “อย่าลืม มาคนเดียว ใครก็ไม่ต้องพามา”

“ได้” หวางเห้าตอบรับอย่างอารมณ์ดี

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หวางเห้าก็เดินออกมาจากรถจิ๊บ แล้วเข้าไปหาหลี่ฝาง

หลี่ฝางยิ้มแล้วถาม “ทำไมไม่ขับมอร์ไซค์มาล่ะ?”

“จู่ๆก็รู้สึกว่าเจ้านั่นไม่ปลอดภัย สู้สี่ล้อนี่ไม่ได้” หวางห้าวหัวเราะแหะๆ แล้วมองไปที่หลี่ฝาง “เจ้านายเรียกผมมาด่วนขนาดนี้ แสดงว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่ไหม?”

หลี่ฝางเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันให้เรื่องดีๆกับนายไปเยอะมาก แค่ถนนบาร์อย่างเดียว ถ้าบริหารดีๆเดือนๆนึงคงทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลัก”

“ถ้าแอบตักตวงไปสักหน่อย เหอะ…”

ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ หวางเห้าก็รีบตัดบท “เจ้านาย ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”

หลี่ฝางปรายตามองหวางเห้า สีหน้าจริงจัง “ฉันก็คิดว่าไม่ใช่ แต่ฉันกลัวว่านายจะเปลี่ยนไป”

“หวางเห้า นายมีอะไรปิดบังอยู่หรือเปล่า?” หลี่ฝางถาม

“เจ้านาย วันนี้เป็นอะไร? เรารู้จักกันมาตั้งนานขนาดไหนแล้ว ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ทำไมต้องอ้อมไปอ้อมมา? คุณเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งไม่สบายใจ” หวางเห้าสบตาหลี่ฝางแวบนึง ก่อนจะพูดสื่อความนัย “ถ้าคุณคิดว่าเชื่อใจผมไม่ได้ ผมก็ยินดีจะพาคนของตัวเองออกไป ส่วนไหนที่เป็นของคุณ ผมไม่แตะแม้เพียงปลายนิ้ว”

“ความสามารถแบบซินปา จะดูแลถนนบาร์แทนผมได้อย่างดี” หวางเห้าพูด

หลี่ฝางแค่นหัวเราะ “หาเจ้านายคนใหม่ได้แล้วหรอ?”

หวางเห้าขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปยังหลี่ฝาง “คุณชายหลี่ เรียกผมมาถึงที่นี่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?”

“ไม่มีอะไร ก็แค่มีคนบังเอิญเจอนายเดินเข้าบ้านตระกูลมู่ ตอน…” ขณะพูด หลี่ฝางก็คอยสังเกตปฎิกิริยาของหวางเห้า

บางทีอาจจะเพราะสีท้องฟ้ายามวิกาล หลี่ฝางจึงมองไม่ออกนัก

หวางเห้าฟังจบ ก็แค่นหัวเราะ “คุณชายหลี่กำลังจะบอกว่าผมหักหลังคุณ แล้วแอบไปอยู่ฝ่ายมู่เสี่ยวไป๋?”

“คนอย่างหวางเห้าไม่ใช่ประเภทแว้งกัดผู้มีพระคุณ กินบนเรือนขี้บนหลังคา” หวางเห้าพูด

หลี่ฝางนิ่งไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “ฉันก็คิดว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ได้ยินว่าชางสู่กำลังจะกลับมา เขาเป็นพี่น้องคนสนิทของนายนี่”

วินาทีนี้สีหน้าของหวางเห้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าหลี่ฝางก็เห็นเต็มสองตา

หลี่ฝางแสยะยิ้ม แล้วพูดแทงใจ “นายไปหาชางสู่ที่บ้านตระกูลมู่มาสินะ?”

หวางเห้าเป็นใบ้ไปชั่วขณะ

“นายจะไปบ้านตระกูลมู่ จะไปเจอชางสู่ก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องปิดบังฉัน?” หลี่ฝางมองหน้าหวางเห้าพร้อมเอ่ยถามไม่หยุด

“ผมกลัวคุณจะคิดมาก” หวางเห้าพูดเสียงทุ้มต่ำ

หวางเห้าพูดแบบนี้ ก็หมายความว่าเขายอมรับเรื่องที่ตัวเองแอบไปบ้านตระกูลมู่ หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ฉันจะคิดมากเรื่องอะไร?”

“ระหว่างคุณกับมู่เสี่ยวไป๋เปราะบางขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าผมไปบ้านตระกูลมู่ คุณคงจะสงสัยในผมฉันแล้วก็ไม่สบายใจ” หวางเห้าตอบ

หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น “ฉันไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น แค่นายเอ่ยปากพูดกับฉันสักคำ ฉันก็คงไม่สงสัยในตัวนาย ทำไมต้องรอให้ฉันรู้เอาเองนายถึงจะสารภาพ อีกอย่างนายก็รู้ทั้งรู้ว่าระหว่างฉันกับมู่เสี่ยวไป๋เป็นยังไง ทำไมยังเลือกที่จะไปที่บ้านนั้น เมืองเอกใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่เลือกสถานที่อื่น แต่ดึงดันจะไปที่นั่นให้ได้?”

หวางเห้าเงียบไปพักใหญ่

“พูดไม่ออกหรอ?” หลี่ฝางเห็นหวางเห้าเงียบก็ยิ่งโมโห

“ผมไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อคุณไม่เชื่อผม ถึงผมจะพูดยันฟ้าสว่างคุณก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณเชื่อใจผม ต่อให้ไม่พูดอะไรคุณก็เชื่อ” หวางเห้าพูดเสียงเรียบ ด้วยท่าทีสบายๆ

หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมจนเป็นปม “ถ้าฉันไม่เชื่อ ฉันจะเรียกนายมาที่นี่คนเดียวแล้วคุยกันตัวต่อตัวแบบนี้ทำไม? ถ้าฉันไม่เชื่อใจ ป่านนี้คงให้คนไปตามสะกดรอย ตามไปสืบ หรือไม่ก็ส่งคนไปซ้อมแล้ว”

“หึ คุณชายหลี่ การที่ผมไปเจอหน้าพี่น้องมันผิดมากหรอ? ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปรู้เรื่องที่ผมไปบ้านตระกูลมู่มาจากไหน แต่ผมบอกไว้ก่อน อย่าหลงเชื่อลูกไม้ของมู่เสี่ยวไป๋ ผมเองก็ไม่ได้อยากไปเจอชางสู่ที่บ้านนั้นหรอกนะ แต่มีคนบอกว่าชางสู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น คุณบอกผมที ในฐานะพี่น้องของชางสู่ ถ้าเป็นนายนายจะไม่ไปเยี่ยมสักนิดหรอ?” หวางเห้าพูด “ว่ากันตามจริงผมเองก็โดนหลอกเหมือนกัน”

“นั่นเป็นข่าวปลอม แต่ก็ไม่ได้ปลอมทั้งหมด ชางสู่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผมเองก็ไม่ได้เจอชางสู่ แต่ได้เจอกับลูกเมีย พวกเขาอยู่ที่บ้านตระกูลมู่”

หวางเห้าขมวดคิ้ว พูดต่อ “ผมรู้ว่าชางสู่มีแฟน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีลูกด้วยกัน เหอะ ชางสู่ไม่เคยบอกผมว่าการจากกันครั้งนี้เป็นเพราะครอบครัวของเขาเกิดเรื่องขึ้น และมีคนตามล่าอยู่”

หวางเห้าเม้มปาก “ชางสู่ไม่ได้จัดการปัญหานี้เอง แต่เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่ลงมือจัดการให้”

“เพราะงั้นผมเดาจากนิสัยของชางสู่…เขาคงไปเป็นลูกมือให้มู่เสี่ยวไป๋เพื่อตอบแทนบุญคุณ” หวางเห้าพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ถ้าถึงเวลานั้น นายจะเลือกอะไร เลือกฉัน? หรือพี่น้องร่วมสาบานอย่างชางสู่?” หลี่ฝางมองหน้าหวางเห้า

สีหน้าของหวางเส้าเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดอย่างหนัก

หวางเห้าเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วก้มหน้ามองพื้น ตอบคำถามของหลี่ฝางไม่ได้

“ทำไม นายไม่กล้าทำร้ายฉัน?” หลี่ฝางฉีกยิ้ม “คำตอบของนายคงเป็นชางสู่สินะ? ยังไงซะระหว่างนายกับเขาก็ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ในขณะที่เราเป็นแค่คนร่วมงานกันก็เท่านั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท